เยี่ยหมัวมัวรีบร้อนกลับมาสกุลซ่งแต่เช้า เอ่ยคำพูดที่อัดอั้นมาตลอดการเดินทางโดยเพิ่มน้ำมันเติมน้ำส้ม ให้ซ่งฮูหยินฟังทันที ตอนที่ซ่งฮูหยินได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
ตามหลักแล้วสกุลผู้อื่นจะแต่งบุตรสาว เดินทางผ่านวัดจึงแวะเข้าไปขอยันต์มีบุตร ต่อให้เป็นภรรยาเอกคนใหม่ก็ยังถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล นางไม่มีสิทธิ์จะเข้าไปยุ่งวุ่นวายได้
ถึงอย่างนั้นซ่งฮูหยินก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี ตามความคิดนาง การที่นางรับบุตรสาวสกุลเจินเป็นบุตรสาวบุญธรรมก่อนไปแต่งให้เผยซิวจื่อ ยอมให้เจินจยาฝูได้ไปเติมเต็มตำแหน่งที่บุตรสาวผู้อาภัพของนางเหลือทิ้งเอาไว้นั้น นี่ก็นับเป็นการยกฐานะที่สูงมากแล้ว ราวกับเป็นนกกระจอกบินขึ้นไปเกาะบนกิ่งทอง เดิมทีควรซาบซึ้งใจจนร่ำไห้มิใช่หรือ ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องมาบอกกล่าวให้นางรับรู้ก่อน นางเองก็ใช่ว่าจะไม่อนุญาตให้วันหน้าบุตรสาวสกุลเจินมีทายาทเสียหน่อย แต่ตอนนี้อีกฝ่ายถึงกับมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมาแต่เนิ่นๆ โดยปิดบังนางไว้ เห็นได้ชัดว่าพวกสกุลเจินกำลังไม่ไว้หน้าหลานชายของนาง
นี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจทนได้เป็นอันขาด นับประสาอะไรกับที่ได้ยินบ่าวหญิงอาวุโสเล่าว่าหญิงสาวสกุลเจินมีรูปโฉมงดงามประดุจนางจิ้งจอกอย่างไรบ้าง เกรงว่าบุรุษคงทนต่อคำพูดบนเตียงได้ไม่กี่คำ ยามได้ยินเช่นนั้นซ่งฮูหยินยิ่งรู้สึกทรมาน แทบอยากเรียกคนมาดูให้รู้เห็นในทันที
เมื่อครู่นี้ความจริงไม่ได้มีชายาสกุลโหวมาเป็นแขกแต่อย่างใด เนื่องจากพอนางรู้ว่าแม่ลูกสกุลเจินมาแล้ว จึงตั้งใจข่มอารมณ์ที่อยากเมินอีกฝ่ายเอาไว้ ถึงได้มาช้า
ครั้งแรกที่ซ่งฮูหยินได้เห็นรูปโฉมของบุตรสาวสกุลเจิน หัวใจนางถึงกับกระตุก รู้ว่าเยี่ยหมัวมัวไม่ได้เอ่ยเกินจริงแม้แต่น้อย เทียบกับบุตรสาวที่ตายจากไปผู้นั้นแล้ว ไม่รู้ว่าเจินจยาฝูงดงามกว่าเพียงใด ในใจพลันเกิดความชิงชัง
ยามนี้แม้ปากซ่งฮูหยินจะขยับพูดเรื่องทั่วไป แต่ความจริงกำลังลอบสังเกตกิริยาวาจาต่างๆ ของเจินจยาฝูอยู่ กระทั่งแววตาก็ไม่ปล่อยให้รอดพ้นสายตาไป
ยิ่งเจินจยาฝูอ่อนน้อมเชื่อฟังเพียงไร ซ่งฮูหยินก็ยิ่งสงสัย มักจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังเสแสร้งแกล้งทำ ความรังเกียจยิ่งเพิ่มมากขึ้น จวบจนตอนท้ายสายตานางก็จับจ้องไปยังเหอเปาใบเล็กที่ผลุบๆ โผล่ๆ อยู่ใต้ชายเสื้อบริเวณเอวของเจินจยาฝู นางจึงยิ้มถามขึ้นกะทันหัน “ฝีมือเย็บปักเหอเปาใบนี้ประณีตยิ่ง เจ้าเป็นคนทำเองใช่หรือไม่ เอามาให้ข้าดูหน่อยเถอะ”
เมิ่งซื่อนึกไปถึงยันต์ที่ขอมาจากวัดกวนอินระหว่างทางวันนั้นได้ทันที ยามนั้นกำชับบุตรสาวให้เก็บเอาไว้อย่างดี ภายหลังกระทั่งตนเองยังลืมไปแล้ว
บนยันต์ใบนั้นมีลวดลายทับทิม เพียงมองก็รู้ได้ในทันที หากบุตรสาวยังเก็บยันต์ไว้ในเหอเปา เกรงว่าซ่งฮูหยินคงทนดูไม่ได้อยู่บ้าง จึงนึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันใด กำลังคิดอยากเปิดปากเบี่ยงประเด็นนี้ไป เจินจยาฝูกลับปลดเหอเปาลงมา สองมือประคองยื่นไปข้างหน้า เอ่ยอย่างเขินอาย “เป็นฝีมือปักของข้าเองจริงๆ เจ้าค่ะ เพียงแต่ฝีเข็มไม่ค่อยงามนัก ท่านแม่บุญธรรมกล่าวชมเกินไปแล้ว”
ซ่งฮูหยินรับมาพลิกไปมาบนฝ่ามือ แสร้งทำเป็นชื่นชมอยู่หลายประโยค อาศัยข้ออ้างต้องการดูฝีมือเดินเข็มชั้นใน นิ้วดึงเชือกครั้งหนึ่งปากถุงก็เปิดออกแล้ว เหลือบมองดูในนั้นคราหนึ่ง เห็นที่ก้นเหอเปามีขนมเซียงปิ่ง ชิ้นเล็กอยู่สองชิ้น นอกจากนี้ยังมียันต์แผ่นหนึ่งตามคาด เอ่ยอ้างว่าต้องการชมอย่างละเอียด นางจึงพลิกตัวถุงออกมาด้านนอกทั้งใบ เทของทั้งหมดลงมา
โปรดติดตามตอนต่อไป