ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 2 #นิยายวาย – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

overgraY

ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 2 #นิยายวาย

อาบน้ำหลั่งน้ำตา ใจที่รวดร้าวดังวันวาน

 

คืนที่ดวงดาวเต็มผืนฟ้า

ในห้องอันกว้างขวาง ด้านหลังฉากบังลมฝังอัญมณีล้ำค่า เงาร่างสวมชุดคลุมยาวสีขาวของเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเทน้ำร้อนลงในอ่าง ก่อนจะนำผ้าสะอาด สบู่หอม รวมไปถึงกาน้ำชาอุ่นร้อนวางบนโต๊ะเตี้ยด้านข้างอย่างพิถีพิถัน

บานประตูเปิดออก คนผู้หนึ่งก้าวเข้ามาพร้อมเอ่ยกับผู้ที่อยู่ด้านหลังฉากบังลม “เตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง”

“เตรียมเสร็จแล้ว ใช้อาบน้ำได้เลย” เขาจุ่มมือลงในน้ำ กวักมือเบาๆ ทำให้เกิดเสียงน้ำกังวานใส

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ประกายตาของคนที่อยู่ด้านนอกฉากก็วูบไหวเล็กน้อย เขาเร่งฝีเท้า เมื่อเห็นเด็กหนุ่มในชุดขาว แววตาก็ฉายรอยยินดี แต่ไม่ได้เอ่ยคำใด

เด็กหนุ่มในชุดขาวปรนนิบัติเขา ปลดสายรัดเอว ถอดเสื้อตัวนอก เสื้อตัวใน จนเหลือเพียงกางเกงตัวใน ก่อนจะพับเสื้อผ้าวางไว้บนชั้นไม้อย่างเป็นระเบียบ ขณะจะหมุนกายเดินจากไปกลับถูกดึงมือเอาไว้

“พี่สามยังมีเรื่องใดอีกหรือ”

เด็กหนุ่มชุดขาวก็คือหรูซิ่ว เขาเงยหน้าขึ้นถาม

อีกฝ่ายมองเขา นิ่งเงียบอยู่นานถึงค่อยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “อยู่ต่อสิ”

“อีกเดี๋ยวอาจมีคนเข้ามา”

องค์ชายสามได้ยินก็เดินไปปิดประตูให้แน่นหนา หน้าต่างก็ถูกปิดจนมิดชิด

หรูซิ่วมองเงียบๆ อดเตือนเสียงเบาไม่ได้ “พี่สาม เดี๋ยวจะหนาวเอาได้”

องค์ชายสามไม่สนใจ เมื่อหับหน้าต่างเรียบร้อยดีแล้วก็เดินเข้ามาหาเด็กหนุ่ม กุมมือเขาไว้ไม่ปล่อย

หรูซิ่วเงยหน้าขึ้นยิ้ม “พี่สาม ท่านทำตัวหน้าไม่อายอีกแล้ว”

“เพราะถูกเจ้าบังคับหรอก” องค์ชายสามบีบเคล้นฝ่ามือเขาเบาๆ

ฝ่ามือทั้งสองข้างนั้นเป็นมือของผู้สูงศักดิ์ อบอุ่นและมั่นคง ต่างกับมือผอมแห้ง หยาบกร้าน และเย็นเฉียบของหรูซิ่ว เมื่อถูกกุมมือเอาไว้เขาก็อดรู้สึกอบอุ่นเข้าไปถึงหัวใจไม่ได้

“รีบลงไปแช่ในน้ำเถิด ข้าจะช่วยถูหลังให้ท่าน” หรูซิ่วเร่ง

ไม่นาน คนหนึ่งก็ลงไปนั่งในอ่าง มีเพียงไหล่ที่โผล่พ้นน้ำ ส่วนอีกคนก็ย้ายม้านั่งเข้ามานั่งข้างๆ มือถือผ้าสะอาดถูแผ่นหลังและต้นคอให้

“ครั้งสุดท้ายที่เจ้าช่วยถูหลังให้ข้า ผ่านมานานมากเหลือเกิน” ชายหนุ่มพูด

“ข้างกายพี่สามมีคนตั้งมากมาย ทั้งยังคล่องแคล่วมีไหวพริบ ชาติกำเนิดขาวสะอาด ไหนเลยจะเหลือที่ให้บ่าวรับใช้” หรูซิ่วหยอกล้อ ทว่าอีกคนหันร่างกลับมามองด้วยสีหน้าตำหนิ

“ปากคู่นี้ไฉนจึงแหลมคมไม่เคยเปลี่ยน” องค์ชายสามคว้าข้อมือเขามากุมไว้ “ชอบทำให้ผู้อื่นรู้สึกผิดอยู่ร่ำไป”

“นายท่านไม่ชอบฟัง ผู้น้อยไม่พูดก็ได้ขอรับ ท่านจะได้ไม่ต้องโมโห” เขาคิดจะดึงมือกลับ แต่องค์ชายสามไม่ยอมปล่อย

คนทั้งสองสบตากันอยู่ชั่วครู่ หรูซิ่วเป็นฝ่ายเบนสายตาหลบก่อน องค์ชายสามพลันจับปลายคางของเขา บังคับให้หันหน้ากลับมา การกระทำหยาบคายที่เห็นได้น้อยครั้งทำให้หรูซิ่วประหลาดใจจนชะงักไป

“คนที่โมโหคือเจ้าต่างหาก” องค์ชายสามคลายมือ เปลี่ยนเป็นลูบไล้แก้มแทน ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม่มือปัดผ่านขนตาเขาเบาๆ “ทุกครั้งที่เจ้าโกรธ ก็จะจงใจเรียกข้าว่านายท่าน คิดว่าข้าไม่รู้หรือ”

หรูซิ่วไม่ตอบ สีหน้าเริ่มมีแววแข็งขืน องค์ชายสามพลันขยับเข้าไปหา คว้าร่างเขาเข้ามากอดก่อนจะก้มหน้ายึดครองริมฝีปากของเขา

คนที่ถูกโอบกอดดิ้นรนขัดขืน ทว่าคนที่อยู่ในอ่างน้ำกลับไม่ยอมปล่อย ทำให้น้ำสาดกระเซ็นไปทั่ว

หรูซิ่วถูกจูบจนแทบหายใจไม่ทัน เมื่อสบจังหวะสูดลมหายใจได้ก็รีบร้อง “ท่านกำลังบังคับข้า…”

“ข้ายอมถอยให้เจ้ามากแล้วต่างหาก!” องค์ชายสามตัดบทเขา ก่อนจะคว้าไหล่ทั้งสองข้างของหรูซิ่ว ตะโกนเสียงต่ำอย่างดุร้ายยิ่งกว่าเดิม “หากข้าจะบังคับเจ้า ตอนที่เจ้าแอบหนีกลับมาจิงเฉิงตอนนั้น ข้าคงบังคับให้เจ้าจากไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีก ข้าจะได้ไม่ต้องรู้สึกปวดใจอยู่ทุกวันเช่นนี้”

“พี่สาม…” สีหน้าของหรูซิ่วพลันแปรเปลี่ยน กัดฟันถามด้วยน้ำตาสองสายที่ไหลลงมา “หากข้าไม่ยอมไป ท่านจะทำเช่นไร”

เห็นอีกฝ่ายหลั่งน้ำตา องค์ชายสามก็ออกแรงรั้งร่างเขาเข้ามากอด ใบหน้าที่มักเยือกเย็นสงบนิ่งปรากฏร่องรอยลำบากใจ เป็นนานกว่าจะพูดขึ้น “ข้าก็ให้เจ้ากลับมาแล้วมิใช่หรือ!”

“ชีวิตนี้ของข้า พี่สามเป็นผู้ช่วยเอาไว้ ทั้งชื่อ ทั้งฐานะล้วนเป็นพี่สามที่มอบให้…” หรูซิ่วสะอื้น “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ท่านก็ไล่ข้าไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”

องค์ชายสามคลายมือออก ครั้นเห็นอีกฝ่ายยังร่ำไห้ก็เผยรอยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะดึงเขากลับเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง แนบแก้มตนกับหน้าผากของเขา “เห็นทีเจ้าจะยิ่งโตก็ยิ่งเหมือนเด็ก ขึ้นเสียงใส่ไม่กี่คำก็ร้องห่มร้องไห้เสียแล้ว”

“พี่สามกลับยิ่งโตยิ่งถอยหลัง นิสัยขี้โมโหแย่ยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก”

“เจ้ามีหน้ามาวิจารณ์ข้าด้วยหรือ” องค์ชายสามยิ้ม

“พี่สามเสียใจแล้วใช่หรือไม่ ที่ปีนั้นเลือกเก็บตัวปัญหาอย่างข้ามา ตอนแรกท่านควรจะปล่อยข้าให้นอนรอความตายอยู่ตรงนั้น”

องค์ชายสามยิ้มกว้างยิ่งกว่าเดิมพลางลูบหัวเขา “ข้าไม่เคยนึกเสียใจที่ช่วยเจ้า เมื่อก่อนข้าอาจไม่รู้ แต่ตอนนี้เจ้าทำให้ข้าอยากเห็นหน้าเจ้าตลอดเวลา”

“นี่เรียกว่าใส่ร้ายผู้อื่น ตั้งแต่ถูกท่านช่วยเอาไว้ ข้าเฝ้านึกอยู่ตลอดว่าจะทำให้ท่านเบิกบานใจได้อย่างไร กลัวอยู่ทุกขณะว่าหากวันใดเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น ท่านก็จะทิ้งข้าไว้ที่มองโกล”

“ต่อให้ข้าอยากจะทิ้ง เกรงว่าคงมีคนไม่ยอม” องค์ชายสามจงใจหยอกล้อ อาศัยเรื่องนี้ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายขึ้น แต่กระนั้นก็ยังอดทอดถอนใจไม่ได้ “เวลาผ่านไปรวดเร็วจริงๆ นับดูแล้วก็สิบสี่ปีแล้วหรือนี่”

ผ่านไปสิบสี่ปีแล้ว ตอนนั้นเด็กหนุ่มเฉลียวฉลาดในอ้อมกอดคนนี้ยังไม่รู้หนังสือเลยสักตัว กระทั่งชื่อของตัวเองก็ไม่มี

หวนนึกกลับไป…

 

‘ไม่รู้ชื่อแซ่จริงๆ หรือ’

องค์ชายสามกลับเข้ามาในกระโจม หลังจากได้ยินบ่าวรายงานก็อดรู้สึกสงสารไม่ได้

‘เป็นเช่นนั้นจริงพ่ะย่ะค่ะ ระยะนี้กระหม่อมลองคุยกับเขาอยู่หลายครั้ง เท่าที่ได้ยินมา เขาไม่เคยออกจากบ้าน คนในบ้านก็ไม่ได้ตั้งชื่อให้ เพียงเรียกเขาว่าเด็กน้อย’

บ่าวรับใช้รายงานอย่างละเอียด เขาฟังแล้วก็อดส่ายหน้าไม่ได้

คืนนั้นหลังจากช่วยคนมาแล้ว รุ่งสางของอีกวันเขายังคงพักผ่อนอยู่ในรถม้า บ่าวรับใช้ก็ตระเตรียมรถม้าอีกคันไว้พร้อมสรรพ ทั้งยังย้ายเด็กน้อยไปที่รถม้าคันนั้นเรียบร้อย เพราะบาดเจ็บอยู่ ระหว่างทางเด็กน้อยจึงไม่ได้ลงจากรถไปไหน เขาเองก็ไม่อาจลดเกียรติเป็นฝ่ายเข้าไปเยี่ยมดูอาการ จนกระทั่งมาถึงมองโกลก็ยุ่งวุ่นวายกับงานเลี้ยงติดต่อกันหลายวัน จึงไม่มีกะจิตกะใจคิดถึงเรื่องอื่น เช้านี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะมีเวลาว่างคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้

‘บาดแผลของเขาดีขึ้นบ้างแล้วกระมัง หากสามารถเคลื่อนไหวได้แล้วก็พาเขาเข้ามา’ องค์ชายสามนั่งอยู่ภายในกระโจม ด้านข้างจุดธูปหอมไว้ดอกหนึ่ง เขายกชาขึ้นจิบ ก่อนจะหยิบพู่กันขึ้นบรรจงเขียนตัวอักษร

ไม่นานก็เห็นบ่าวรับใช้พาคนเข้ามา

‘องค์ชายสาม เขามาแล้วพ่ะย่ะค่ะ’

องค์ชายสามขานรับคำหนึ่งพลางเงยหน้าขึ้นช้าๆ กลับเห็นเด็กน้อยคุกเข่าโขกหัวให้เขา เอ่ยเสียงดัง ‘ขอบพระคุณนายท่านที่ช่วยชีวิตขอรับ!’

‘เขายังไม่หายดี เจ้าให้เขาคุกเข่าได้อย่างไร!’ องค์ชายสามตวัดสายตามองบ่าวรับใช้ทีหนึ่ง ก่อนจะหันมามองเด็กน้อย น้ำเสียงอ่อนลง ‘เจ้าลุกขึ้นเถิด’

เด็กน้อยลุกขึ้นยืน ทว่ายังคงก้มหน้า

องค์ชายสามเห็นเช่นนั้นก็อดยิ้มบางมิได้ ‘ไม่ต้องกลัว เงยหน้าขึ้นสิ’

เด็กน้อยได้ยินก็ใช้สองมือกำชายเสื้อ เงยหน้าขึ้นมองผู้มีพระคุณ องค์ชายสามตกตะลึง คืนนั้นในรถม้ามืดมากจนมองได้ไม่ชัด วันนี้พอได้เห็นแล้วก็พบว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กน้อยสะอาดสะอ้านท่าทางเรียบร้อยคนหนึ่ง ผิวกายขาวกระจ่าง เครื่องหน้าราวกับสลักเสลา หากไม่ได้โกนผม บอกว่าเป็นเด็กผู้หญิงเขาก็เชื่อ

‘มือของเจ้าขยับไหวหรือไม่’ องค์ชายสามถาม ทว่าเมื่อเห็นเขาตัวสั่นเทา แววตาเริ่มมีแววหวาดหวั่นก็ทนใจแข็งไม่ไหว เรียกให้เขาเข้ามาหา ลูบหัวอีกฝ่ายเบาๆ ก่อนจะปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ‘เหตุใดจึงเอาแต่ตัวสั่น ข้าน่ากลัวนักหรือ’

เด็กน้อยรีบส่ายหน้า ก่อนจะทำใจกล้าเงยหน้าขึ้นสบตา ไม่ว่าจะเป็นยามกลางคืนหรือกลางวัน เขาก็รู้สึกว่านายท่านช่างรูปงามเหลือเกิน น้ำเสียงก็ไพเราะ บนร่างมีกลิ่นหอมที่ชวนให้รู้สึกสบายใจยิ่ง และยามที่นายท่านลูบหัวเขาก็อ่อนโยนอย่างมาก

‘คงเพราะได้รับความสะเทือนใจมาก่อน เวลานอนจึงไม่ค่อยสงบนัก ตอนแรกกระหม่อมจะช่วยทายาให้เขา พอเขาเห็นกระหม่อมยกมือขึ้นก็หวาดกลัวจนหน้าซีดเผือดเลยพ่ะย่ะค่ะ’ บ่าวรับใช้ขององค์ชายสามมองออกว่าเจ้านายเกิดความเมตตา จึงพูดเสริมจนน้ำลายแตกฟองอยู่ด้านข้าง ‘พอกระหม่อมสั่งให้คนยกยาไปให้ ตอนแรกเขาก็ไม่กล้าดื่ม ยังมี…บาดแผลเก่าบนร่างของเขาอีกหลายแห่ง คล้ายรอยถูกหยิกพ่ะย่ะค่ะ’

องค์ชายสามไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน ยิ่งไม่เคยเห็นคนที่กล้าทำ ชั่วขณะนั้นเขารู้สึกทั้งใจอ่อนทั้งสงสัย อดมองไปที่ร่างของเด็กน้อยไม่ได้ บ่าวรับใช้ของเขาเห็นเช่นนั้นก็รีบม้วนแขนเสื้อทั้งสองข้างของเด็กน้อยขึ้น เผยให้เห็นรอยช้ำสีม่วงหลายแห่งบนแขน มีทั้งที่สีจางไปแล้วและสีคล้ำเข้ม เด็กหนุ่มตื่นตระหนกอยู่ไม่น้อย จิตใจฮึกเหิมของวีรบุรุษผู้กล้าลุกโชนอีกครั้ง เขาเอ่ยกับเด็กน้อยด้วยเสียงหนักแน่น ‘จากนี้ไปหากใครกล้าทำเช่นนี้กับเจ้าอีก ข้าจะไม่ละเว้นมันผู้นั้นแน่’

‘ยังไม่รีบขอบพระทัยอีก! องค์ชายสามทรงเมตตาเจ้าเช่นนี้ หาไม่ได้จากที่ใดแล้วนะ’

เด็กน้อยได้ยินก็หมายจะก้มลงคุกเข่า ทว่าถูกองค์ชายสามห้ามเอาไว้ ‘พอแล้ว เมื่อครู่ก็โขกหัวไปแล้ว ไม่ต้องคุกเข่าอีกก็ได้ ข้าได้ยินว่าเจ้าไม่มีชื่อหรือ’

เด็กน้อยพยักหน้า

‘มิสู้องค์ชายสามทรงช่วยตั้งให้สักชื่อเล่าพ่ะย่ะค่ะ’ บ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านข้างแนะนำ ดวงตาขององค์ชายสามพลันสว่างวาบ เห็นชัดว่าถูกใจอย่างยิ่ง

‘ข้าขอคิดดูก่อน’ องค์ชายสามยิ้มน้อยๆ ก่อนจะนึกเรื่องหนึ่งขึ้นได้ ‘ถ้าอย่างนั้น เจ้าคงจะไม่รู้หนังสือด้วยเป็นแน่’

เด็กน้อยพยักหน้าอีกครั้ง เขาไม่ได้ตัวสั่นแล้ว ทั้งยังกล้ามองอีกฝ่ายตรงๆ

องค์ชายสามเห็นใบหน้าของเขาแม้จะยังไร้เดียงสา แต่ในแววตากลับฉายรอยฉลาดเฉลียว จึงเอ่ยขึ้นว่า ‘เอาเช่นนี้แล้วกัน ถึงอย่างไรข้าอยู่ที่นี่ก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว มิสู้ข้าจะเขียนอักษรสักหลายๆ ตัวให้เจ้าเอาไปคัดลอก โชคดีที่เจ้าบาดเจ็บที่มือซ้ายไม่ใช่มือขวา ถือพู่กันเขียนอักษรคงไม่เป็นไร’

นายท่านจะสอนเขาเขียนตัวอักษร? สำหรับเด็กน้อยแล้ว นายท่านแสนดียิ่งกว่าเทพเซียนเสียอีก ถึงขั้นยอมสอนเขาด้วยตัวเอง! เด็กน้อยตะลึงลาน ชั่วขณะนั้นเขารู้สึกยินดีจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไร ทั้งไม่รู้จะเอ่ยเช่นไร ทำได้แค่สูดจมูก ขยี้ตา ปาดเช็ดน้ำตาแห่งความดีใจ บ่าวรับใช้ขององค์ชายสามคอยพูดเห็นดีเห็นงามด้วยจากด้านข้าง บอกว่าเขามีบุญวาสนา บอกว่าในหมู่องค์ชายทั้งหมด องค์ชายสามเป็นผู้ที่รอบรู้และเขียนอักษรได้งดงามที่สุด บอกว่าโชคร้ายของเขาได้กลายเป็นดีแล้ว

‘เริ่มจากตัวง่ายๆ ก่อน! ข้าจะเขียนกลอนไม่กี่วรรคแล้วกัน อืม…เจ้าเข้ามานี่สิ มาช่วยข้าฝนหมึก’ องค์ชายสามตื่นเต้นอย่างมาก รีบดึงเขาไปข้างโต๊ะหนังสือ ก่อนจะกุมมือสอนว่าควรจับแท่งหมึกฝนอย่างไร รวมทั้งสอนว่าควรจับพู่กันเช่นไร

บ่าวรับใช้ขององค์ชายสามที่ยืนมองอยู่ด้านข้างรู้สึกว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แม้องค์ชายสามจะยังอายุน้อยใจร้อนวู่วาม แต่กลับเป็นอาจารย์ที่ดีได้ถึงเพียงนี้ อีกอย่างหนึ่งพระองค์เพิ่งจะสิบเก้าปี ทว่ากลับคบหาพบปะพี่น้องคนอื่นๆ ของตนน้อยครั้งนัก มาวันนี้เพราะเกิดใจเมตตา คงเห็นเด็กน่าสงสารที่เก็บมาจากข้างถนนคนนี้เป็นน้องชายแล้วกระมัง

เด็กน้อยฝนหมึกอย่างตั้งใจ ก่อนจะมององค์ชายสามถือพู่กันคัดอักษร จดจำทุกการเคลื่อนไหว ทุกสายลายเส้น สลักเอาไว้ในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ

ด้านในกระโจม ธูปหอมเผาไหม้ไปเรื่อยๆ องค์ชายหนุ่มนั่งสง่าอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ คัดบทกลอนด้วยสีหน้าจดจ่อ เด็กน้อยน่าเอ็นดูยืนมองผู้มีพระคุณอยู่ด้านข้าง สายตาเต็มไปด้วยความเทิดทูน

กลิ่นของธูปหอมอ้อยอิ่งอยู่ระหว่างคนทั้งสอง ราวกับโชคชะตาที่ผูกปมช้าๆ แรกเริ่มอาจมีเพียงเส้นเดียว ทว่าต่อมากลับเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ไม่อาจแก้ได้อีก

Comments

comments

Continue Reading

More in overgraY

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 5 #นิยายวาย

    By

    พิศวาสรัญจวนในห้องหนังสือ คราแรกของเด็กหนุ่ม   ดูจากการที่องค์ชายสามทั้งตีทั้งตวาด แล้วแบกเขาเดินเร่งฝีเท้าด้วยท่าทางกระโชกกระชาก หรูซิ...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 4 #นิยายวาย

    By

      มรสุมพลันสาดซัด เด็กหนุ่มโชกไปด้วยเลือด   ราตรีล่วงผ่านไปโดยไม่อาจข่มตาหลับ วันถัดมาฟ้าเพิ่งจะสาง หรูซิ่วก็รีบวิ่งออกไปเคาะประตู...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 3 #นิยายวาย

    By

    เด็กหนุ่มรูปงาม อุทิศตนเป็นบ่าวรับใช้   ในห้องที่ซ่อนอยู่หลังชั้นหนังสือ คนทั้งสองหลับตาพักผ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน ท่ามกลางความมืด...

  • overgraY

    ตรารักสายเลือดบาป (เล่ม 1) บทที่ 1 #นิยายวาย

    By

    สะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก ฝันร้ายอันยากจะลืม   ความจริงแล้ว...เขาแตกต่างจากผู้อื่นที่ใดกันแน่ เหตุใดใครๆ จึงต่างรังเกียจเขาเช่นนี้   ส...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 3.2 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 3.2   เมื่อกลับมาถึงวังอ๋อง เนื่องจากเหตุการณ์ของชายาทำให้บรรยากาศในวังยังคงอึมครึม ข้าเรียกคนให้หยิบกาสุรามาดื่มในสวนเล็กของตำหน...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 3.1 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 3.1   วันถัดมา ข้าเข้าวังเพื่อกราบทูลผลการลงโทษชายาต่อฝ่าบาทและไทเฮา เดิมทีข้าจะไปเข้าเฝ้าฉีเจ่อก่อน แต่ขันทีน้อยบอกข้าว่าฝ่าบาทก...

  • overgraY

    เสด็จอา บทที่ 2 #นิยายวาย

    By

    บทที่ 2   ข้าย่างเท้าออกจากประตูตะวันออกของอุทยานหลวงภายใต้แสงสายัณห์ ยังไม่ทันเดินออกมาได้ถึงสองก้าวก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกจากทางเบื...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com