“เอ่อ ย่อมต้องรับสนองพระเสาวนีย์อยู่แล้วพ่ะย่ะค่ะ” สมองของเจ้าพิธีวิ่งเร็วจี๋ เขาคิดในใจว่าคังอ๋องไปรับเจ้าสาวตั้งแต่เช้า ขากลับก็เหน็ดเหนื่อยมาก การที่เขาฝืนตัวเองเอาไว้จนถึงตอนนี้ได้ก็ถือเป็นโชคดีอย่างมหาศาลแล้ว เวลานี้จึงเหมาะที่จะจัดการเรื่องที่เหลือให้เสร็จสิ้นไปโดยไว เพราะหากผลักหม้อต้มยาออกไปที่ห้องโถงตามธรรมเนียมคร่ำครึแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นทำให้พิธีสมรสช่วงสุดท้ายไม่เรียบร้อย ฮ่องเต้กับไทเฮาทรงเอาเรื่องขึ้นมา ผู้ใดจะรับผิดชอบ
ด้วยเหตุนี้ คู่บ่าวสาวจึงได้คล้องแขนดื่มสุรามงคลกันต่อหน้าแขกสตรีทุกคน
จอกสุราที่ทำมาจากผลน้ำเต้าครึ่งซีกอันหนึ่งถูกยัดเข้ามาในมือของมู่ไคเวย และอีกครึ่งที่เหลืออยู่ในมือของฟู่จิ่นซี โดยตัวจอกทั้งสองอันมีแถบผ้าสีแดงมัดโยงกันเอาไว้และใส่สุราเอาไว้ครึ่งจอก
“ห่างกันพันลี้มีบุพเพเชื่อมหา คล้องแขนดื่มสุรา ร่วมชีวารวมใจ” เจ้าพิธีพูดเป็นจังหวะจะโคน
มู่ไคเวยเห็นฟู่จิ่นซียกน้ำเต้าขึ้นดื่มสุราจึงทำตาม จากประสบการณ์ที่เคยร่วมดื่มสุรากับพี่น้องในหน่วยประตูหกบาน การดื่มสุราต้องดื่มให้หมด สำหรับมู่ไคเวย สุราในผลน้ำเต้าครึ่งซีกนี้แค่ดื่มสองสามอึกก็หมดแล้ว นางจึงแหงนหน้าขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดอย่างไม่กินแรงแม้แต่น้อย จากนั้นก็ก้มหน้าใช้แขนเสื้อของชุดแต่งงานสีแดงสดเช็ดปากแทนผ้าเช็ดหน้าก่อนช้อนสายตาขึ้นมอง
ห้องทั้งห้องเงียบกริบ
“มีอะไร หรือห้ามดื่มสุราจนหมด?” หญิงสาวเลิกคิ้วที่ตั้งใจวาดให้ยาวขึ้นเพื่อการออกเรือนในวันนี้แล้วกวาดตามองเหล่าพระญาติหญิงและฮูหยินกับคุณหนูตระกูลขุนนางชั้นสูงที่กำลังมองนางตาค้าง
น้ำเสียงของมู่ไคเวยหนักแน่นมั่นคง ท่วงทีกิริยาดูสบายๆ แต่ทันทีที่สายตานิ่งๆ ของนางวาดผ่านกลับให้ความรู้สึกเหมือน…ถูกหัวหน้ากลุ่มสี่ปักษีแห่งหน่วยประตูหกบานสอบปากคำ ทำให้พวกนางรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง
มู่ไคเวยกวาดตามองบรรดาแขกสตรีแล้วหันไปมองเจ้าบ่าว
ตอนแรก คังอ๋องก็ชะงักแต่พอสบเข้ากับแววตาที่มีคำถามของนาง ริมฝีปากรูปกระจับของเขากลับค่อยๆ แย้มยิ้มและยกสุรามงคลที่ตนจิบไปแค่นิดหน่อยขึ้นดื่มอีกครั้ง
เจ้าพิธีเห็นก็รีบบอก “ทูลพระชายา สุรานี้ใช่ว่าจะดื่มให้หมดไม่ได้ ถ้าดื่มหมดได้จะดีมาก สรุปคือ…ดีมาก แต่สำหรับท่านอ๋อง…ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ ท่านดื่มช้าหน่อยเถอะ ไม่ต้องดื่มสุราให้หมดก็ได้ ท่านห้ามฝืนตัวเองเด็ดขาดนะพ่ะย่ะค่ะ!” โอย เช่นนี้จะเป็นอย่างไรต่อล่ะนี่