“ว่า…” หญิงสาวเว้นวรรคเพื่อกระตุ้นให้เพื่อนอยากรู้อยากเห็นจนอีกฝ่ายมองเธอด้วยความหมั่นไส้และอยากจับเธอเขย่า “ถ้าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์จริง ฉันขอให้ได้คุณเชษฐ์เป็นสามี”
“แรงมากกก” วรรณสาพูดยิ้มๆ แล้วมองกีรณาด้วยสายตาหมั่นไส้เป็นที่สุด “นี่ถ้าเกิดว่าแกได้เขาเป็นสามีจริงๆ แกต้องให้ค่านายหน้าฉันนะที่พาแกมาเจอของดี”
“ถ้าฉันได้คุณเชษฐ์เป็นสามีจริงๆ ค่านายหน้าไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว” กีรณายักไหล่แล้วพูดเล่นไปตามน้ำกับเพื่อนโดยไม่คิดจริงจัง “เขารวยขนาดนั้นก็ต้องเปย์เมียอยู่แล้วป่ะ”
“สาธุ! ขอให้แกได้คุณเชษฐ์เป็นสามีจริงๆ ฉันจะได้อาศัยบารมีแกบ้าง”
ขณะเดินออกไปท่ามกลางนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งมาถึงไม่นาน ทั้งสองสาวต่างก็หัวเราะขบขันพลางพูดถึงอนาคตที่กีรณาจะได้เชษฐ์เป็นสามีว่าจะทำให้ชีวิตสุขสบายยังไงบ้าง และเป็นอีกครั้งที่พวกเธอไม่ทันสังเกตว่ามีใครอีกคนได้ยินบทสนทนาดังกล่าวและกำลังมองตามหลังพวกเธอไป…
วรรณสากับกีรณากลับมาถึงโรงแรมในเวลาพระอาทิตย์ตกดินพอดี ทั้งสองคนไปทานอาหารเย็นที่โรงอาหารของพนักงาน จากนั้นซื้อของว่างเข้ามาไว้ทานที่ห้องเผื่อหิวตอนดึก เมื่อมาถึงห้องพักกีรณาก็รีบเข้าไปอาบน้ำเพราะเหนียวตัวตั้งแต่บ่ายแล้ว และในขณะที่นั่งรออาบน้ำต่อจากกีรณาอยู่นั้นวรรณสาก็เล่นโทรศัพท์มือถือฆ่าเวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าควรโทรไปย้ำเรื่องฝากงานให้กีรณา
“อะไรนะคะ!”
พูดคุยกันอยู่หลายนาทีกว่าวรรณสาจะวกเข้าเรื่องงานของกีรณา แต่พอได้รับคำตอบจากปลายสายเธอก็ถึงกับถามเสียงดัง หน้าตาเคร่งเครียด และมีน้ำเสียงตกใจอย่างเห็นได้ชัดจนกีรณาที่กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำรู้สึกได้ว่าสิ่งที่เพื่อนได้รับรู้ไม่น่าจะใช่ ‘ข่าวดี’ สักเท่าไหร่
“ทำไมรีบรับพนักงานใหม่ขนาดนี้ล่ะคะ”
หญิงสาวตั้งสติขณะเอ่ยถามและพยายามปรับอารมณ์ให้เย็นลง
“ค่ะๆ เดี๋ยววรรณจะลองถามเพื่อนดู แต่ไม่รู้เขาจะทำหรือเปล่านะคะ เขาเรียนจบเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยดัง แถมงานที่เคยทำก็ดีมาก จะให้เขามาเป็นพนักงานเสิร์ฟมันก็ยังไงๆ อยู่”
กีรณาเริ่มใจคอไม่ดี…วรรณสาคงคุยกับปลายสายเรื่องงานของเธอแน่ๆ
“ขอบคุณค่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ”
วรรณสากดวางสายแล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนหันไปมองกีรณาที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จและกำลังเช็ดผมอยู่บนปลายเตียง ดวงตากลมโตมองเพื่อนเหมือนรอให้อีกฝ่ายอัพเดต
“ฉันโทรไปย้ำเรื่องงานของแก แต่คนที่จะฝากงานให้บอกว่าเอชอาร์ รับพนักงานพีอาร์คนใหม่แล้ว”
วรรณสาถอนหายใจอีกรอบ เธออุตส่าห์ย้ำกับฝ่ายนั้นแล้วว่าเพื่อนจะมาทำงานด้วย แล้วทางนั้นก็รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ แต่สุดท้ายก็พลาดจนได้
“เหลือแค่ตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟที่ห้องอาหารของโรงแรม”
กีรณาเงียบอย่างหนักใจและผิดหวัง ไม่ใช่ว่าเธอรังเกียจหรือดูถูกตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟ แต่เธออยากทำงานตรงสายที่เรียนมา แล้วเธอก็ตั้งใจมาทำงานฝ่ายประชาสัมพันธ์จริงๆ
“แต่เขาบอกว่าจะดูตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมกับแกให้นะ ถ้าตำแหน่งว่างเมื่อไหร่ก็จะเลื่อนแกขึ้นไปทำ แต่อันที่จริงถ้าแกไม่ติดเรื่องตำแหน่ง…พนักงานเสิร์ฟที่นี่ก็เงินเดือนโอเคเลยนะ บวกทิปเข้าไปก็เกือบสามหมื่น เพราะที่นี่ลูกค้าทิปหนัก ค่าที่พักไม่ต้องจ่ายด้วย ประหยัดเก่งอย่างแกอ่ะอยู่ได้สบาย”
“นี่แกจะหาว่าฉันงกทางอ้อมถูกมั้ย”
“ไม่ใช่โว้ย! แค่วิเคราะห์ให้ฟัง”
“งั้นลองดูก็ได้ ไหนๆ ก็ตกงานอยู่แล้วนี่ ไม่เลือกงานไม่ยากจนเนอะ”
กีรณาพยักหน้าอย่างปลงๆ แม้ว่างานที่ได้จะไม่ใช่ตำแหน่งที่เธอคาดหมายเอาไว้ แต่เธอก็จะลองทำไปก่อนเพราะไหนๆ เธอก็เดินทางมาถึงที่นี่แล้ว ที่สำคัญเธอยังไม่อยากกลับกรุงเทพฯ ไปอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ ด้วย อีกอย่างเงินเดือนบวกทิปของพนักงานเสิร์ฟก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ เธอทดลองทำดูก็ไม่เสียหาย ไม่แน่ว่าทำไปไม่นานอาจมีพนักงานลาออกจนมีตำแหน่งว่างที่เหมาะกับความสามารถของเธอก็ได้
โปรดติดตามตอนต่อไป…