ชิงเสวียนหยิบสิ่งที่ดูคล้ายกับหนอนแต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียวออกมาจากถุงแพรแล้ววางบนมือเฟิงจง สิ่งนั้นคลานขึ้นไปบนอำพันที่ตกผลึกมาจากดวงวิญญาณของเสี่ยวเฮย เมื่อมันเบียดกายมุดแทรกเข้าไปแล้วก็หายวับอย่างรวดเร็ว ชิงเสวียนก็นั่งลงอีกด้านหนึ่งเพื่อร่วมเป็นผู้พิทักษ์อาคม
รอบด้านพลันบังเกิดหมอกขาวลอยตัวขึ้น ท่ามกลางความเลือนรางนั้นภาพเบื้องหน้าสายตาก็แปรเปลี่ยนไป เฟิงจงพบว่าตนได้หวนคืนสู่ภูเขาลึกอันเป็นสถานที่นิทราในตอนแรกแล้ว
ภูเขาลึกในฤดูวสันต์มีบุปผชาติตระการตาดุจผืนแพร เสี่ยวเฮยสวมเสื้อหนังสัตว์เช่นเคย เขากำลังนั่งพึมพำอยู่ตรงจุดที่นางนิทรา ‘เสี่ยวจง ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่มาเยี่ยมเจ้า เจ้าเพิ่งจะนิทราไปไม่กี่วัน ข้ายังไม่ชินน่ะ’
ดวงวิญญาณของเสี่ยวเฮยเหลืออยู่เพียงเท่านี้ จึงบรรจุได้แต่บางช่วงของความทรงจำที่ลึกล้ำที่สุด เฟิงจงพบว่าสถานที่เบื้องหน้าสายตาไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ตั้งแต่ต้นจนจบก็ยังอยู่ในภูเขาลึกที่นางนิทรา
เสี่ยวเฮยมาอีกแล้ว ร่างกายถึงกับสูงใหญ่ขึ้นมาก ยามที่เดินมาแต่ไกลถึงกับทำให้ภูเขาสั่นสะเทือนไปทั้งลูก หมู่วิหคมากมายตกใจจนบินกระเจิงหนีไป เขาย่อกายลงเพ่งมองจุดที่เฟิงจงนิทรา ‘เสี่ยวจง หมู่นี้พิภพมนุษย์ไม่ชอบมาพากลเท่าไร ข้าต้องกลับไปดูที่บึงอสนีสักหน่อยแล้ว เจ้าก็หลับพักให้สบายเถอะ แล้วข้าจะกลับมานะ เจ้านอนให้เต็มที่เถิด’
เขากลับมาอีกจริงๆ คราวนี้ในภูเขาปกคลุมไปด้วยหิมะสะสม ปลายคางของเขาเริ่มไว้เครา อายุหลายพันปีสำหรับชนเผ่ากึ่งเทพนั้นนับว่าล่วงเข้าสู่วัยกลางคนแล้ว
แม้ร่างกายของเขายังคงสูงใหญ่อยู่ แต่รูปร่างเขากลับดูผ่ายผอมลงไปมาก ร่างเขาคลุมด้วยเสื้อหนังสัตว์บุซับในตัวหนา มือตะกุยหิมะไปพลาง ปากก็เผยออ้าหุบอยู่หลายหนกว่าจะเอ่ยปากได้ ‘เสี่ยวจง พิภพมนุษย์ไม่สู้ดีแล้วจริงๆ ไอมารจากทางตะวันออกเฉียงเหนือลุกลามออกไปแล้ว มนุษย์ทั้งหลายเริ่มได้รับผลกระทบ ที่ป่วยก็ป่วย ที่ตายก็ตาย ทั้งไม่มีเด็กเกิดใหม่มาหลายปีแล้ว…จะทำอย่างไรดี ข้าจะต้องปลุกเจ้าหรือไม่’
เขาทอดถอนใจ มือที่ตะกุยหิมะอยู่ชะงักไปแล้ว ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะจากไป
ภูเขาลึกแห่งนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นเช่นกัน แมกไม้ต่างเริ่มเหี่ยวเฉา สรรพสัตว์ล้วนไม่เห็นร่องรอย ยอดเขาก็ถูกกัดกร่อนและยุบตัวลงไปมาก มีเพียงจุดที่เฟิงจงนิทราอยู่เท่านั้นที่ยังมีชั้นหญ้าคางอกเงยอยู่
‘เสี่ยวจง เจ้าตื่นขึ้นมาเถอะ’ เสี่ยวเฮยซูบผอมยิ่งกว่าเดิมแล้ว เขานั่งยองตะกุยดินอยู่ตรงนั้น ‘พิภพมนุษย์ใกล้จะไร้ผู้คนอยู่แล้ว แม้แต่ที่บึงอสนีก็…ข้ายังนิทราไม่ได้หรอก หากบึงอสนีสูญสิ้นไปข้าจะทำอย่างไรเล่า เสี่ยวจง จ่งเสินสามารถทำให้ใต้หล้าอุดมสมบูรณ์ได้นี่นา เจ้าก็รีบตื่นขึ้นมาเถอะนะ’
ยามที่เสี่ยวเฮยปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ภูเขาลึกได้เปลี่ยนสภาพและเสื่อมโทรมไปมากแล้ว คราวนี้ไม่ใช่การตะกุยดินอย่างที่เคยทำอีกแล้ว ในที่สุดเขาก็ใช้พลังเทพเร่งเปิดชั้นดินจนถึงข้างใต้ เฟิงจงที่อยู่ในห้วงนิทราลอยตัวขึ้นมาช้าๆ ทั่วร่างปกคลุมด้วยรัศมีเรื่อๆ สองตาของนางปิดสนิทหลับใหลอย่างสุขสงบ
‘เสี่ยวจง ตระกูลกุ่ยฟางเลิกทำสงครามกับตระกูลเลี่ยซานของข้าแล้ว ทว่าชนเผ่าข้าที่ตายไปกลับมีมากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก เหตุใดเจ้าถึงยังไม่ตื่นเสียทีเล่า’