“จี๊ดๆ” พวกเจ้าช่วยทำความดีด้วยการขยับห่างออกไปสักนิดเถอะ
แต่คำพูดของนางไม่มีใครฟังเข้าใจได้
ทันใดนั้นไอเย็นในร่างมารวมอยู่ที่จุดหนึ่ง พุ่งทะลวงไปที่จุดตันเถียน* ของหรูเสี่ยวนัน
หรูเสี่ยวนันขยับตัวอยู่หลายที นางยังจำสิ่งที่ปู่สอนได้ พยายามตั้งจิตให้มั่น แต่ความร้อนในร่างนางกลับถูกตัดทอนไปจนเกือบหมด แม้ว่านางยังมีสติอยู่ แต่แขนขาของนางแข็งเกร็งเหมือนคนใกล้ตาย
นางได้ยินคนพูดอย่างร้อนใจว่า “รองตุลาการ! ชะมดเช็ดตัวนี้เห็นทีว่าจะไม่ไหวแล้ว”
ใครบอกล่ะ ข้าเพียงต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเท่านั้น
ดวงตาสีเขียวกลอกกลิ้ง แต่นางกลับส่งเสียงอะไรไม่ออกเลย
กลุ่มคนกระจายตัวออกเปิดทางให้คนด้านหลัง นางมองเห็นใบหน้าของชิงโม่เหยียน เขาโน้มตัวลงมาและค่อยๆ อุ้มนางขึ้น
ร่างสัมผัสกันทำให้นางรับรู้ถึงความอบอุ่นจากตัวเขา ไอเย็นเยือกนั้นค่อยๆ ถอยเข้าไปอยู่ในร่างนางราวกับหวาดกลัวรังสีความอบอุ่นนั้น…
“จี๊ด…จี๊ด…” เจ็บเหลือเกิน
เสียงของนางแม้จะเบาหวิว แต่ชิงโม่เหยียนได้ยินแล้ว เขารีบสั่งการทันที “รีบไปตามฉางเฮิ่นมา”
ตอนที่เขาก้มหน้าลงมองก้อนขนเล็กนั้นอีกครั้งก็พบว่ามันหลับตาลงแล้ว
หากไม่ใช่เพราะปลายจมูกของมันยังมีลมหายใจอุ่นอยู่ เขาคงคิดว่ามันขาดใจไปแล้ว
ชิงโม่เหยียนอุ้มหรูเสี่ยวนันกลับห้องหนังสือไป ตลอดทางเขาเดินอย่างร้อนใจมากจนชายเสื้อปลิวสะบัด ความสุขุมเป็นปกติล้วนหายไปหมดสิ้น
คนจำนวนไม่น้อยที่พบเขาระหว่างทางเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขาแล้วก็รู้สึกตกใจมาก
“ฉางเฮิ่นล่ะ ยังไม่มาอีกหรือ” เขาเอ่ยถามเสวียนอวี้อย่างร้อนรน
“ส่งคนไปเชิญแล้วขอรับ” เสวียนอวี้กล่าวตอบ เขาเองก็เพิ่งเห็นซื่อจื่อร้อนใจเช่นนี้เป็นครั้งแรก แม้ท่านหมอประจำศาลต้าหลี่จะรีบรุดมาด้วยความเร็วสูงสุด อย่างไรก็ย่อมต้องใช้เวลา
ชิงโม่เหยียนเอามือลูบหัวชะมดเช็ดน้อยเบาๆ หากเป็นเวลาปกติเขาทำเช่นนี้ เจ้าตัวเล็กจะหรี่ตาลงอย่างสบายตัว ท่าทางมีความสุขมาก แต่ตอนนี้มันนอนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ มิหนำซ้ำยังตัวเย็นเฉียบ
เมื่อครู่ที่ห้องหนังสือเขาแค่ไม่ทันระวังมันก็วิ่งออกไปเสียแล้ว รู้อยู่แล้วว่ามันเป็นตัวชอบก่อเรื่อง คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้จะกลายเป็นเช่นนี้
เหมือนคนใกล้ตาย…
ในใจเขาเกิดความเศร้าอย่างไร้สาเหตุ และแฝงความหวาดกลัวเอาไว้ด้วย
หากเจ้าตัวเล็กนี้ตายไปเช่นนี้จริง…
ความคิดนี้เพิ่งแวบผ่านสมองก็ถูกเขาไล่ออกไปในทันที