overgraY
The Star’s Love Relationship รักลับของซูเปอร์สตาร์ บทที่ 4 #นิยายวาย
“เดี๋ยวผมขอออกไปเดินเล่นแป๊บนึงนะ”
ชินถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะกระชากเสื้อที่อยู่บนไหล่ออกอย่างแรงแล้ววางไว้บนเก้าอี้แทน ระหว่างนั้นเองสีหน้าของยอนโฮที่เห็นชินกระชากเสื้อคลุมของตัวเองจึงบึ้งตึง
คอเสื้อของชินกว้างจนทำให้เห็นช่วงไหล่ที่ขาวเนียนและตราประทับสีแดงเด่น ซึ่งตราประทับนั้นสามารถทำให้ชินตกอยู่ในอันตรายได้ ยอนโฮจึงรีบสาวเท้าเข้าไปใกล้แล้วหยิบเสื้อมาคลุมไหล่ให้ชินอีกครั้ง
“ใส่ซะ ถ้าไม่สบาย เดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก”
“ไม่จำเป็น”
ยอนโฮรีบคว้ามือของชินที่ทำท่าจะดึงเสื้อคลุมออก
“อยู่เฉยๆ ไม่ได้เหรอไง”
ประกายตาคมกริบอันน่าหวาดหวั่นกำลังจับจ้องไปที่ชิน
***
ในที่สุดก็เริ่มถ่ายฉากกระโดดน้ำซึ่งเป็นฉากสุดท้าย
“เอาล่ะ ขอเทกเดียวจบเลยนะ”
เสียงผู้กำกับดังขึ้นพร้อมกับส่งสัญญาณถ่ายทำ ผู้คนมากมายที่ยืนอยู่รอบสระกระโดดกลางแจ้งพากันกรีดร้องเมื่อเห็นชินยืนอยู่ข้างบน ผิวขาวกระจ่างภายใต้ท้องนภาอันมืดมิด
เมื่อชินที่แต่งหน้าแตกต่างจากช่วงเช้ายกมือขึ้นลูบผมที่ปลิวไสว เพชรเม็ดงามที่สวมอยู่บนนิ้วนั้นก็พลันส่องแสงระยิบระยับเมื่อกระทบกับแสงไฟ ชินแหงนหน้ามองท้องฟ้า สองแขนกางออกคล้ายกับกำลังรอรับสตรีอันเป็นที่รักเข้าสู่อ้อมแขน ภาพชินที่เงยหน้ามองฟ้า แอ่นอก วาดสองแขนกว้างช่างดูเร้าใจและเซ็กซี่มาก ในขณะที่ทุกคนกลั้นลมหายใจมองชินอยู่นั่นเอง ยอนโฮก็แอบกลืนน้ำลายกับภาพตรงหน้าเช่นกัน
“จะไม่ใช้สายสลิงในการถ่ายทำจริงๆ เหรอครับ”
ทีมงานคนหนึ่งตะโกนถาม ชินจึงพยักหน้า หากเป็นนักแสดงคนอื่นคงมีการใช้สายสลิงผูกหลังแล้วลองซ้อมสักสองสามรอบก่อนถ่ายจริง ทว่าชินกลับไม่ต้องการซ้อมใดๆ ความสามารถในการว่ายน้ำของชินขึ้นชื่อในหมู่นักแสดงด้วยกัน และเขาสามารถว่ายแข่งกับนักกีฬาว่ายน้ำที่มีความเชี่ยวชาญได้อย่างไม่ห่างชั้นกันมากนัก
ชินหวนนึกถึงภาพในอดีต
‘ฉันสอนว่ายน้ำให้เอามั้ย อยู่ในที่ที่มองเห็นทะเลแบบนี้ การว่ายน้ำได้ถือว่าเป็นเรื่องพื้นฐานเลยนะ ว่ามั้ย’
ลีจองอูเคยพูดเอาไว้แบบนั้น เมื่อถึงยามราตรี เขามักจะเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับโลกใบนี้ให้ชินฟัง และเขาก็เป็นคนสอนชินว่ายน้ำ
เขาผู้มอบรอยยิ้มอันอบอุ่นให้แก่เด็กกำพร้าที่ไม่มีผู้ใดสนใจอยู่เสมอ เขาผู้ถือถุงที่เต็มไปด้วยขนมและไอศกรีมมาให้สัปดาห์ละครั้ง เมื่อนึกถึงเขาคนนั้น ความหวาดกลัวและความกังวลก็พลันสลายสิ้น
ชินเริ่มขยับเท้า
“จะกระโดดแล้ว”
เสียงกระซิบแผ่วเบาของใครบางคนดังขึ้น ชินพุ่งตัวไปข้างหน้าแล้วทิ้งตัวไปกลางอากาศ คนที่มองดูอยู่ต่างพากันกลั้นลมหายใจ ร่างสง่างามดั่งสกุณาพุ่งเหินลมบนท้องนภาร่วงลงน้ำ ทีมงานต่างส่งเสียงอุทานด้วยความทึ่งเมื่อเห็นร่างของเขาที่ตกลงตั้งฉากคล้ายถูกจับปักให้ตั้งตรง หากไม่ใช่ชิน ก็คงยากที่จะหาใครแสดงได้สมบูรณ์ขนาดนี้
จ๋อม
เสียงน้ำดังเบาๆ มีเพียงคลื่นน้ำเป็นวงเล็กๆ เพียงไม่กี่วงเท่านั้นที่ปรากฏขึ้นหลังจากร่างของชินจมหายไปใต้น้ำ
“คัต”
สิ้นเสียงผู้กำกับ ลมหายใจที่กลั้นอยู่ก็ถูกผ่อนออกมาพร้อมกับเสียงอื้ออึง ช่างเป็นช่วงวินาทีที่ตื่นเต้นและลุ้นยิ่งนัก
“คราวนี้ก็เหลือแค่ถ่ายใต้น้ำใช่มั้ยครับ”
แผนการถ่ายก็คือพอชินร่วงลงผืนน้ำแล้ว ก็ว่ายแหวกอยู่ใต้ท้องทะเลจนเกิดเป็นเกลียวคลื่น ส่วนฉากของเทพีและคลื่นทะเลนั้นสามารถใช้ CG ปรุงแต่งขึ้นมาได้
“ผู้กำกับครับ!”
เสียงใครบางคนดังขึ้น
“ว่าไง”
ภาพของชินที่อยู่ใต้น้ำซึ่งปรากฏบนหน้าจอดูประหลาดพิกล ปกติถ้าอยู่ใต้น้ำแล้วร่างกายของเขาจะว่ายไปมาอย่างอิสระ แต่ตอนนี้เขากำลังจับขาข้างหนึ่ง อ้าปากกว้าง มีฟองอากาศผุดออกมา
“เกิดเรื่องแล้วครับ”
“ไลฟ์การ์ดล่ะ! ไปตามมาเร็ว!”
ทีมงานคนหนึ่งรีบวิ่งตาลีตาเหลือกมาเมื่อได้ยินเสียงตะโกนลั่นของผู้กำกับ
“เห็นว่าคุณคิมชินว่ายน้ำเก่งมาก เราก็เลยให้ไลฟ์การ์ดกลับไปแล้วครับ”
“ว่าไงนะ!”
ใบหน้าของผู้กำกับซีดเผือดทันที
“ชิน!”
ผู้จัดการรีบถอดเสื้อคลุมตัวหนา แม้เขาจะว่ายน้ำไม่เก่งเท่าชินแต่ก็พอมีความมั่นใจอยู่ในระดับหนึ่ง ในขณะที่กำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตที่เป็นอุปสรรคในการดำน้ำอยู่นั้น
ตูม
เสียงกระโดดน้ำก็ดังขึ้น
“มีคนกระโดดลงไปแล้ว!”
ยอนโฮที่ไม่รู้ถอดเสื้อนอกและเสื้อเชิ้ตของตนเมื่อไหร่นั้นได้หายลับไปใต้น้ำที่หนาวเย็นเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างพากันเพ่งดู ภาพใต้น้ำที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมอนิเตอร์ฉายให้เห็นยอนโฮกำลังว่ายน้ำพุ่งตัวไปหาชินที่ทรมานจากอาการใกล้จะหมดอากาศหายใจ ชินรีบหันหน้าไปมองทันทีเมื่อรับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่เข้ามาใกล้ แต่ชินกลับส่ายหน้าเมื่อเห็นยอนโฮ
“ชินส่ายหน้าทำไมน่ะ”
ภาพของชินที่ส่ายหน้าคล้ายปฏิเสธไม่ให้อีกฝ่ายเข้ามานั้นทำให้ผู้คนที่มองจอมอนิเตอร์พากันประหลาดใจ
มือข้างหนึ่งของยอนโฮคว้าจับเอวและอีกมือก็คว้าเข้าที่ต้นคอของชินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะประกบริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากของชินเผื่อส่งอากาศให้
ทันทีที่ฟองอากาศเล็กๆ รอบตัวชินพลันหายไป เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกพร้อมกับเสียงอุทานของผู้คนก็ดังขึ้นพร้อมกัน
พอตั้งสติได้ชินก็ผลักยอนโฮออก บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าชินตกใจที่ถูกจูบเมื่อครู่ ใบหน้าขาวซีดของชินกำลังย้อมด้วยสีแดงระเรื่อ ชินเม้มริมฝีปากแล้วเริ่มยกแขนแหวกว่าย สูงขึ้น สูงขึ้น จนในที่สุดร่างของเขาก็สามารถลอยเหนือน้ำได้
***
ชินที่กำลังอบอุ่นร่างกายอยู่บนรถยังคงหน้าแดงก่ำ
“เดี๋ยวมานะชิน”
ผู้จัดการไม่สามารถทนดูแฟนคลับเคาะกระจกรถที่ชินนั่งอยู่ได้อีกต่อไปจึงเปิดประตูลงไปจากรถ โชคดีที่กระจกติดฟิล์มทึบมาก คนภายนอกจึงไม่สามารถมองเห็นได้ว่าใบหน้าของชินแดงก่ำขนาดไหน
“ชินก็แค่เป็นตะคริว ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ต้องตกใจนะครับ ชินขอเวลาพักสักครู่”
ผู้จัดการกล่าวกับแฟนคลับ แต่พวกเขากลับไม่ขยับไปไหน ทั้งๆ ที่คนตกน้ำคือชินแท้ๆ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตกใจยิ่งกว่าเจ้าตัวเสียอีก
“ไม่ต้องเรียกรถพยาบาลจริงๆ เหรอคะ”
แฟนคลับคนหนึ่งตะโกนถาม
“ไม่เป็นไรครับ อีกเดี๋ยวก็ต้องเข้าฉากแล้ว ได้โปรดช่วยหลบหน่อยนะครับ เขยิบออกไปหน่อย”
ผู้จัดการกางแขนออกกว้างกั้นผู้คนไม่ให้เข้าใกล้รถ ระหว่างนั้นยองชอลก็กำลังช่วยเช็ดผมให้ชินอยู่บนรถ
“ผมอยากอาบน้ำ”
ชินพูดเบาๆ
“อย่าเพิ่งอาบเลยครับ อีกเดี๋ยวก็ต้องเข้าฉากอยู่ดี”
ชินที่จ้องตอเล็กๆ รอบริมฝีปากของสไตลิสต์ครู่หนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นลูบคางของตน แต่แล้วเขาก็รีบลดมือลงทันทีเมื่อรู้สึกถึงความเรียบลื่นของคางตัวเอง
“เอาเป็นว่าเปลี่ยนมาใส่เสื้อตัวนี้ก่อนนะครับ”
“อาบไม่ได้จริงๆ เหรอครับ”
ชินยังคงถามอีกครั้ง
“อืม…”
ความเงียบเข้าครอบคลุมภายในรถ เขาต้องทำให้ผมที่เปียกของชินแห้งและต้องแต่งหน้าเพิ่มอีกนิด แต่พอลองคิดดูแล้ว ถ้าแต่งหน้าใหม่หมดเลยหลังจากที่ล้างหน้าสะอาดแล้วก็คงจะดีกว่า
“เดี๋ยวผมลองไปถามผู้กำกับดู รอสักครู่นะครับ”
ยองชอลเปิดประตูรถออกไปด้านนอก ชินจึงเปลี่ยนมาใส่เสื้อตัวใหม่ และขณะที่กำลังจะถอดกางเกงที่เปียกชื้นออกใบหน้าของชินพลันแดงก่ำอีกครั้ง
“ทำไมหัวใจของเราถึง…” เต้นแรงขนาดนี้
ทั้งร่างกายและใบหน้าก็ร้อนผ่าวราวกับถูกไฟแผดเผา พอนึกถึงช่วงที่จมน้ำก็นึกถึงภาพใบหน้าของยอนโฮที่ว่ายเข้ามาเพื่อช่วยเหลือ มือโอบรอบเอว และจุมพิต เขาไม่แน่ใจว่าหัวใจที่เต้นรัวนี้เกิดขึ้นเพราะแรงมหาศาลที่โอบรอบเอวหรือเพราะจุมพิตที่ไม่ทันตั้งตัวกันแน่
“ก็แค่เม้าท์ทูเม้าท์ ก็แค่นั้น…”
ใบหน้าของชินแดงก่ำ
***
“ใช่ แค่เม้าท์ทูเม้าท์เท่านั้น”
ยอนโฮกำลังนั่งยิ้มอยู่ในรถของตัวเองที่จอดอยู่หลังรถของชิน หลังจากที่ชินว่ายขึ้นสระ ยอนโฮก็ว่ายตามขึ้นมาติดๆ ไม่รู้ว่าชินรีบร้อนอะไร พอขึ้นจากสระได้ก็พุ่งเข้ารถทันที ยอนโฮเห็นดังนั้นจึงเดินไปนั่งในรถของตนเช่นกัน
เวลาผ่านไปสักพักแล้ว แต่แทนที่อาการใจเต้นรัวจะสงบลง กลับเต้นแรงและเร็วกว่าเดิมเสียอีก
งานว่ายน้ำช่วยชีวิตคนไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ พอเห็นชินดูทุรนทุราย เขาก็ใช้แรงทั้งหมดที่มีเพื่อว่ายไปถึงตัวชินให้เร็วที่สุด จากนั้นก็โอบเอวแล้วจูบชินโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว ตอนแรกก็แค่ต้องการช่วยส่งต่ออากาศให้ชินหายใจได้ แต่พอชินหายใจเองได้แล้ว เขากลับไม่อาจละริมฝีปากออกมาได้ และไม่รู้ว่ามันกลายเป็นการจูบจริงตั้งแต่เมื่อไหร่
“นี่เราทำอะไรไป”
ยอนโฮยกมือข้างหนึ่งจับหน้าผาก แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าทำอย่างนั้นไปทำไม พอเห็นชินหน้าแดงก่ำจึงค่อยได้สติกลับคืนมา และเมื่อรับรู้ถึงแรงที่ผลักจึงได้รู้สึกตัวว่าทำเรื่องแปลกๆ ไปซะแล้ว
“ชิน นายกับหมอนั่น…ทำแบบนั้นกันจริงๆ เหรอ”
ทันทีที่ได้ยินเสียงพูดจากภายในรถของชิน มือของยอนโฮที่กำลังสางผมที่เปียกจึงหยุดชะงัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผลข้างเคียงที่ได้รับขณะที่ถูกทดลองหรือเป็นเพราะประสิทธิภาพอันรุนแรงของยากันแน่ที่ทำให้เขาสามารถได้ยินเสียงจากที่ไกลๆ ได้แม้จะเป็นเสียงที่เบามากก็ตาม ตอนนี้หูของเขาสามารถรับรู้ได้แม้กระทั่งคลื่นเหนือเสียงโดยผ่านขั้นตอนขอสัญญาณไฟฟ้าที่ถูกเปลี่ยนเป็นคลื่นเสียงแล้วส่งต่อไปยังโสตประสาท
“หยุดนะ! ล้อผมเล่นอย่างนี้สนุกนักรึไง”
เสียงของชินที่ฟังดูว้าวุ่นใจทำให้ยอนโฮปรับเอนเบาะไปด้านหลังแล้วยกมือขึ้นกุมใบหน้าที่กำลังฉีกยิ้มกว้าง
***
“อ้าว ทำไมเหลือนายคนเดียวล่ะ”
หลังจากต้อนแฟนคลับให้ออกไปแล้ว ผู้จัดการก็กลับเข้ามาในรถอีกครั้ง
“ผมขออาบน้ำ เขาเลยลองไปสอบถามดูน่ะ”
“อาบน้ำเหรอ มีเวลาเหลือที่ไหนกันล่ะ”
ผู้จัดการก้มมองนาฬิกาก่อนจะหันหน้าไปมองชิน
“ฉันสงสัยอะไรนิดหน่อย…”
“อะไรเหรอ”
“ชิน นายกับหมอนั่น…ทำแบบนั้นกันจริงๆ เหรอ”
“พี่!”
“ก็เห็นพวกนายผ่านจอมอนิเตอร์…”
“หยุดนะ! ล้อผมเล่นอย่างนี้สนุกนักรึไง”
ชินตะคอก
“เอ๋? โทษที ไม่ได้คิดจะล้ออะไรสักหน่อย แค่เห็นว่าพอนายจมน้ำยอนโฮก็กระโจนลงน้ำก่อนฉันเสียอีก บอกตรงๆ เลยนะว่าตกใจ เห็นชอบทำหน้านิ่งๆ แต่ตอนนั้นยอนโฮรีบกระโดดลงน้ำโดยไม่มีทีท่าลังเลเลย แถมภาพที่เห็นผ่านกล้อง ทั้งสองคนยังทำอย่างนั้นกันใต้น้ำอีก…”
“พี่ต้องการจะพูดอะไร”
“ช่างเถอะ คนที่เขาช่วยก็คือนายอ่ะนะ”
ใบหน้าเปื้อนยิ้มของผู้จัดการเล่นเอาชินไร้ซึ่งคำพูด
“เอ้า เช็ดซะ”
ชินใช้ผ้าขนหนูที่อีกฝ่ายยื่นให้เช็ดขา ก่อนจะสวมกางเกงตัวใหม่อย่างทุลักทุเลเนื่องจากพื้นที่คับแคบ
“แล้วทำไมถึงเป็นตะคริวได้ล่ะ…ถือว่าโชคดีที่ไม่เป็นอะไรมากนะ”
***
“เป็นตะคริวงั้นเหรอ”
มุมปากของยอนโฮโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มขณะฟังบทสนทนาของทั้งคู่อยู่เงียบๆ เขารู้แล้วว่าทำไมชินที่ว่ายน้ำเก่งจึงจมน้ำ ทว่าแววตาของชินยังคงสร้างความไม่สบายใจให้แก่เขาเช่นเดิม ชินในตอนที่ส่ายหน้าใต้น้ำเมื่อเห็นเขา…
อย่าเข้ามา
ชินต้องการพูดแบบนั้นกับเขาแน่ๆ ในสถานการณ์ที่อาจจะเสียชีวิตแบบนั้น ทำไมถึงไม่มีแววยินดีเมื่อเห็นคนเข้ามาช่วยล่ะ
เขาพลันนึกถึงคำพูดของชินวันนั้นเมื่อสิบปีก่อน ในตึกที่เกิดไฟไหม้ชินบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะตัวเอง
“ความคิดโง่ๆ” ยอนโฮพึมพำ
การที่เคยเป็นทหารที่ทำการฝึกอยู่เสมอทำให้เขามีนิสัยเตรียมเสื้อผ้าสำรองเอาไว้ในรถเพื่อพร้อมเปลี่ยน และยังโชคดีที่เขามีสติถอดเสื้อคลุมและเสื้อเชิ้ตออกดังนั้นจึงมีแค่กางเกงที่เปียก หลังจากที่ยอนโฮเปลี่ยนกางเกงเสร็จ และเตรียมจะเปิดประตูรถออกไปด้านนอกนั้น…
“กางเกงของยอนโฮก็เปียกเหมือนกัน…พี่พอจะหาตัวใหม่ไปให้เขาเปลี่ยนได้มั้ย”
เสียงของชินดังขึ้น
***