ตอนที่ 2
สตรีร่างระหงยืนมองภาพเงาสะท้อนในกระจก ชุดเกาะอกสีทองหม่นคลุมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าโปร่งสีทองตัวยาวปักเลื่อมวาวระยับ ผมตรงยาวเหยียดถูกรวบตลบทบเป็นชั้นขึ้นไปอย่างมีศิลปะ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางโทนสีน้ำตาลเหลือบทองดูคลาสสิก ต่างหูเพชรทรงระย้าห้อยยาวลงมาจากติ่งหูทั้งสองข้างช่วยขับใบหน้ารูปไข่ให้ดูงามโดดเด่นยิ่งขึ้น
งามราวภาพจิตรกรรม…
ไม่เคยคิด ไม่เคยฝันเลยว่าตัวเองจะกลายเป็นคนสวยได้ขนาดนี้…
อรกานต์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ งานนี้เป็นการออกงานสังคมครั้งแรกของหล่อน สำหรับไทร่าตัวจริง มันคงเป็นความสนุกสนานเพลิดเพลิน แต่สำหรับหล่อน มันก่อให้เกิดความเครียด…สวยมาก ย่อมสะดุดตามาก…สะดุดตามากย่อมถูกจับตามอง…ถูกจับตามองมากย่อมไม่มีความสุข
หล่อนค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ พยายามผ่อนคลาย สำรวจความเรียบร้อยของใบหน้า ทรงผม และเครื่องแต่งกายในกระจกอีกทีก่อนจะเดินออกจากห้อง
“สวยจริงลูกแม่” คุณหญิงวราภรณ์ทักอย่างยินดีทันทีที่เห็นหน้าลูกสาว พลเอกธาริตหันมายิ้มกว้าง เดินตรงเข้ามาโอบไหล่หล่อนไว้
“สวยอย่างนี้ เห็นทีพ่อคงต้องคอยยืนคุมตลอดงานแล้วมั้ง”
“คุณแม่ก็สวยมากค่ะ ไทร่าว่าพ่อไปคอยเฝ้าคุณแม่ดีกว่า เดี๋ยวมีหนุ่มๆ มารุมล้อมแล้วจะหาว่าลูกไม่เตือน”
ท่านนายพลหัวเราะเบาๆ ยื่นอีกมือไปโอบบ่าคุณหญิงผู้เป็นภรรยา “งั้นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในงานก็อยู่ตรงนี้แล้ว มีคนสวยสุดยอดขนาบทั้งซ้ายขวาอย่างนี้ ใครต่อใครคงอิจฉากันเป็นแถว”
ท่านยิ้มอย่างอารมณ์ดีพลางเดินนำภรรยาและบุตรสาวไปยังห้องที่จัดงานเลี้ยง
งานนี้จัดเป็นงานกาลาดินเนอร์การกุศลครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปีก็ว่าได้ รายได้นอกจากจะสมทบทุนเข้าองค์กรการกุศลขนาดใหญ่องค์กรหนึ่งแล้ว ยังมีรายได้อีกส่วนที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายโดยเสด็จพระราชกุศลด้วย งานนี้คุณหญิงวราภรณ์บริจาคหลักล้าน ดังนั้นงานนี้จะขาดคุณหญิงและครอบครัวไม่ได้เด็ดขาด ประกอบกับโรงแรมพรหมภัทราคือสถานที่ที่ใช้จัดงานราตรีสุดพิเศษครั้งนี้ นี่จึงเป็นโอกาสดีที่คุณสาริศ ภคภัทรา ประธานกรรมการบริหารจะเปิดตัวหลานสาวในฐานะผู้บริหารคนใหม่ของโรงแรมไปในตัว
นี่คืองานเปิดตัวหล่อนสู่วงสังคมไฮโซของประเทศไทยโดยแน่แท้เชียว พลาดไม่ได้ทั้งในฐานะบุตรีของคุณหญิงวราภรณ์ และในฐานะของผู้บริหารคนใหม่คนหนึ่งของโรงแรมพรหมภัทรา
โดยรูปโฉมแล้ว อรกานต์คิดว่าไม่มีปัญหา แต่เรื่องการเข้าสังคมนี่สิ หล่อนไม่รู้ว่าจะไหลลื่นกลมกลืนไปกับคนเหล่านี้ได้ดีขนาดไหน ไม่อยากจะเงอะๆ งะๆ ให้ใครมาด่าได้ว่า สวยแต่โง่ ถ้าหล่อนพลาดตั้งแต่งานแรกนี้ หล่อนก็คงเป็นหน้าเป็นตา เป็นผู้บริหารระดับสูงของโรงแรมไม่ได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียด ท้องไส้บิดเกลียวไปหมด
ธีร์วรา ภคภัทราเดินเกาะแขนผู้เป็นบิดาเข้าไปในงานด้วยสีหน้านิ่งสงบ กิริยาท่าทางดูเรียบร้อย สง่างามอยู่ในที ผู้เป็นพ่อและแม่มีท่าทางยินดีและภาคภูมิใจที่จะแนะนำบุตรสาวให้คนโน้นคนนี้ได้รู้จัก อรกานต์เริ่มผ่อนคลายเมื่อรู้สึกว่าท่านนายพลกับคุณหญิงอยู่ข้างกายตลอดเวลา คอยแนะนำให้รู้จักผู้ใหญ่หลายท่าน (ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นท่านที่มีนามสกุลดังๆ ทั้งนั้น) หล่อนไม่ต้องทำอะไรมาก แค่ยิ้ม พนมมือไหว้ ทักทายตามมารยาท ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องทั่วๆ ไปนิดหน่อยพอเป็นพิธี บางท่านคุยเก่งหน่อยก็ชวนคุยนานหน่อย ซึ่งก็ไม่ยากที่จะคุยไปในทิศทางเดียวกัน แค่ไม่ขัดคอคนอยากเล่า แค่นี้ก็ดูเป็นคู่สนทนาที่ดีแล้ว
เวลาผ่านไปครู่ใหญ่ ท่านนายพลเริ่มแยกไปรวมกลุ่มกับชายวัยไล่เลี่ยกัน ยศศักดิ์ใกล้เคียงกัน คุณหญิงก็เริ่มปลีกไปรวมกับเหล่าคุณหญิงไฮโซไฮซ้อทั้งหลาย เหลือหล่อนให้ยืนถือแก้วน้ำส้มคุยกับเถ้าแก่เนี้ยเจ้าของสถาบันเสริมความงามชื่อดังอยู่คนเดียว
หลังจากยืนยิ้มและพยักหน้าเออออห่อหมกฟังการสาธยายวิธีการบำรุงผิวหน้าและผิวกายด้วยวิธีที่วิเศษที่สุดในพิภพนี้อยู่นาน สุดท้ายอรกานต์จึงตัดสินใจรับนามบัตรจากสตรีท่านนั้นมาด้วยความเคารพ ทำทีว่าอาจจะติดต่อไปภายหลังเพื่อซื้อคอร์สเลอเลิศนี้สักคอร์ส เถ้าแก่เนี้ยแสนสวยมาดเนี้ยบท่านนั้นจึงยอมผละไป
เอาล่ะสิ ยืนคนเดียวแล้วทีนี้