“อยู่ที่นั่น!” มีคนตะโกนขึ้นด้วยความตกใจ
เตียวขาววิ่งลอดขาทหารไปเสียแล้ว
“ไม่ใช่ตัวนี้”
ตอนเสวียนอวี้เข้ามาเห็นสภาพในกระโจมก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย
ชะมดเช็ดตัวที่ซื่อจื่อบอกให้เขาเฝ้าไว้ก่อนออกไปในตอนเช้ายามนี้หายไปแล้ว แต่อยู่ต่อหน้าเหล่าทหารเขาจะแสดงอาการผิดปกติไม่ได้เด็ดขาด เพราะชะมดเช็ดตัวนั้นเป็นของบรรณาการ พวกเขาควรจะมอบมันให้พวกอีกฝ่ายตั้งแต่ต้น
แต่ด้วยมันสามารถระงับพิษกู่ในตัวซื่อจื่อได้ แม้จะต้องทำผิดโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูง เขาก็พูดเรื่องนี้ออกไปไม่ได้อย่างแน่นอน
พวกทหารตรวจค้นไปทั่ว หรูเสี่ยวนันหลบอยู่ในกาน้ำชา ถูกคนเหล่านั้นเตะโดนอยู่หลายครั้ง กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้น นางกุมหัว อธิษฐานในใจด้วยความมึนงงขอให้คนเหล่านี้รีบจากไปโดยไว
“ใครให้พวกเจ้าเข้ามา”
ยามนี้เองเสียงเย็นชาของบุรุษผู้หนึ่งก็ดังขึ้นตรงประตู
“รองตุลาการ” ทหารที่ท่าทางเหมือนหัวหน้าเข้าไปคารวะ “พวกข้ารับคำสั่งมาค้นหาสัตว์วิเศษที่หนีไปขอรับ”
แววตาแหลมคมของชิงโม่เหยียนกวาดมองไปทั่ว สุดท้ายเลื่อนมาที่แถบผ้าไหมข้างเตียงที่ถูกกัดขาด ก่อนจะขมวดคิ้วแน่น
“ฮ่องเต้ทรงมีบัญชาให้พวกเจ้ามาค้นหาหรือ” ชิงโม่เหยียนเอ่ยถาม
“เป็นพระบัญชาของรัชทายาทขอรับ” ทหารผู้นั้นอธิบาย
ชิงโม่เหยียนแค่นเสียงสบถเย็นชาหนึ่งทีก่อนจะกล่าว “ออกไปให้หมด”
“แต่ว่า…”
“ออกไป!” ชิงโม่เหยียนสีหน้าเย็นชา “ที่พักขุนนางขั้นสี่ไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าหากไม่มีพระบัญชาจากฮ่องเต้ กฎระเบียบนี้พวกเจ้าไม่รู้หรือไร”
ทหารนายหนึ่งเห็นดังนั้นก็ลอบกระตุกแขนผู้นำของตนเองทันที “ในเมื่อเป็นเช่นนี้…พวกข้าก็ไม่รบกวนใต้เท้าพักผ่อนแล้ว”
จากนั้นเหล่าทหารก็ทยอยเดินออกไป
ชิงโม่เหยียนเหลือบมองเสวียนอวี้ที่ยืนอยู่ด้านข้าง
เสวียนอวี้หน้าแดงพลางเอ่ย “เป็น…ความผิดของข้าเอง…ขวางพวกเขาไว้ไม่ได้…”
“ไปเฝ้าไว้” เห็นได้ชัดว่าชิงโม่เหยียนไม่มีเวลาจะโกรธเขา
เสวียนอวี้ก้มหน้าเดินออกไปนอกประตูอย่างเศร้าสลด
รอจนในกระโจมเหลือเพียงชิงโม่เหยียน เขาก็หยิบเศษแถบผ้าไหมที่เหลือครึ่งเดียวนั้นขึ้นมาจากพื้น
ส่วนที่ขาดทิ้งรอยฟันกัดเอาไว้ แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่ฟันน้ำนมของเจ้าตัวเล็กนั่นจะทำได้อย่างแน่นอน
“เจ้าตัวเล็ก ออกมา” ชิงโม่เหยียนเรียกเสียงเบา
หรูเสี่ยวนันถูกเตะกลิ้งไปมาอยู่ในกาน้ำชาเป็นเวลานานจนคลื่นเหียนแล้ว พอนางได้ยินเสียงชิงโม่เหยียนเรียกเช่นนี้จึงลองยื่นหัวออกมาจากกาน้ำชา
แต่ว่า…มันติด
นี่มันเรื่องบ้าอะไร! ออกไม่ได้!