เจินจยาฝูไม่รอให้เมิ่งซื่อเปิดปากก็หันไปทางเผยซิวจื่อต่อ ยิ้มน้อยๆ เอ่ย “วันนี้รบกวนพี่รองเผยมาทั้งวัน ข้าต้องขอบคุณท่านแทนท่านแม่จริงๆ ทั้งรู้ดีว่าพี่รองเผยย่อมไม่รังเกียจน้ำชาเย็นชืดของบ้านเรา เพียงแต่ข้ากับท่านแม่เดินทางมาไกล วันนี้เพิ่งมาถึง พี่รองเผยก็เห็นแล้วว่าพวกเรายังไม่ได้พักกันสักนิดก็ต้องไปเยี่ยมญาติต่อ รู้สึกเหน็ดเหนื่อยมากแล้วจริงๆ วันนี้มีเรื่องไม่สะดวกหลายอย่าง ยังต้องขอให้พี่รองเผยอภัยให้ด้วย”
เดิมเผยซิวจื่อยังคิดอยากเข้าไป เมื่อได้ยินเจินจยาฝูเอ่ยเช่นนี้ ฝีเท้าจึงหยุดชะงัก ได้แต่เอ่ยว่า “ญาติผู้น้องพูดได้ถูกต้อง เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน พวกท่านเองก็พักผ่อนกันให้ดีๆ”
เมิ่งซื่อบอกให้เผยซิวจื่อเดินทางปลอดภัย รอจนตัวเขาจากไปแล้ว บุตรสาวคล้องแขนนางเดินเข้าไปข้างใน ทั้งร่างถึงค่อยผ่อนคลายลง เมิ่งซื่อยิ้มเอ่ย “ที่เจ้าพูดเมื่อครู่นี้ก็ไม่ผิด แม่เองก็เหนื่อยบ้างแล้วจริงๆ เพียงแต่เห็นเขากระตือรือร้นเช่นนี้ ทั้งยังมาส่งพวกเราถึงประตูบ้านด้วย หากไม่เรียกเขาเข้ามาดื่มชาสักถ้วยก็ให้จากไปแล้ว แม่รู้สึกไม่ถูกต้องอยู่บ้าง นับประสาอะไรกับที่พวกลูกเองก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกัน รอวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าผ่านไป…”
“ท่านแม่! ลูกกับพี่รองเผยยังไม่ได้หมั้นหมายกัน ต่อให้หมั้นแล้ว สกุลเราก็ไม่อาจรั้งตัวเขาไว้ได้มาก วันนี้เดิมทีเขาก็อยู่ข้างพวกเรามาโดยตลอด หากท่านยังรั้งเขาไว้อีก เกรงว่าจะเกิดคำนินทาจากทางฝั่งนั้นได้เจ้าค่ะ”
เมิ่งซื่อกระจ่างแจ้งขึ้นมาทันควัน ถอนหายใจเอ่ย “ยังเป็นลูกที่รอบคอบ แม่ถึงกับลืมไปชั่วขณะแล้ว”
ในความทรงจำของเมิ่งซื่อ ที่ผ่านมาบุตรสาวมีท่าทีอ่อนหวานเชื่อฟังมาโดยตลอด บัดนี้ใกล้จะแต่งงานออกไป ทางสกุลแม่สามียังเป็นถึงจวนเว่ยกั๋วกง เดิมทีรู้สึกไม่วางใจอยู่เสมอ นึกไม่ถึงว่าบุตรสาวจะพิจารณาได้รอบคอบเพียงนี้ เรื่องที่กระทั่งตนเองยังมองข้ามไปนางกลับคิดใคร่ครวญแล้ว แม้จะประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ตนก็รู้สึกได้ว่าบุตรสาวเติบโตจนรู้ความแล้ว ในใจจึงรู้สึกวางใจอย่างยิ่ง
เจินจยาฝูเดินเคียงข้างมารดาเข้าไปข้างในช้าๆ พลางเอ่ย “ท่านแม่ ท่านไปพักผ่อนสักหน่อยเถิด รอจนเรี่ยวแรงกลับมาแล้วลูกจะสั่งให้คนส่งเทียบเชิญไปยังสกุลซ่ง หากว่าซ่งฮูหยินมีเวลาว่าง ช่วงบ่ายพวกเราก็ไปเยือนสกุลซ่งกันสักครั้งเถอะเจ้าค่ะ นางเป็นท่านแม่บุญธรรมของลูก ลูกอยากจะรีบไปคารวะนางเร็วสักหน่อย เป็นการแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของพวกเราด้วยเจ้าค่ะ”
เมิ่งซื่อทั้งปวดใจระคนชื่นชม “เดิมทีแม่กลัวว่าลูกจะเหนื่อย คิดว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยไปอีกที ในเมื่อลูกคิดเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ถ้าหากทางนั้นตอบกลับมา พวกเราก็รีบไปกัน ไม่ว่าจะเร็วจะช้าก็ต้องไปเยือนสักหนอยู่แล้ว”
เจินจยาฝูส่งมารดากลับไปพักผ่อนในห้อง หลังกลับมาก็คอยดูถานเซียงนำเหล่าสาวใช้จัดเก็บสัมภาระ ระหว่างนั้นก็รอคำตอบกลับของสกุลซ่ง
ไม่ถึงยามอู่ คนที่ถูกส่งไปมอบเทียบเชิญก็กลับมาแล้ว โดยนำจดหมายกลับมาแจ้งว่าซ่งฮูหยินเรียกให้คนสกุลเจินไปหาช่วงยามเซิน
เจินจยาฝูคาดเดาได้นานแล้วว่าจะต้องได้รับคำตอบเช่นนี้
เมื่อชาติก่อนนางเคยไปมาหาสู่กับซ่งฮูหยิน ‘ท่านแม่บุญธรรม’ ผู้นี้ อีกฝ่ายเป็นคนหยิ่งยโสและใจร้อน ตลอดการเดินทางขึ้นเหนือหนนี้ นางจงใจทำให้เยี่ยหมัวมัวรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก หลังลงเรือกลับไปยังสกุลซ่ง เยี่ยหมัวมัวจะต้องรายงานทุกการกระทำของนางให้ซ่งฮูหยินฟังแน่นอน และจากนิสัยของซ่งฮูหยินจะยังอดทนอยู่นิ่งเฉยได้อย่างไร ต่อให้วันนี้นางไม่วางแผนจะไปหา ซ่งฮูหยินก็จะต้องเรียกตัวพวกนางสองแม่ลูกไปอย่างแน่นอน
ยันต์ขอบุตรก็เป็นแค่ชนวนให้เกิดเรื่องเท่านั้น
หลังจากเจินจยาฝูกลับมามีชีวิตในชาตินี้ นางก็เอาแต่ใคร่ครวญถึงเรื่องชะตาชีวิตมาโดยตลอด ส่วนจะสมปรารถนาได้หรือไม่นั้น เรื่องราวต่อจากนี้จึงจะเป็นจุดสำคัญ
วันนี้นับเป็นโอกาสอันดีจริงๆ นางจำเป็นต้องคว้าเอาไว้ให้ได้
เจินจยาฝูพลันรู้สึกตื่นเต้น แต่อีกใจก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมา นางหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ รอจนอารมณ์สงบลงแล้วถึงได้เรียกถานเซียงมาแล้วเอ่ย “ข้าจะอาบน้ำเปลี่ยนชุด”