overgraY
The Star’s Love Relationship รักลับของซูเปอร์สตาร์ บทที่ 4 #นิยายวาย
“จะเป็นไปได้ยังไงครับ ฆาตกรมันโผล่มาที่โรงพยาบาลนี้แน่นอน แต่คุณกลับบอกว่าไม่มีบุคคลน่าสงสัยเข้ามาที่โรงพยาบาลเลยได้ยังไง”
[คนที่มาเยี่ยมคุณคิมชินในวันนั้นก็มีแต่เพื่อนและคนรู้จักของคุณคิมชินทั้งนั้น คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอครับว่าห้องพักพิเศษนี้มีกฎห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามา แล้วกว่าจะเข้ามาได้ก็ต้องผ่านการตรวจสอบถึงสามครั้ง จะบอกว่าฆาตกรผ่านการตรวจสอบจนเข้ามาได้มันเป็นไปไม่ได้หรอกครับ]
“แล้วดาดฟ้าล่ะครับ มันอาจจะปีนขึ้นปีนลงผ่านเชือกบนดาดฟ้านั่นก็ได้”
[อืม พวกเราเองก็กำลังตรวจสอบอยู่ครับว่าบางทีมันอาจเข้าออกโดยใช้เส้นทางอื่น]
“ว่าแต่ไม่เห็นคนที่กระโจนออกจากห้องพักผู้ป่วยจริงๆ เหรอครับ ให้ตายสิ…”
[ทางเราได้ตรวจสอบ CCTV ทั้งหมดแล้ว แต่ไม่เห็นผู้ชายที่สวมชุดกันฝนเลยครับ ก็อย่างที่ทราบว่าเราไม่ได้ติดตั้งกล้องบริเวณห้อง VVIP เพื่อความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วย นอกนั้นแล้วพวกเราก็พยายามค้นหาจนทั่ว แต่ยังไม่พบร่องรอยอะไรเลยครับ]
“คุณดูทั่วแล้วแน่เหรอ หากเป็นไปตามที่คุณพูดจริง มันก็คงไม่ใช่คนแล้วล่ะมั้ง”
พอผู้จัดการตะโกนเสร็จก็ปิดมือถือแล้วโยนลงบนเก้าอี้อย่างหัวเสีย
“ตำรวจเกาหลีก็ควรทำตัวให้น่าเชื่อหน่อยสิ แค่คนร้ายคนเดียวก็ยังจับไม่ได้”
ชินเหลือบตามองผู้จัดการที่บ่นกระฟัดกระเฟียด ดูเป็นเดือดเป็นร้อนและหวาดผวาฆาตกรเสียยิ่งกว่าตัวเขาที่ถูกกระทำเสียอีก
“เอ่อ…ยอนโฮนั่นน่ะ ถ้าเขาเก่งอย่างที่พูดจริง ถ้าคนร้ายโผล่มาอีกก็คงทำอะไรผมไม่ได้หรอก ไม่ต้องห่วงไปหรอกนะพี่”
แม้ชินจะพูดอย่างนั้น แต่ผู้จัดการก็ยังคงเป็นกังวลอยู่ดี
***
“พรุ่งนี้มีถ่ายตั้งแต่เจ็ดโมงเช้านะ ถ้านายอาบน้ำนอนตั้งแต่ตอนนี้ก็จะมีเวลานอนประมาณสี่ชั่วโมง พรุ่งนี้ฉันจะขับรถมารอตอนหกโมงครึ่งนะ”
“ขอบคุณมากนะพี่”
หลังจากรถของผู้จัดการแล่นห่างออกไปจนลับสายตาแล้ว ชินก็ทำท่าจะเดินเข้าบ้าน แต่ระหว่างนั้นก็หันไปเห็นยอนโฮกำลังมองสำรวจไปรอบๆ
“บ้านผมปลอดภัยดี ไม่ต้องทำหน้าเคร่งขนาดนั้นหรอก”
“…” ยอนโฮยิ้มเยาะ
ปลอดภัยงั้นเหรอ พูดโง่ๆ ที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ตัวเองคุ้นเคยมากที่สุด
ดูเหมือนชินจะไม่รู้เรื่องนี้ ครั้งแรกที่มาถึงบ้านนี้ยอนโฮก็ลงมือกำจัดกล้องที่แอบติดตั้งไว้ถึงเจ็ดตัวในบริเวณรอบบ้านของชิน ที่ชินพูดว่าบ้านตัวเองปลอดภัยนั่นก็แสดงให้เห็นว่าชินคงไม่รู้เลยว่ามีกล้องต่างๆ แอบซ่อนอยู่ แล้วใครที่สามารถติดตั้งกล้องภายในบริเวณบ้านของท็อปสตาร์อย่างชินได้ล่ะ คำตอบนี้มีเพียงคำตอบเดียว
ประธานต้นสังกัดของชิน
เพราะนอกจากผู้จัดการแล้วคนที่จะสามารถเข้าออกบ้านนี้ได้อย่างอิสระก็คงมีเพียงประธานเพราะตอนนี้ชินไม่เหลือครอบครัวแล้ว
แต่เพื่ออะไรกันเล่า ทำไมจะต้องซ่อนกล้องภายในบ้านของดาราในสังกัดบริษัทตนเองด้วย
“ขอบคุณ”
เสียงของชินเรียกสติของยอนโฮคืนมา
“…”
“ก็แค่อยากจะบอก”
“อืม” ยอนโฮตอบรับด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ไม่ต้องเดินไปส่งถึงข้างในก็ได้ แล้วพรุ่งนี้…”
“ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมขอไปทำธุระที่อื่นสักสองชั่วโมง”
ชินหันมองยอนโฮที่กำลังมองนาฬิกาแล้วพูดขึ้นว่า
“ถ้ามีธุระต้องทำก็ไปทำเถอะ เมื่อกี้ผมก็…”
“ผมมีหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้คุณ ดังนั้นผมจะต้องอยู่กับคุณตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ดังนั้นขอเวลาแค่สองชั่วโมงก็เพียงพอแล้วล่ะ”
“อยู่ด้วยกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเหรอ ไม่เอา”
“…”
“ผมอยากมีเวลาส่วนตัวตอนกลางคืนบ้าง เพราะฉะนั้นพรุ่งนี้…”
“อีกสองชั่วโมง เดี๋ยวกลับมา”
“นี่ฟังคำพูดของคนอื่นหน่อยได้มั้ย บอกว่าไม่ต้องมาก็แปลว่าไม่ต้องมาไงเล่า! เจ้านายคือผมไม่ใช่เหรอ”
ยอนโฮมองชินที่แผดเสียงดังนิ่งๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปเงียบๆ
***
“รับผิดชอบความปลอดภัยเหรอ ใครเป็นนายจ้าง ใครเป็นลูกจ้างกันแน่เนี่ย”
พอเข้ามาในบ้าน ชินก็ถอดเสื้อคลุมแล้วโยนทิ้งอย่างหัวเสียก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ไม่รู้ทำไมเขาจึงรู้สึกน้อยใจเมื่อได้ยินว่ายอนโฮมีธุระต้องไปทำประมาณสองชั่วโมง หรือเป็นเพราะความตื่นเต้นที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของยอนโฮตอนที่กำลังมองนาฬิกา แต่พอนึกถึงตัวเองที่พ่นคำพูดคล้ายแง่งอนขึ้นมา ใบหน้าก็พลันรู้สึกร้อนวูบ
“เพราะหน้าที่เหรอ เขาถึงกระโดดลงไปช่วยแบบนั้น”
ซ่า
สายน้ำที่ไหลลงปะปนกับเสียงถอนหายใจ
“คิดบ้าอะไรเนี่ยเรา”
ชินถูฟองสบู่บนร่างกายที่เหนียวเหนอะจากการที่ไม่ได้อาบน้ำในกองถ่าย หลังจากล้างฟองออกแล้ว ชินก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ใต้สายน้ำนั้นอยู่นาน
“จะสองชั่วโมงหรือสองวันก็ไม่สนใจหรอก…ไม่สิ อยากลาออกก็เชิญตามสบาย ไม่เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย…”
ชินเงยหน้า ปล่อยให้สายน้ำไหลผ่าน
***
“เป็นอะไรไปครับ”
“เดี๋ยวนะ เหมือนได้ยินเสียงอะไรน่ะ”
ยอนโฮหยุดการสนทนาแล้วพยายามเงี่ยหูฟัง
“คิดบ้าอะไรเนี่ยเรา”
“…”
“จะสองชั่วโมงหรือสองวันก็ไม่สนใจหรอก…ไม่สิ อยากลาออกก็เชิญตามสบาย ไม่เกี่ยวอะไรกับเราสักหน่อย…”
เสียงของชินที่ฟังดูกระเง้ากระงอดบ่นพึมพำกับตัวเอง ยอนโฮยิ้มกว้างจนมินฮยองถึงกับตกตะลึง
“ได้ยินอะไรเหรอครับ”
“อ๋อ เปล่าๆ”
ยอนโฮหุบยิ้ม แล้วคุยกับมินฮยองต่อ
“ได้ยินว่าฮันแซหัวหน้าแก๊งซังดูปรากฏตัวที่คังนัมงั้นเหรอ”
“ครับ ได้ข่าวว่าโฮสต์บาร์ที่มาดามชินดูแลอยู่ก็ปิดตัวลงไปแล้ว คงเป็นเพราะฝีมือของพวกมัน”
“แล้วตอนนี้ฮันแซไปดูแลโฮสต์บาร์นั้นแทนเหรอ”
“เปล่าครับ ไม่ใช่ที่นั่น เห็นว่าไปเปิดโฮสต์บาร์ขนาดใหญ่ใกล้ๆ กันเมื่อไม่นานมานี้เองครับ ดูเหมือนว่าจะให้ฮันซังชอลที่เป็นน้องต่างมารดาเป็นคนรับผิดชอบ”
“อืม…”
หัวคิ้วของยอนโฮพลันกระตุกเมื่อนึกถึงฮันแซ
เมื่อสมัยยังอยู่หน่วยรบพิเศษ ตอนนั้นฮันแซร่วมมือกับฝ่ายบุคคลของกองทัพและทำการทุจริต พอยอนโฮรู้เข้าจึงเกิดการต่อสู้กันแล้วฮันแซก็พลาดท่าถูกยอนโฮฟันเข้าที่ใบหน้าจนสูญเสียดวงตาไปข้างหนึ่ง จากนั้นก็ถูกจับกุมตัวไป
“หมายความว่าฮันแซถูกปล่อยตัวออกมาแล้วงั้นสิ”
ยอนโฮสืบหารายชื่อของคนที่สมรู้ร่วมคิดทั้งหมด หนึ่งในนั้นเป็นชื่อของผู้บังคับบัญชาการหน่วยที่ยอนโฮสังกัด ซึ่งแม้แต่ตัวชายหนุ่มเองยังไม่อยากจะเชื่อ เพราะผู้บังคับบัญชาคนนี้เป็นคนที่ได้รับความเคารพและไว้วางใจจากทหารทุกนาย แต่เขากลับทำการทุจริตเช่นนี้ได้ ไม่ว่าจะคิดอย่างไรยอนโฮก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับเรื่องนี้ได้จริงๆ
นายพลคิมเป็นคนที่ยอนโฮนับถือเสมือนพ่อ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกที่เหนื่อยยากลำบากเพียงใด เขาผู้นั้นก็มักจะมาให้กำลังใจอยู่เสมอ
ยอนโฮจึงไม่อาจรายงานชื่อนั้นต่อเบื้องบนได้ และในที่สุดยอนโฮก็เข้าไปพบนายพลคิมเพื่อถามความจริง และคงเป็นเพราะเรื่องนี้ ยอนโฮจึงได้ถูกลักพาตัวไปยังห้องทดลองลับในขณะที่กำลังจะไปหาชินที่สถานเลี้ยงเด็ก
การที่ฮันแซถูกปล่อยตัวนั่นก็หมายความว่านายพลคิมอยู่สุขสบายดี
“ปัญหาก็คือถ้าฮันแซจำคุณได้ คุณก็จะตกอยู่ในอันตราย ดังนั้นช่วย…”
“ไม่มีทาง”
“ไม่ใช่คุณหรอกเหรอที่ทิ้งรอยมีดไว้บนใบหน้าของฮันแซ แถมมันยังต้องเสียดวงตาไปก็เพราะคุณ ไม่ว่าเรื่องนั้นมันจะผ่านมานานแค่ไหน คุณก็ตกอยู่ในอันตรายอยู่ดี ดังนั้นได้หยุดเคลื่อนไหวสักระยะเถอะนะครับ”
“มินฮยอง” ยอนโฮมองคนที่เป็นเหมือนน้องชาย “ยังขี้กังวลเหมือนเดิมเลยนะ”
ยอนโฮตบบ่ามินฮยองเบาๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นห่วงจนมากแค่ไหน แต่ตัวตนของเขาที่พวกนั้นรับรู้คือลีจองอูซึ่งตายไปแล้ว หลังกลับมาที่เกาหลีเจสก็ได้หาศพหนึ่งมาศัลยกรรมถึงสี่ครั้งให้มีใบหน้าที่เหมือนเขาที่สุด เพื่อทำให้พวกนั้นเชื่อว่าเขาได้ตายไปจากโลกนี้แล้วจริงๆ ซึ่งเจสได้พยายามทำให้เหมือนแม้กระทั่งลายนิ้วมือและการเรียงตัวของฟัน
เมื่อพวกนั้นพบศพที่มีรายละเอียดต่างๆ เหมือนเขา ไม่ว่าจะเป็นลายนิ้วมือหรือตราประทับที่แผ่นหลังพวกมันก็รีบลงมือเผาศพนั่นทันที ซึ่งหากได้เจอกันอีกครั้งคนพวกนั้นก็คงไม่คิดหรอกว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่
“เอาของที่ฉันบอกเมื่อคราวก่อนมามั้ย”
มินฮยองยื่นกระเป๋าขนาดใหญ่ให้เมื่อยอนโฮถามถึง
“คุณคิดจะอยู่กับคิมชินไปจนถึงเมื่อไหร่ครับ”
บนใบหน้าของมินฮยองยังคงเต็มไปด้วยความกังวล
“ไม่รู้สิ”
ยอนโฮเปิดกระเป๋าดูของที่อยู่ภายใน
“ยังมีเรื่องที่จะต้องรู้ให้ได้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้หรอก”
เขายังไม่รู้ความหมายของตราประทับที่แผ่นหลังของชิน หากชินเป็นหนูในห้องทดลอง H-DIS แล้วทำไมถึงยังไม่ตาย ทำไมถึงยังมีชีวิตรอดมาจนถึงปัจจุบันได้ ยอนโฮจะต้องรู้ให้ได้ว่าชินมีความสามารถพิเศษอะไรรึเปล่า ขนาดเขาเองยังต้องพึ่งยาของเจสทุกเดือน แต่ทำไมชินจึงดูปกติดี…เขาต้องสืบข้อสงสัยทั้งหมดให้ได้
ยอนโฮตบไหล่ของมินฮยองเบาๆ ก่อนจะขึ้นรถ มินฮยองก้มหัวทำความเคารพ รอจนรถของยอนโฮจากไปไกลแล้วจึงเดินไปขึ้นรถของตัวเอง
บนถนนอันเงียบสงบ
ความมืดเข้าปกคลุมพื้นที่อีกครั้งเมื่อรถทั้งสองจากไป
***
“ไม่ ได้โปรด อย่า…อึก”
สองมือของชินกำผ้าปูที่นอนแน่น ตามง่ามมือที่ขยำผ้าปูดูแดงก่ำคล้ายเลือดคั่ง ชินตะโกนพลางสะอึกสะอื้น
ฝันร้ายเริ่มขึ้นอีกครั้ง ความทรงจำในตอนนั้นกำลังบีบรัดเขาจนหายใจไม่ออก
“ตื่น!”
มือของยอนโฮเขย่าร่าง แต่ชินยังคงถูกขังอยู่ในความฝันที่ไม่อาจตื่นนี้ร่วมยี่สิบนาทีแล้ว
“ไม่ ก็บอกว่าไม่ไงเล่า”
มือชื้นเหงื่อโบกสะบัดกลางอากาศ ยอนโฮจับมือของชินเอาไว้ ก่อนจะแทรกนิ้วของตนเข้าไประหว่างนิ้วเรียวงามนั้นแล้วกำเอาไว้แน่น
“ตื่น ชิน!”
ยอนโฮเขย่าร่างของชินอีกครั้ง มันช่างเป็นฝันร้ายที่ไม่อาจปลุกให้ตื่นโดยง่ายดาย
“ไปนะ! หลบไป!”
ร่างของชินที่ยังคงตะโกนโหวกเหวกพลันสั่นสะท้าน
“ชิน!”
ยอนโฮตบหน้าของชินเบาๆ เพื่อปลุกอีกครั้ง เม็ดเหงื่อที่ผุดบนหน้าผากเริ่มไหลริน
เขากำลังฝันถึงอะไรกันแน่
ยอนโฮปล่อยมือนั้นแล้วลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำอุ่นเพื่อมาเช็ดตัวให้ชิน ไล่ตั้งแต่หน้าผากจนทั่วใบหน้า ทว่าวินาทีที่มือของเขาเลื่อนไปถึงหน้าอกนั้นเองเปลือกตาของชินก็เปิดขึ้นเล็กน้อย
“จองอู…”
ทันทีที่ชื่อเก่าของเขาถูกเอ่ยออกมาจากปากของชิน ดวงตาของยอนโฮพลันเบิกกว้าง
ทำไมจึงเอ่ยชื่อนั้น…
เขาไม่อยากเชื่อว่าจะได้ยินชื่อนั้นจากปากของชินอีกครั้ง
“จำได้เหรอ”
ยอนโฮถามชินที่ยังลืมตาได้ไม่เต็มที่
“พี่…จองอู”
ยอนโฮยกผ้าขนหนูเช็ดหน้าให้ชินอีกครั้ง
ช่างน่าตกใจจริงๆ ชินยังจำชื่อของตนเมื่อสิบปีก่อนได้
ช่วงเวลาห้าปีที่ได้รู้จักกันนั้นไม่ใช่เวลาสั้นๆ ตอนนั้นชินก็แค่เด็กสิบขวบแต่กลับดูแลน้องๆ ได้อย่างดีราวกับเป็นหัวหน้าครอบครัวในสถานรับเลี้ยงเด็กที่เก่าโทรม เด็กชายที่แบกเด็กที่อ่อนกว่าตนไปตามถนนมืดมิดในยามดึก ตอนที่เห็นเด็กคนนั้นผ่านกระจกรถ เขาก็รู้อดสึกสงสารไม่ได้
‘ที่นี่ไม่มีผู้ใหญ่เลยรึไง’
‘ทุกคนเสียชีวิตหมดแล้วครับ ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่พี่ชาย ผม แล้วก็น้องครับ’
‘ไม่มีคนช่วยเหลือเลยเหรอ’
ชินส่งยิ้มสว่างไสวแทนคำตอบ
***
“ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่…”
เปลือกตาของชินลืมขึ้นเต็มที่แล้ว เมื่อร่างกายรับรู้ถึงความเย็นที่มาสัมผัส ฝันร้ายก็อันตรธานหายไป
“เหงื่อโชกเลยนะ”
ยอนโฮวางผ้าขนหนูในมือลงบนโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียง
“ผมน่าจะบอกไปแล้วว่าอยากอยู่คนเดียว”