ช่วงเวลาหนึ่งเค่อก่อนยามเซิน รถม้าสกุลเจินก็เคลื่อนมาจอดอยู่หน้าประตูจวนสกุลซ่งแล้ว บรรดาบ่าวรับใช้พาเมิ่งซื่อและเจินจยาฝูเข้าประตูเล็กด้านข้าง สุดท้ายก็มาอยู่ในห้องโถงรองแห่งหนึ่งซึ่งไม่มีทั้งน้ำชาและไม่พบผู้ใด มีเพียงบ่าวหญิงอาวุโสสองคนยืนตัวตรงอยู่ด้านข้าง มองหน้ากันไปมาอย่างไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร
หลังรออยู่เช่นนี้ครู่ใหญ่ ในที่สุดก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนหลายคนเดินเข้ามาใกล้ ซ่งฮูหยินสวมชุดหรูหราตัวใหม่ ประดับเครื่องทองและหยก นางปรากฏตัวขึ้นอย่างโดดเด่นภายใต้การห้อมล้อมของสาวใช้และบ่าวหญิงอาวุโสกลุ่มหนึ่ง หลังนั่งลงแล้ว รอจนเมิ่งซื่อพาเจินจยาฝูมาคารวะนางเสร็จก็ไม่พูดไม่จา สายตาประดุจหวีเสนียดซี่ถี่ มองประเมินเจินจยาฝูตั้งแต่หัวจรดเท้ากลับไปกลับมาอยู่หลายรอบ ไม่ปล่อยให้รอดสายตาไปแม้แต่จุดเดียว จากนั้นถึงได้ชี้ไปยังเก้าอี้ตัวหนึ่งด้านข้าง เปิดปากเชิญให้เมิ่งซื่อนั่งลง
“เมื่อครู่มีแขกสตรีจากจวนอันหย่วนโหว มาพูดคุยอยู่นาน เลยทำให้ละเลยทางด้านเจ้าเสียแล้ว”
นางกวาดสายตามองรอบๆ หนหนึ่ง ก่อนด่าทอบ่าวหญิงอาวุโสที่ไม่รู้จักมารยาทเสียงดัง “คนมาถึงแล้วกลับไม่รู้จักเตรียมน้ำชา ใช่สกุลชนชั้นล่างในตัวเมืองที่ใดกัน!”
ก่อนหน้านี้บ่าวหญิงอาวุโสได้รับคำสั่งว่าให้ปฏิบัติกับพวกเมิ่งซื่ออย่างเฉยชา ยามนี้ถูกด่าทอจนหัวหมุนกลับไม่กล้าโต้แย้ง ได้แต่รีบร้อนนำชามาวางสองถ้วยพร้อมเอ่ยขออภัยเมิ่งซื่อ
เมิ่งซื่อรีบบอก “ไม่เป็นไร”
ซ่งฮูหยินคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “สกุลเจินของพวกเจ้าอยู่ที่เฉวียนโจวก็นับเป็นสกุลใหญ่เช่นกัน แม่ลูกเดินทางไกลมายังเมืองหลวง มาหาข้าที่นี่ครั้งแรก บ่าวรับใช้กลับเสียมารยาท ทำให้พวกเจ้าต้องขบขันแล้ว”
ทันทีที่ซ่งฮูหยินผู้นี้ปรากฏตัว เมิ่งซื่อก็สัมผัสได้ถึงความไม่พอใจที่มาจากอีกฝ่ายแล้ว ประโยคเมื่อครู่นี้ยิ่งเป็นการชี้ต้นหม่อนด่าต้นไหว ติดหอกพกกระบอง นางจะฟังไม่ออกได้อย่างไร ทั้งยังได้เห็นเยี่ยหมัวมัวที่อยู่ข้างกายซ่งฮูหยินมีใบหน้าเย็นชาเช่นเดียวกัน แตกต่างจนเหมือนเป็นคนละคนกับยามแยกกันที่ท่าเรือเมื่อตอนเช้า
บัดนี้สกุลซ่งมากทั้งอำนาจและชื่อเสียง ซ่งฮูหยินถือดี ไม่ใช่แค่ซินฮูหยินต้องมองสีหน้านางอยู่หลายส่วน แม้แต่เรื่องการแต่งงานของบุตรสาวตนเองกับซื่อจื่อเว่ยกั๋วกงซ่งฮูหยินก็ยังต้องเข้ามามีส่วนร่วมด้วย เมิ่งซื่อกระจ่างชัดถึงเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ดี ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงตั้งใจจะผูกมิตร หวังให้ทุกอย่างราบรื่น ยามนี้จึงอดงุนงงไม่ได้ ไม่รู้สักนิดว่าเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นตรงจุดใด แต่เพื่อบุตรสาวแล้วตนก็ได้แต่อดทน ตอบรับนางอย่างนอบน้อมอยู่หลายคำ
ซ่งฮูหยินกวักมือเรียกเจินจยาฝู บอกให้นางเดินมาข้างหน้า
เจินจยาฝูก้มหน้าหลุบตาเดินเข้าไปหา เรียกขานซ่งฮูหยินว่า “ท่านแม่บุญธรรม”
ซ่งฮูหยินถามว่านางอายุเท่าไร ปกติอยู่ที่บ้านทำอะไรบ้าง เจินจยาฝูก็ตอบกลับไปทุกคำถาม ท่าทีเชื่อฟังอย่างมาก