“ถึงอย่างนั้นเจ้าก็ไม่สมควรเดินออกมาเช่นนี้”
หลีฮุยยกยิ้ม “รู้ทั้งรู้ว่าเขาพาลโกรธอยู่พี่เจี่ยวยังจะยอมให้เขาเหยียบย่ำตามอำเภอใจหรือ นั่นมีแต่จะทำให้เขารู้สึกว่าพี่ร้อนตัว วันหน้าก็จะหนักข้อยิ่งขึ้น พี่เจี่ยว ท่านจงจำไว้ว่าถึงแม้พวกเราจะกำพร้ามารดา แต่ก็เป็นหลานชายกับหลานสาวของจวนกู้ชางป๋ออย่างถูกต้องชอบธรรม และจุดนี้ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปเพราะตู้เฟยหยาง”
นับวันเขายิ่งไม่เข้าใจพี่สาวมากขึ้น ทั้งที่ในจวนมีทั้งท่านย่าท่านพ่อที่ให้ความรักและทะนุถนอม ไฉนต้องฝืนใจตนเองไปประจบประแจงคนอื่น ซ้ำยังไม่เป็นมิตรกับน้องเจาที่เป็นคนในครอบครัวเดียวกันอีก
ได้ยินถ้อยคำของน้องชายแล้ว หลีเจี่ยวพิงผนังรถม้าไม่พูดไม่จา
ไหนเลยน้องสามจะรู้ถึงความลำบากของนาง
น้องสามเป็นหลานชายสายเลือดภรรยาเอกเพียงคนเดียวของจวนตะวันตก วันหน้าคนทั้งจวนล้วนต้องรุมล้อมเอาใจเขา ส่วนนางเป็นเพียงหนึ่งในหมู่หลานสาวมากมายเท่านั้น
หากนางไร้ชั้นเชิงกลอุบาย ไม่รู้จักประจบประแจงให้ถูกจังหวะ เกรงว่าคงมีชีวิตอยู่ไม่ถึงตอนนี้แต่แรกแล้ว
พาลโกรธ? ฮ่าๆ น้องสามพูดถูก ที่เรียกว่า ‘พาลโกรธ’ นั้นก็แค่เลือกบีบมะพลับนิ่มเท่านั้นเอง ตู้เฟยหยางไม่กล้าพาลโกรธกวนจวินโหว ถึงขั้นไม่กล้าพาลโกรธหลีซาน แต่กลับมาพาลโกรธนาง!
ถึงที่สุดแล้วเพราะดูถูกว่านางไร้ที่พึ่งพาอาศัย!
หลีเจี่ยวหลับตาลง ความปรารถนาอยากไต่เต้าขึ้นไปเป็นผู้สูงศักดิ์ในใจนางยิ่งแรงกล้าขึ้น
พริบตาเดียวก็ถึงเทศกาลหยวนเซียว*
ดวงเดือนลอยเลื่อนเหนือยอดไม้ หนุ่มสาวนัดหมายหลังโพล้เพล้
เทศกาลหยวนเซียวเป็นวันที่ชายหนุ่มหญิงสาวชาวเมืองหลวงนัดพบกันอย่างเปิดเผยมาแต่ไหนแต่ไร มีคู่สามีภรรยาตั้งมากเท่าไรก็สุดรู้ที่ล้วนได้เฒ่าจันทราชักพาส่งเสริมในวันนี้
เฉียวเจาที่ได้รับคำชวนจากเซ่าหมิงยวนก็แต่งองค์ทรงเครื่องเตรียมตัวออกจากเรือน ส่วนหลีเจี่ยวนั่งรถม้าออกไปก่อนก้าวหนึ่งแล้ว
นับแต่ตู้เฟยเสวี่ยพักอยู่ในจวนไท่หนิงโหวของท่านตา นางก็กินน้ำตาต่างข้าวทุกวัน ฮูหยินผู้เฒ่าของไท่หนิงโหวสงสารหลานสาว จึงให้จูเยี่ยนกับจูเหยียนสองพี่น้องออกมาผ่อนคลายจิตใจเป็นเพื่อนนาง
หลีเจี่ยวซึ่งถือเทียบเชิญที่ตู้เฟยเสวี่ยให้คนถือมาส่งให้อยู่บนรถม้าอดยิ้มไม่ได้
น้องสามไม่เข้าใจที่นางยอมกล้ำกลืนฝืนทน เขากลับไม่รู้ว่ามีโอกาสมากมายที่ได้มาอย่างนี้นั่นเอง
ท้องฟ้ามืดสลัวลงทีละน้อย ริมถนนสองฝั่งประดับโคมไฟสว่างไสวดุจยามกลางวัน ผู้คนเนืองแน่นล้นหลาม
เฉินกวงคุ้มครองเฉียวเจาเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังพลางบ่นอุบอิบในใจ ท่านแม่ทัพยิ่งมายิ่งมีลูกเล่นแพรวพราวขึ้นทุกที ตนเองไม่มารับคุณหนูสาม กลับเจาะจงให้ข้าพาไปส่ง บอกว่าอยากสร้างความตื่นเต้นประหลาดใจให้นาง
สวรรค์! คนเยอะอย่างนี้ เกิดไม่ระวังทำคุณหนูสามหายไป เช่นนั้นคงกลายเป็นตื่นตกใจเสียขวัญแทนแล้ว
ขณะสารถีน้อยคิดคำนึงอยู่อย่างนี้ โคมไฟสูงเทียมต้นไม้พลันล้มลงมากะทันหัน