บทที่ 594
เจียงซือหร่านออกจากวังหลวงแล้วเหลือบตาขึ้นมองท้องฟ้า
กลุ่มเมฆหนาทึบลอยต่ำเป็นสีเขียวอมดำจางๆ ละม้ายจิตใจที่ขุ่นข้องอัดอั้นของนางในยามนี้
น่าชิงชังโดยแท้ หลีซานได้ฉลองวันเกิดอย่างสุดแสนสำราญใจ แต่กลับเป็นต้นเหตุให้นางหงุดหงิดเต็มที
เจียงซือหร่านยิ่งคิดยิ่งโกรธเคือง ก้าวขึ้นรถม้าของสกุลเจียงที่รออยู่นอกประตูวังแล้วเอ่ยสั่งสารถี “ไปเรือนของพี่สือซาน”
นับแต่หมั้นหมายกับเจียงซือหร่าน เจียงหย่วนเฉาก็ย้ายออกจากจวนท่านผู้บัญชาการเจียง เรือนที่เขาอาศัยอยู่คนเดียวไม่นับว่าใหญ่โต แต่ดีที่สะอาดสะอ้านเป็นระเบียบเฉกเช่นภาพของตัวเขาในสายตาผู้คน
เด็กสาวกระโดดลงจากรถม้าเดินไปที่หน้าเรือน ยามเฝ้าประตูเห็นว่าเป็นนางก็เผยรอยยิ้มอย่างนอบน้อม “คุณหนูใหญ่มาหาท่านสิบสามกระมังขอรับ”
เจียงซือหร่านพยักหน้าอย่างถือตัว ก้าวเท้าเข้าไปโดยไม่ต้องให้เขาไปรายงาน
“คุณหนูใหญ่ ท่านสิบสามไปที่ที่ว่าการขอรับ”
นางถึงหยุดฝีเท้าในเพลานี้ มุ่นคิ้วนิ่งคิดแล้วพูดพึมพำขึ้นว่า “จริงสิ ใกล้จะพ้นเดือนหนึ่ง วันหยุดพักประจำปีหมดลงแล้ว พักนี้ท่านพ่ออยู่เรือนบ่อยๆ ข้าเลยลืมไป”
เมื่อรู้ว่าเจียงหย่วนเฉาไม่อยู่ นางไม่อยากรั้งอยู่ต่อแม้แต่อึดใจเดียว บอกคำเดียวว่าจะไปที่ที่ว่าการแล้วก็ขึ้นรถม้าออกไป
รถม้าหยุดจอดตรงหน้าประตูของที่ว่าการกององครักษ์จินหลิน เจียงซือหร่านวิ่งตรงดิ่งไปยังที่ปฏิบัติงานของเจียงหย่วนเฉาอย่างคุ้นเคยที่ทาง
เขาได้ยินเสียงก็วางบันทึกในมือลง เงยหน้าขึ้นมองไป “หร่านรานมาได้อย่างไร”
นางย่างเท้าข้ามธรณีประตูเข้ามา กวาดตามองกองบันทึกราชการหนาๆ บนโต๊ะทำงานปราดหนึ่งแล้วกล่าวอย่างไม่พึงใจ “พี่สือซาน ไฉนเพิ่งเข้าที่ว่าการท่านก็มีงานต้องทำมากมายถึงเพียงนี้แล้วเจ้าคะ”
เจียงหย่วนเฉายิ้มบางๆ น้ำเสียงแฝงรอยเข้าอกเข้าใจ “ก็เพราะตอนวันตรุษไม่ได้เข้าที่ว่าการ ถึงมีงานสุมเป็นกองพะเนินน่ะสิ”
“ข้าไม่สน! พี่สือซาน วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี ท่านไปเดินเที่ยวข้างนอกเป็นเพื่อนข้าเถอะ”
เขาทำสีหน้าลำบากใจ “หร่านราน วันนี้พี่สือซานงานยุ่งมากจริงๆ”
“จะงานยุ่งเพียงใดก็ปลีกเวลาสักครึ่งวันไม่ได้เลยหรือเจ้าคะ พี่สือซาน ท่านไม่ไปเป็นเพื่อนข้า อย่างนั้นถ้าข้าเดินเที่ยวแล้วอยากซื้อของจะทำอย่างไรเล่า”
“หรือไม่ให้เจียงเฮ่อไปเป็นเพื่อนเจ้า”
เจียงเฮ่อซึ่งยืนอยู่หน้าประตูแหงนหน้ามองฟ้า
ข้าไม่อยากไปเที่ยวตลาดเป็นเพื่อนคุณหนูเจียง ข้าขอไปขัดถังส้วมดีกว่า!
“พี่สือซาน ตกลงท่านหรือเจียงเฮ่อกันแน่ที่เป็นคู่หมั้นข้า”
เจียงเฮ่อเข่าอ่อนแทบทรุด เขาลูบอกอย่างหวาดผวา
คุณหนูเจียงเป็นคนอารมณ์ร้ายก็ช่างเถิด ไยจู่ๆ ต้องขู่คนอื่นให้ตกใจเสียขวัญเล่นด้วยเล่า
เจียงหย่วนเฉารู้จักนิสัยช่างตื๊อไร้เหตุผลของนางดี เขาได้แต่ลุกขึ้นยืน “เช่นนั้นไปกันเถอะ แต่พวกเราตกลงกันก่อนนะ เดินเที่ยวเป็นเพื่อนเจ้าได้ครู่เดียว วันนี้ข้ามีงานต้องสะสางมากจริงๆ”
“ได้ๆ ครู่เดียวก็ครู่เดียว” เจียงซือหร่านเอามือคล้องแขนชายหนุ่มอย่างปลื้มปีติ
ขอเพียงล่อหลอกให้พี่สือซานออกไปได้ ถึงเวลายังมิใช่นางว่าอย่างไรก็อย่างนั้นหรือ