overgraY
The Star’s Love Relationship รักลับของซูเปอร์สตาร์ บทที่ 4 #นิยายวาย
“ก็บอกแล้วไงว่าจะอยู่ข้างๆ ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
พอเห็นยอนโฮทำหน้าจริงจัง ชินก็ทำท่าไม่พอใจ
“ฝันร้ายบ่อยเหรอ”
“…”
“เริ่มเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
ชินพยุงตัวลุกขึ้นจากเตียง พอจะรู้ว่ายอนโฮกำลังคิดอะไรเมื่อเห็นสภาพของเขาที่เป็นแบบนี้ ใบหน้าเปื้อนน้ำตา ทั่วร่างสั่นสะท้าน และยังมีของเหลวสีขุ่นที่ทะลักเปรอะเปื้อน…ฝันร้ายในวันนั้นทำให้ชินมีสภาพเละเทะแบบนี้
“ยาระงับประสาท ยานอนหลับ และนี่เหมือนจะเป็นยาต้านโรคซึมเศร้า”
ยอนโฮเปิดลิ้นชักของโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงแล้วหยิบยาออกมาดู ชินจึงรีบคว้ามือของเขาเอาไว้
“จะทำอะไร”
“เอาไปทิ้ง”
“ว่าไงนะ”
“ยาพวกนี้ช่วยอะไรไม่ได้หรอก”
ยอนโฮกำยาในมือ
“หยุดอยู่ตรงนั้นนะ”
ชินตะโกนใส่หลังยอนโฮที่กำลังหมุนตัวเดินไป รู้สึกเหมือนความโกรธภายในจะปะทุออกมา การกระทำของยอนโฮที่เข้ามายุ่งวุ่นวายในตอนนี้ เหมือนจองอูที่จู่ๆ ก็เข้ามาในชีวิต คอยดูแลตนเป็นอย่างดี แล้วก็หายตัวไป
“ขอเตือนว่าอย่าแตะของของผม”
ชินเสียงแข็ง เขาจะไม่อนุญาตให้ใครก้าวเข้ามาในชีวิตของเขาง่ายๆ อีกแล้ว
“เด็กไม่ควรมีสิ่งของอันตรายพวกนี้”
“คุณนี่…”
“ขอตัวเอาไปทิ้งก่อน เดี๋ยวมา”
แล้วยอนโฮก็เปิดประตูห้องเดินออกไป
***
“เฮ้ คังฮเยรี สติยังไม่กลับมาอีกเหรอ”
วินาทีที่รถตู้สีขาวคันหนึ่งวิ่งเข้ามายังสถานที่ถ่ายทำ คังฮเยรีก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทันที ทั้งยังผุดลุกผุดนั่งไม่หยุด แม้กระทั่งตอนนี้ที่กำลังแต่งหน้า ฮเยรีก็ยังเอาแต่จดจ้องรถตู้สีขาวตาเป็นมัน กระทั่งประตูรถเปิดออกและร่างของชินก้าวลงมา เธอก็โบกมือพลางวิ่งเข้าไปหาชินทันที
“ชิน!”
“นี่ ยัยคังฮเยรี”
พี่สาวของเธอได้แต่ตะโกนเรียกเสียงดังลั่น
“หนูอยากจะบ้าตายกับการกระทำของพี่ฮเยรีจริงๆ”
ช่างแต่งหน้าประจำตัวของฮเยรีโยนแปรงในมือลงอย่างหัวเสีย
“โทษที นิสัยของฮเยรีเขาค่อนข้าง…”
“เห็นว่าเป็นท็อปสตาร์แถวหน้า นึกว่าจะมือโปร ที่ไหนได้ดูท่าจะหนักกว่านักแสดงคนอื่นเสียอีกนะคะ ไม่ว่าจะรีบขนาดไหนก็น่าจะรอแต่งหน้าให้เสร็จก่อน จู่ๆ วิ่งออกไปแบบนี้หนูจะทำไง”
พี่สาวของฮเยรีพยายามปลอบประโลมช่างแต่งหน้าที่เอาแต่ถอนหายใจไม่หยุด
“เธออาจจะยังไม่รู้ว่านักแสดงคนอื่นก็แบบนี้กันหมดแหละ แต่อย่างน้อยฮเยรีก็เรื่องมากน้อยกว่านักแสดงหญิงคนอื่นนะ”
“แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่น่าทำตัวแบบนี้…”
ช่างแต่งหน้าได้แต่ถอนหายใจ
***
“ชิน! ไม่เป็นไรนะ ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า”
ฮเยรีเข้ามาใกล้พร้อมกับสำรวจสีหน้าของชิน
“เอ่อ…”
ชินถึงกับพูดไม่ออกเมื่อจู่ๆ ฮเยรีก็วิ่งเข้ามาจับมือพร้อมถามไถ่ ชินเคยทำงานร่วมกับเธอหลายงานแล้ว ทุกครั้งที่เจอกันในกองถ่ายเธอก็มักแสดงท่าทีเช่นนี้กับเขาเสมอ แต่นอกเหนือจากเรื่องงานแล้ว เขาไม่เคยนัดพบกับเธอนอกรอบเลย สำหรับเขาเธอก็เป็นเพียงเพื่อนร่วมงาน ไม่มากหรือน้อยไปกว่านั้น
“ฉันเป็นห่วงแทบแย่ หลังจากวันนั้นฉันก็เห็นข่าวในอินเตอร์เน็ต”
“คุณฮเยรีเป็นห่วงชินของพวกเราเหรอครับ”
ผู้จัดการเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างจงใจ ก่อนจะแอบดึงมือของเธอออกจากชินเนียนๆ
“เป็นห่วงสิคะ เป็นห่วงจนอยากไปเยี่ยมชินที่บ้าน แต่ก็กลัวโดนแอบถ่ายจนเป็นข่าวก็เลยไม่กล้าไปน่ะค่ะ”
ฮเยรีหันหน้าไปหาชิน
“อยากจะโทรหาแต่ก็ไม่มีเบอร์โทรของนายเลย ไม่แปลกเหรอ เราถ่ายงานด้วยกันก็หลายครั้ง อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะชิน ไหนๆ ก็ไหนแล้ว ขอเบอร์โทรนายหน่อยสิ นะๆ”
“โทรหาผมก็ได้ครับคุณฮเยรี เดี๋ยวผมแจ้งข่าวของชินให้เอง…”
“คุณผู้จัดการช่วยอยู่เฉยๆ ได้มั้ยคะ”
สายตากินเลือดกินเนื้อของฮเยรีที่จ้องผู้จัดการพลันจางหายไปทันทีเมื่อชินมองมา ไม่รู้เพราะเหตุใด แต่ไม่มีใครรู้เบอร์โทรของชินเลย ทั้งที่ชินเองก็เริ่มมาจากการเป็นนักแสดงวัยรุ่น แล้วก้าวขึ้นสู่แถวหน้าของวงการเช่นเดียวกันกับเธอ ในระยะเวลาที่ผ่านมาเส้นทางเหล่านั้นก็ยาวนานเพียงพอที่จะให้เขาสานสัมพันธ์กับผู้คนในวงการได้มากมายแท้ๆ
“ว่าแต่ว่าคุณฮเยรี ใบหน้าของคุณตอนนี้…”
ผู้จัดการชี้ไปที่หน้าของฮเยรี
“หน้าของฉันมีอะไรเหรอคะ”
คงเพราะกระโดดออกมาระหว่างแต่งหน้านั่นเอง ใบหน้าด้านขวาจึงยังคงกระดำกระด่างต่างจากด้านซ้ายที่ได้รับการลงรองพื้นแล้ว เธอคงรีบวิ่งมาหาชินโดยที่ไม่รู้ตัวว่าหน้าครึ่งซีกนวลผ่อง อีกครึ่งซีกยังเบี่ยงหน้าสด
ผู้จัดการสังเกตเห็นว่าชินกำลังกลั้นขำกับสภาพของเธอ
“ว่าแต่คนโน้นใครคะ”
สายตาของฮเยรีมองไปด้านหลัง ยอนโฮกำลังยืนจ้องเธอเขม็ง ซึ่งสายตาเย็นยะเยือกของยอนโฮทำให้เธอตกใจ
“บอดี้การ์ดของชินน่ะครับ”
“บอดี้การ์ดเหรอคะ ทำไมต้องมีบอดี้การ์ดด้วยล่ะคะ”
หญิงสาวเอียงหน้าคล้ายงุนงง ตอนที่ชินรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล เรื่องที่คนร้ายปรากฏตัวขึ้นในโรงพยาบาลที่ชินรับการรักษานั้นได้ถูกประธานลีจัดการไว้ไม่ให้รั่วไหลถึงสื่อต่างๆ ดังนั้นฮเยรีจึงไม่รู้ความจริงนี้
ฮเยรีมองยอนโฮ แค่มองแป๊บเดียว ความน่าเกรงขามที่แผ่ออกจากร่างของยอนโฮก็แทบทำให้คนที่เห็นถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง เธอพยายามเค้นสมองว่าทำไมต้องมีบอดี้การ์ดขนาบข้างชินแบบนี้ แล้วในที่สุดก็นึกอะไรบางอย่างออก
ชิน นายคงไม่ได้เป็นลมเพราะทำงานหนักเกินไปใช่ไหม
ลางสังหรณ์ประหลาดวาบผ่านขึ้นในห้วงความคิด
***
เย็นวันศุกร์ที่สุดเหวี่ยง ฮันแซได้ทำให้พาราไดซ์โฮสต์บาร์กลายเป็นสวรรค์แห่งคังนัม มีข่าวลือว่าที่นี่เต็มไปด้วยชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่จึงมารวมตัวกัน
คืนนี้ก็เช่นกัน สาวน้อยสาวใหญ่มากันจำนวนมากจนโฮสต์ให้บริการไม่พอ
“ก็บอกว่าไปหาคนหน้าตาดีๆ แถวนี้มาไง!”
ซังชอลตะคอกใส่พนักงานสองคน สภาพของทั้งคู่บ่งบอกได้ว่าเพิ่งถูกกระทืบมาเสียสะบักสะบอม เลือดออกปากออกจมูก เนื้อตัวเขียวช้ำ
“ถ้าโฮสต์ไม่พอจนต้องเสียลูกค้าไปล่ะก็ ลูกพี่คงได้เล่นกูตายแน่ พวกมึงรีบไสหัวไปจับคนแถวนี้ห้าคนมาทำงานเดี๋ยวนี้!”
พนักงานทั้งสองรีบพยักหน้า ก่อนจะรีบวิ่งออกไป
ในเวลาทองที่แต่ละบาร์ต่างก็ต้องแข่งกันทำกำไรเช่นนี้จะไปหาโฮสต์ได้จากที่ไหน แต่จะให้เดินเตร็ดเตร่มองหาตามท้องถนนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็ไม่ได้เช่นกัน อย่างน้อยก็ต้องหาโฮสต์สักห้าคนไปให้ซังชอลไม่เช่นนั้นพวกเขาต้องโดนฆ่าตายแน่
หลังจากมองหาตามซอกซอยต่างๆ อยู่ครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็เห็นนักศึกษาหนุ่มกลุ่มหนึ่งเพิ่งเดินออกมาจากร้านเบียร์
หนึ่ง สอง สาม…มีทั้งหมดหกคน ไม่มีเวลาให้ลังเลใจอีกต่อไปแล้ว หากไม่ลากคนพวกนี้ไป คนที่จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตต้องเป็นพวกเขาแน่นอน เขาหยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกทันที
“ที่นี่มีเหยื่อ รีบส่งคนมาด่วน”
หลังจากกดวางสาย พวกเขาก็ปรี่เข้าไปหากลุ่มนักศึกษาที่กำลังพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน
***
“จำเป็นที่จะต้องถอดเสื้อผ้าถ่ายด้วยเหรอ”
พอรู้ว่าชินจะต้องถอดเสื้อเพื่อถ่ายทำฉากเลิฟซีน ยอนโฮก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
“นี่คิดจะแทรกแซงแม้กระทั่งงานแสดงของผมเลยเหรอยอนโฮ ดูเหมือนว่าคุณจะเข้าใจอะไรผิดไปนะ…”
แต่พอเห็นสายตาที่เย็นยะเยือกมองมา ชินก็ชะงัก
“ทะ…ทำไม…”
ยอนโฮเดินมาหยุดที่ตรงหน้าชิน ก่อนจะยกมือจับบ่าของชินแล้วพลิกตัวเขาไปอีกด้าน
“ทะ…ทำอะไรน่ะ…”
“อยู่นิ่งๆ”
ยอนโฮหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า
แควก
เสียงฉีกกระดาษดังขึ้นพร้อมกับที่มีอะไรเย็นๆ บางอย่างสัมผัสแผ่นหลัง
“คุณทำอะไรน่ะ”
พลาสเตอร์สีเดียวกับผิวถูกแปะปิดตราประทับสีแดงบนแผ่นหลังของชิน
“นายมีไอ้นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“นะ…นั่น…ทำไม…อึก”
ชินนิ่วหน้าเมื่ออีกฝ่ายเพิ่มแรงที่ดันแผ่นหลังของเขามากขึ้น
“พูด!”
“อายุสิบห้า”
ตอนอายุสิบห้าเหรอ จำได้ว่าตอนนั้นชินยังไม่มีนี่นา…
วันที่ช่วยชินในตึกที่ถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ ตอนนั้นเขาพยุงชินที่ไร้สติออกมา แผ่นหลังของเด็กหนุ่มที่มองเห็นผ่านเสื้อที่ขาดรุ่ยคล้ายกับว่ายังไม่มีตราประทับแบบนี้ แสดงว่าน่าจะเกิดขึ้นหลังจากเหตุการณ์นั้นสินะ
“ปล่อย! เจ็บนะ”
มือของชินพยายามดันยอนโฮออกไปอย่างแรง นี่เป็นครั้งแรกที่ชินเห็นว่าแววตาของยอนโฮดูสับสน ยิ่งไปกว่านั้นทำไมเขาจะต้องทำหน้าเครียดและไต่ถามเกี่ยวกับตราประทับของตนด้วยเล่า
แต่แล้วแววตาของชินที่มองยอนโฮก็พลันวูบไหว
“คุณรู้จักสิ่งนี้เหรอ”
ชินเอ่ยถาม ยอนโฮรู้จักตราประทับที่ปรากฏอยู่บนแผ่นหลังของตนได้อย่างไร ชายสวมหน้ากากที่ช่วยตนจากเพลิงไหม้เมื่อสิบปีก่อน…แผ่นหลังของเขาคนนั้นก็มีตราประทับแบบนี้
หรือว่ายอนโฮ…จะมีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับเขาคนนั้น หรือไม่ก็เป็นคนที่จะทำอันตรายเขาคนนั้นทำไมยอนโฮจะต้องสนใจตราประทับนี้ด้วย
แววตาของชินที่จ้องยอนโฮค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแววตาดุร้าย
“คุณมีจุดประสงค์อะไรถึงได้เข้ามาใกล้ผม”
หากยอนโฮเป็นหนึ่งในคนที่พยายามเข้าใกล้เขาเพื่อจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของชายสวมหน้ากากล่ะก็…แสดงว่ายอนโฮจะต้องเป็นคนที่อันตรายที่สุด