เด็กสาวคิดเรื่องของโรสลินและเอ็มมานูเอลมาตั้งแต่เมื่อวานจนถึงเช้าวันเสาร์ที่เธอควรจะต้องออกไปสอนภาษาอังกฤษให้ปุยฝ้าย แต่เพราะเต็มเดือนอยากพักให้หายเหนื่อยจากโปรเจ็กต์ทั้งหลาย ก่อนที่จะต้องไปเตรียมตัวอ่านหนังสือสอบไล่ ตารางสอนพิเศษของปุยฝ้ายก็เลยถูกเต็มเดือนเลื่อนไปทั้งอาทิตย์ ตอนนี้เด็กสาวเลยใช้เวลาว่างมานั่งเปิดคอมพิวเตอร์และวาดรูปในโปรแกรมโฟโต้ช็อปตามที่ลูกค้าจ้างมาทางอีเมลให้เสร็จ
วันเสาร์นี้ทั้งศรและบราลีออกไปทำงานกันทั้งคู่ ตอนเย็นศรก็มีนัดกับหมอด้วยจึงอาจจะกลับเย็น ทำให้เต็มเดือนมีโอกาสได้อยู่บ้านคนเดียวเงียบๆ มีสมาธิกับงานเสริมที่ตัวเธอชอบเป็นการส่วนตัวนอกเหนือจากงานรับสอนภาษาอังกฤษให้เด็ก ม.ต้น แต่แล้วความสงบสุขของเต็มเดือนก็ถูกขัดเมื่อ ‘ศรีสุภา’ อาสาวผู้เป็นน้องแท้ๆ ของศรถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาอย่างไม่คิดจะเคาะก่อน ร่างโปร่งบางเดินเข้ามาอย่างเร็วราวกับพายุ
“อาศรีมีอะไรคะ” เต็มเดือนถามขณะที่สาวโสดวัยสี่สิบกว่าๆ ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาในโซนรับแขกของบ้าน เด็กสาววางตัวปากกาลงบนแผ่นแท็บเลต Wacom Intuos ที่ต่อสายเชื่อมกับคอมพิวเตอร์ บนโต๊ะทำงานส่วนรวมในโซนฝั่งตรงข้ามกับห้องรับแขก ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินไปหาผู้เป็นอา
เด็กสาวแปลกใจไม่น้อยที่เห็นศรีสุภาที่นี่ อาสาวของเธอคนนี้ไม่ได้อยู่ละแวกนี้มานานหลายปีแล้ว หล่อนย้ายออกไปอยู่กับเพื่อนที่คอนโดฯ ตั้งแต่เพิ่งเรียนจบด้วยซ้ำ นานๆ จะกลับมาเยี่ยมบ้านสักที ขนาดศรีสุภาได้บ้านหลังเดิมของสง่ากับ ‘กิมเน้ย’ ตามพินัยกรรมแล้วแท้ๆ แต่ก็ทำแค่ปล่อยมันให้เป็นบ้านร้างไม่มีคนอยู่เอาไว้อย่างนั้นโดยไม่คิดจะย้ายกลับเข้ามาอยู่แต่อย่างใด
“พ่อกับแม่เราไปไหนล่ะเต็มเดือน” ศรีสุภาพูดเข้าประเด็นทันที ไม่มีการทักทายอะไรให้มากความ ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับเต็มเดือน อาสาวไม่ได้สนิทสนมอะไรกับเธอมากมายแบบที่จะพูดคุยเล่นหัวกันอยู่แล้ว
อันที่จริงศรีสุภานั้นไม่สุงสิงกับใครเลยเสียมากกว่า ไม่ว่าจะกับหลานอย่างเต็มเดือนและลูกพี่ลูกน้องชายหญิง หรือแม้แต่พี่ชายอีกสองคนซึ่งเป็นพ่อกับลุงแท้ๆ ของเต็มเดือนก็ด้วย
“ไปทำงานค่ะ ตอนเย็นพ่อต้องไปหาหมอต่อ อาจจะกลับดึก” เต็มเดือนตอบพลางหลุบตาไปมองโทรศัพท์มือถือในมือขาวที่ทาเล็บสีเอิร์ธโทนของผู้เป็นอาอย่างสงสัย เพราะศรีสุภาไม่ได้กดพักหน้าจอเอาไว้ทำให้เด็กสาวสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าแอพพลิเคชั่นที่อาเปิดเอาไว้นั้นคือแอพของธนาคารหนึ่ง
“เป็นอะไรไปอีกเหรอพ่อเราน่ะ” คนมีศักดิ์เป็นน้องสาวถามอย่างแปลกใจ
จริงอยู่ที่ศรีสุภาไม่ค่อยใส่ใจพวกพี่ชายของหล่อนนัก แต่เท่าที่จำได้มีช่วงหนึ่งที่ศรดื่มเหล้าจัดมากเสียจนน่าเป็นห่วง ถึงจะดื่มหนักแค่ไหนพี่ชายคนรองก็ไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยอะไรจนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลมาก่อน อีกทั้งพอตัดสินใจเลิกเหล้าได้ศรก็ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอมาตลอดด้วย
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ พ่อบ่นว่าช่วงนี้เหนื่อยๆ น้ำหนักก็ลด แต่พอหนูถามอะไรไปก็ทำท่าไม่อยากตอบ” น้ำเสียงของเต็มเดือนดูเครียดเล็กน้อยพอพูดถึงอาการของผู้เป็นพ่อ
“คงไม่เป็นอะไรมากหรอก พ่อเราเขาอาจจะเครียดก็ได้เพราะอยู่ดีๆ ลูกสาวก็อยากแต่งงานกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้”
เต็มเดือนเผลอกำมือแน่นเมื่อศรีสุภาเอ่ยถึงเรื่องของเธอกับเอ็มมานูเอลด้วยน้ำเสียงดูถูกดูแคลนอย่างไม่ปิดบัง
“ก็ปู่กันต์ไม่ยอมซื้อที่ท่าเดียวถ้าหนูไม่แต่งงานกับพี่เขา หนูก็ต้องลองดูทุกทางนี่คะ”
“นี่เรายังไม่ล้มเลิกเรื่องจะขายที่ให้ปู่กันต์อีกเหรอ” ศรีสุภาถามหลานสาวคนเล็กที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเล็กข้างๆ
“ไม่เลิกค่ะ หนูเองก็พยายามตื๊อแกอยู่”
“ถ้าปู่กันต์ไม่อยากซื้อก็ขายให้อาก็ได้นะ ทำเลตรงนั้นดีจะตาย อยู่ในเมือง แหล่งท่องเที่ยวพลุกพล่าน อาอยากเปิดเป็นร้านคาเฟ่เล็กๆ กับเพื่อน แถวนั้นมีทั้งคอนโดฯ ทั้งใกล้เขตมหาวิทยาลัยด้วย ขี้คร้านนักศึกษาแถวๆ นั้นจะเข้ามาใช้เป็นที่อ่านหนังสือกันเพียบ”
ถ้าขายให้ศรีสุภา เธอก็โดนศรีสุภากดราคาที่ดินมากกว่าราคาที่เธอควรจะได้น่ะสิ!
อาคิดว่าเด็กอย่างเธอไม่รู้หรือไงว่าที่ตรงนั้นมันราคาแพงขนาดไหน อีกอย่างสง่า ปู่ที่จากไปของเต็มเดือนก็ย้ำกับเธอเสมอว่าที่ดินผืนนั้นไม่ใช่ของพวกเธอตั้งแต่แรก ปู่มีเจตจำนงที่จะขายคืนเท่านั้น ซึ่งเด็กสาวก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าเธอจะต้องขายคืนให้กันต์ให้ได้