หากสวรรค์แย่งชิงบางอย่างไปก็จะประทานบางอย่างมาเป็นการชดเชย แม้เขาจะเกิดมาสภาพร่างกายอ่อนแอ ส่งผลให้เว่ยกั๋วกงผู้เป็นบิดาตัดใจจากอักษร ‘ซิว’ ของลำดับรุ่น และเลือกคำว่า ‘โย่วอัน’ ที่หมายถึง ‘คุ้มครองปลอดภัย’ ให้เขาเพียงผู้เดียวแทน ทว่าเขากลับมีพรสวรรค์เหนือผู้คน ทั้งยังมีความรู้กว้างขวาง ความทรงจำดี มิหนำซ้ำความสามารถในการดมกลิ่นยังเฉียบคมอย่างมาก ในคืนงานวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเผยคืนนั้น เขารีบร้อนกลับมากลางดึก หลังเข้าไปในเรือน เดินผ่านหน้าญาติผู้น้องสกุลเจินผู้นั้น ได้ยินนางเรียกชื่อตนเอง ในชั่วขณะที่หยุดชะงักเขาก็ได้กลิ่นหอมของต้งหลงเหน่าแผ่กำจายออกมาจากตัวนางแล้ว เพียงแต่ยามนั้นไม่ได้สนใจ จนกระทั่งเฉวียนเกอเอ๋อร์ป่วยขึ้นมา เห็นสภาพอาการของอีกฝ่ายแล้วดมได้กลิ่นหอมที่หลงเหลืออยู่บนเสื้อผ้าเฉวียนเกอเอ๋อร์อีกครั้ง จึงลอบคาดเดาถึงสาเหตุได้แล้ว
ส่วนเหตุผลที่ไม่ได้พูดออกมาตามตรงทันที เป็นเพราะในตอนที่เดินผ่านหน้าญาติผู้น้องสกุลเจินผู้นี้ เขาถูกคำเรียกขานว่า ‘พี่ใหญ่เผย’ ที่โพล่งออกมาของนางทำให้หยุดชะงัก ในชั่วขณะที่หันหน้ากลับมามองสบตากับนาง นางได้ทำให้เขาจดจำอย่างลึกซึ้ง
ตอนแรกเขาจดจำไม่ได้จริงๆ ว่านางเป็นผู้ใด รอจนเห็นใบหน้านางแดงระเรื่อด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนจากความเฉยชาของเขาถึงค่อยนึกขึ้นมาได้ หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าก็คือหลานสาวของท่านอาสะใภ้บ้านรองที่เคยมาเยือนจวนเว่ยกั๋วกงหลายครั้งหลายหนเมื่อหลายปีก่อนหน้าผู้นั้น
ตอนนั้นเขาเป็นเด็กหนุ่มแล้ว ท่วงท่าเฉกเช่นนักปราชญ์ ชื่อเสียงโด่งดังทั่วเมืองหลวง และความทรงจำทั้งหมดที่นางมอบให้เขาคือหัวไช้เท้าลูกเล็กๆ ที่ยังไม่เลิกกินน้ำนม ผิวกายขาวนวล ดวงตาทั้งกลมทั้งใหญ่ นัยน์ตาฉ่ำวาวทั้งสองราวกับองุ่นใสที่หล่อเลี้ยงอยู่ในน้ำ ตัดผมหน้าม้าเป็นระเบียบ เรือนผมสีดำขลับสยายอยู่บนบ่าเล็กๆ ทั้งสองข้าง เวลาเห็นเขาก็จะหลบไปซ่อนอย่างขลาดกลัว มีเพียงแค่นี้เท่านั้น คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าผ่านไปหลายปี เมื่อได้พบที่นี่อีกครั้งนางจะเติบโตมาเป็นโฉมงามอ่อนหวานแล้ว
ที่ทำให้เขาจดจำลึกซึ้งไม่ใช่ใบหน้ารูปไข่งดงามที่เงยขึ้นมองเขา แต่เป็นดวงตาของนาง
ยามนั้นนางเบิกตากว้าง มองมาที่เขาตาไม่กะพริบ ในแววตาเปิดเผยความปีติยินดีที่เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณและเชื่อใจ
ความรู้สึกเช่นนี้…เหมือนกับว่าแต่ก่อนเขากับนางเคยใกล้ชิดกัน และวันนี้ก็เป็นวันที่ได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้งหลังไม่ได้พบกันมานาน
ความผิดปกติของเจินจยาฝูทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นชินอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร หลังคาดเดาว่ากลิ่นหอมบนร่างของนางเกี่ยวข้องกับอาการป่วยของเฉวียนเกอเอ๋อร์ ด้วยความระมัดระวังจึงไม่ได้เปิดโปงออกไปในทันที แต่เลือกที่จะปิดบังเอาไว้
เห็นได้ชัดว่าที่ครั้งนี้ท่านย่าเรียกเขามากะทันหัน ถามเรื่องอาการป่วยของเฉวียนเกอเอ๋อร์ขึ้นมา น่าจะเป็นเพราะเมื่อครู่นี้เผยซิวจื่อขอให้นางออกหน้าตัดสินใจแทน
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่วัดฉือเอิน เขาเงียบขรึมไปเล็กน้อย สุดท้ายยังคงตอบออกมาในที่สุด “สาเหตุของอาการป่วยเฉวียนเกอเอ๋อร์ หลานยังไม่ทราบขอรับ”
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็ม)