หรูเสี่ยวนันดิ้นขลุกขลัก อยากจะยกหัวขึ้นจากนมแพะ แต่ว่าสำหรับนางแล้ว ชามนี่ลึกเกินไปจริงๆ ยามนี้ขาหลังของนางถึงกับชี้ค้างอยู่กลางอากาศแล้ว
หรือว่า…จุดจบของนางต้องจมน้ำตายอยู่ในชามนี้ นางเหมือนจะมองเห็นปู่ที่ล่วงลับไปแล้วในทันที
จอมเวทเฒ่าลูบปลายคาง ยิ้มตาหยีพูดกับนางว่า “นันนัน พยายามเข้า รีบพาหลานเขยของปู่กลับไปนะ”
หา?! นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน!
ในช่วงสำคัญ ชิงโม่เหยียนก็ลากนางออกมา
หรูเสี่ยวนันใบหน้าเต็มไปด้วยนมแพะ ไอไม่หยุด นางรู้สึกกลัวมาก ยังคิดว่าปู่จอมเวทเฒ่าจะพานางลงยมโลกไปด้วยเสียอีก
ชิงโม่เหยียนขมวดคิ้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดหน้าให้นาง “ไม่เคยเห็นสัตว์ที่โง่อย่างเจ้ามาก่อนเลย”
หรูเสี่ยวนันได้ยินเช่นนั้นก็พลันหน้าสลด
ชิงโม่เหยียนเอียงชามเล็กน้อย หรูเสี่ยวนันจึงได้ดื่มจนอิ่มในที่สุด ก่อนจะลูบท้องกลมเล็กแล้วอ้าปากหาว
เสียงอึกทึกนอกกระโจมยังคงมีมาเป็นช่วงๆ
ชิงโม่เหยียนสะบัดแขนเสื้อดับไฟในกระโจม เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาสามารถนอนหลับสบายได้ในค่ำคืนที่พิษกู่กำเริบ นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่กล้าคิดฝันมาก่อนเลย
ในความมืด เขามองดูเจ้าขนปุยที่ขดเป็นก้อนกลมหมอบนอนหลับสบายอยู่บนตัวเขา เกลียวคลื่นพุ่งขึ้นประกายบางอย่างพุ่งวาบขึ้นในดวงตาดำขลับ
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าฟ้าลิขิตใช่หรือไม่ มีเจ้าตัวเล็กนี้อยู่ ในที่สุดเขาก็มีโอกาสจะไปหาสูตรยาถอนพิษกู่เหล่านั้นได้แล้ว อีกทั้งยังมีเรื่องบางอย่างที่ถึงเวลาต้องโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำแล้วด้วย
ตอนที่หรูเสี่ยวนันตื่นขึ้นมา เป็นเช้าของวันรุ่งขึ้น
นางถูกเสียงกลองทำให้ตกใจตื่น ก่อนจะพบว่าในกระโจมเหลือนางเพียงคนเดียว ชิงโม่เหยียนไม่รู้ว่าไปที่ใดเสียแล้ว
นางขยับพลิกตัว ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าบนขามีอะไรแปลกๆ พอหันหน้าไปดูก็เห็นแถบผ้าไหมแถบหนึ่งผูกไว้ที่ขาหลังของนาง ปลายอีกด้านของแถบผ้าไหมผูกติดไว้กับขาโต๊ะข้างเตียง
ท่าน…เห็นข้าเป็นสัตว์แล้วล่ามข้าเอาไว้หรือ!
นางพยายามกระชากแถบผ้าไหม
คนเลว ไหนเล่าความเชื่อใจพื้นฐานที่มนุษย์พึงมีต่อกัน นี่กลัวว่าข้าจะหนีไปหรือ
ในตอนที่นางออกแรงกระชากแถบผ้าไหมบนขาอย่างเต็มกำลัง เงาร่างสีขาวร่างหนึ่งก็แอบลอบเข้ามาในกระโจม…