ชายหนุ่มลงจากรถไปเก็บฟืน
หญิงสาวพิงผนังรถ หายใจออกมาก หายใจเข้าน้อย รู้สึกเพียงเวียนหัวตาลาย
นางรู้ว่าชายผู้นี้เป็นมนุษย์ ไม่ใช่ปีศาจ ทว่าสำหรับนางแล้วมนุษย์ใช่ว่าจะดีกว่าปีศาจ พวกเขาบ้างละโมบในความงามของนาง บ้างละโมบในทรัพย์สิน หรือคิดว่าจะเอานางไปแลกเงินได้เท่าไร ใจมนุษย์โลภมาก ชั่วร้ายมาก พริบตาเดียวก็สามารถขายนางได้
นางหลุบตามองแขนขวาที่ขาดไป ยิ้มหยันในใจ
แม้นางจะพิการ ทว่าสำหรับคนพวกนั้นแล้วก็ไม่แตกต่าง คนวิปริตบางจำพวกยังคงสนใจหญิงพิการจริงๆ
หลายวันมานี้นางกึ่งหลับกึ่งตื่น สติพร่าเลือน รับรู้เพียงรางๆ ว่าตัวเองถูกชายผู้หนึ่งพาขึ้นมาบนรถ เขาพันแผลให้ ป้อนยา ป้อนข้าว ป้อนน้ำให้นาง ทั้งยังเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนดี
ขุนหมูให้อ้วนแล้วค่อยขายเป็นเรื่องที่พบเห็นได้ทุกวัน
เพียงแต่…นางช้อนตาขึ้น มองการตกแต่งภายในรถ ยืนยันให้แน่ใจอีกครั้งว่าเมื่อครู่ไม่ได้ตาลายมองผิดไป
ข้าวของในรถคันนี้แม้จะดูธรรมดา ทว่าแต่ละอย่างล้วนเป็นของชั้นสูง
ตู้ไม้จันทน์ หีบไม้การบูร กล่องไม้หนานมู่ลายทอง ถ้วยกระเบื้องผสมเถ้ากระดูกที่ขาวจนแสงส่องผ่านได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมีดจากร้านมีดและเครื่องเหล็กหนึ่งหทัย นั่นเป็นของดีที่ต่อให้สั่งจองก็ต้องรอสามถึงห้าปี ในลิ้นชักอันนั้นไม่ได้มีแค่มีดลักษณะคล้ายพู่กันเพียงเล่มเดียว แต่มีมีดวางเรียงอยู่ถึงสิบสองเล่ม
แม้แต่กล่องไม้ที่เขาใช้บรรจุเหอเถาใบนั้นฝีมือยังประณีตมาก แม้จะไม่ได้แกะสลักและเคลือบสี แต่พอปิดฝากลับมองไม่เห็นรอยต่อแม้แต่น้อย ดูแล้วเหมือนไม้ทรงสี่เหลี่ยมก้อนหนึ่ง
เสื้อผ้าที่เขาสวม รองเท้าที่เขาใส่ ดูเรียบง่ายแต่กลับไม่ใช่ของธรรมดา
ชายผู้นี้บอกว่าตัวเองเป็นหมอคนหนึ่ง แต่นางไม่เคยเห็นหมอคนใดมีข้าวของเครื่องใช้ดีถึงเพียงนี้มาก่อน โอสถทั้งหลายที่เขาวางอยู่บนรถก็ล้วนเป็นของชั้นยอด บางทีคนทั่วไปอาจแยกไม่ออก แต่ของพวกนี้กลับตบตานางไม่ได้ กลิ่นหอมของยาที่อบอวลไปทั่วรถ นางแค่ดมก็รู้แล้วว่าของพวกนั้นไม่ใช่ของธรรมดาทั่วไป
มีดทรงพู่กันแถวนั้นเป็นมีดหมอ อย่าว่าแต่หมอที่พเนจรไปทั่วเลย เกรงว่าแม้แต่หมอในเมืองยังมีไม่กี่คนที่สามารถมีไว้ครอบครองสักเล่ม
ดอกอ้อกระจุกแล้วกระจุกเล่าปลิวพัดตามสายลม คล้ายปุยฝ้าย คล้ายเกล็ดหิมะ
หญิงสาวเงยหน้าขึ้น เห็นคนผู้นั้นไม่รู้คิดอะไร ก่อนลงจากรถยังจงใจเลิกม่านขึ้น ให้นางมองเห็นสภาพแวดล้อมภายนอก
นางมองลาตรงหน้าและเชือกบังเหียนที่วางอยู่บนที่นั่งคนขับ ก่อนจะยื่นมือไปคว้าเชือกโดยไม่คิด หมายจะบังคับรถเทียมลาจากไป ทว่ามือกลับกำลังสั่น นางไม่สนใจ เพียงโน้มตัวไปข้างหน้า แต่แล้วร่างกายกลับเสียสมดุล ล้มคะมำลงไปบนพื้นรถอย่างอเนจอนาถ
ก่อนที่ใบหน้าจะกระแทกพื้น นางก็พลันยื่นมืออีกข้างไปยันไว้ แต่ใบหน้ายังคงกระแทกพื้นอย่างแรง
ให้ตาย!
นางลืมไปว่าแขนขวาของตนขาด อีกทั้งเห็นได้ชัดว่านางอ่อนแอกว่าที่ตัวเองคิดไว้
ความเจ็บทำให้เหงื่อเย็นผุดออกมาจากรูขุมขน นางหมอบอยู่บนพื้นรถ แค่หายใจยังต้องออกแรง มือและหน้าอกที่บาดเจ็บและถูกทับทำเอานางเจ็บจนริมฝีปากชาหัวใจสะท้าน ได้แต่ออกแรงพลิกตัวนอนตะแคง ขดตัวอยู่บนพื้นรถ นานครู่ใหญ่ที่มิอาจขยับเขยื้อน