เมื่อครู่นี้นางลอบดมกลิ่นกายของคุณหนูสกุลเจินเล็กน้อย เป็นกลิ่นหอมบางเบา ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย คล้ายจะเป็นหลงเสียนที่ซินฮูหยินใช้อยู่ในห้องเป็นประจำ
กลิ่นหอมที่สตรีใช้ แม้จะได้กลิ่น แต่ตากลับมองไม่เห็น สัมผัสก็ไม่ได้ ช่างชวนให้คนผุดความคิดหลายอย่างขึ้นมาได้โดยง่าย นับเป็นหนึ่งในความลับของสตรี แม้คุณหนูสกุลเจินผู้นี้จะเรียกคุณชายใหญ่ว่า ‘พี่ใหญ่เผย’ เนื่องจากมีความเกี่ยวพันกับบ้านรอง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ได้สนิทสนมกัน นับประสาอะไรกับที่กำลังจะแต่งกับคุณชายรองแล้ว คุณชายใหญ่เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน จู่ๆ กลับสนใจเรื่องกลิ่นหอมที่คุณหนูสกุลเจินใช้ขึ้นมาเช่นนี้ ทำให้คนนึกสงสัยอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ
แต่ในเมื่อคุณชายใหญ่กำชับมาเช่นนี้แล้ว อวี้จูย่อมทำตาม หลังบอกต่อคำพูด ได้ยินเจินจยาฝูถาม นางก็ส่ายหน้าเอ่ย “บ่าวเองก็ไม่เข้าใจ คุณชายใหญ่เพียงกำชับบ่าวมาเช่นนี้ บอกให้บ่าวมาบอกแก่ท่าน ให้ท่านทำตามเจ้าค่ะ”
ความรู้สึกไม่สบายใจที่เพิ่งหายไปได้เพียงครู่เดียวพลันผุดกลับขึ้นมาในใจเจินจยาฝูอีกครั้ง
ที่แท้ข้าก็ไม่ได้คิดมากไปเอง
ตอนนี้นางสามารถมั่นใจได้แล้วว่าในคืนนั้นเผยโย่วอันสังเกตเห็นความสัมพันธ์ระหว่างกลิ่นหอมบนร่างนางกับอาการป่วยของเฉวียนเกอเอ๋อร์ได้ในทันทีจริงๆ
บางทีคืนนั้นที่นางเอ่ยเรียกเขา ชั่วพริบตาที่เขารั้งฝีเท้าอาจทำให้เขาได้กลิ่นหอมบนร่างนาง
แต่เขารู้ได้อย่างไรว่าโรคของเฉวียนเกอเอ๋อร์เกี่ยวข้องกับกลิ่นหอมที่นางใช้
นอกจากนี้เขารู้ความลับที่เกี่ยวข้องกับนางมากน้อยเพียงใดกัน
เขาฝากคำพูดมากับอวี้จูเช่นนี้ ถือเป็นการเตือนด้วยความปรารถนาดี หรือว่าเตือนด้วยความไม่พอใจกันแน่
แต่เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องรอง ที่ทำให้เจินจยาฝูกังวลที่สุดยังคงเป็นเรื่องที่ว่าเขาจะบอกสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เฉวียนเกอเอ๋อร์ไม่สบายออกไปหรือไม่
จากคำพูดในตอนนี้ของอวี้จูสามารถรู้ได้ว่าเขายังไม่ได้พูดเรื่องนี้กับผู้อื่น แต่ไม่อาจรับรองว่าต่อไปเขาจะไม่พูด
ถ้าหาก…เขาพูดสาเหตุที่เฉวียนเกอเอ๋อร์ป่วยออกมาว่าเป็นเพราะต้งหลงเหน่า เช่นนั้นแผนการที่นางลำบากทำมาตลอดหลายวันนี้ก็จะสูญเปล่าไปทันที
แผนการนี้ของนาง เดิมทีสามารถพูดได้ว่าจัดการอย่างระมัดระวัง ทุกอย่างล้วนอยู่ในกำมือของนาง
กลับคิดไม่ถึงว่าในตอนที่แผนการใกล้มาถึงตอนจบ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ถึงแก่ชีวิตเช่นนี้ขึ้นมากะทันหัน
อากาศหนาวเหน็บ แต่เสื้อซับในของเจินจยาฝูกลับเปียกเหงื่อเย็นจนแนบสนิทอยู่กับแผ่นหลัง
นางฝืนตั้งสติ ยิ้มน้อยๆ เอ่ย “ขอบคุณพี่สาวที่มาบอก ข้าเข้าใจแล้ว ในเมื่อเป็นกลิ่นที่ไม่ดี เช่นนั้นก็จะไม่ใช้แล้ว”
อวี้จูยิ้มพลางผงกศีรษะ “คุณชายใหญ่เองก็แปลก พูดขึ้นมาอย่างไร้ที่มาที่ไปอยู่บ้าง แต่เขาเข้าใจวิชาแพทย์ ในเมื่อเอ่ยเช่นนี้คงต้องมีเหตุผลของเขา คุณหนูไม่รู้สึกแปลกก็ดีแล้ว บ่าวเองก็ไม่มีเรื่องอื่น บอกต่อคำพูดเสร็จก็ควรกลับไปเสียที บ่าวยังต้องกลับไปเตรียมเก็บข้าวของ เช้าตรู่พรุ่งนี้คุณชายใหญ่จะพาฮูหยินผู้เฒ่าไปไหว้พระแก้บนยังวัดฉือเอินเจ้าค่ะ”
ในใจเจินจยาฝูสับสนว้าวุ่น ตอบรับอย่างไม่ใส่ใจไปคำหนึ่ง ออกไปส่งอวี้จูหน้าห้องนอน