ในตอนที่เขาตอบประโยคนี้ เมฆสีเทาครึ้มคล้ายจะอ่อนจางลงกว่าเมื่อวาน ในระหว่างที่ถูกลมม้วนตลบไปมายิ่งดูเปลี่ยนแปลงยากคาดเดามากขึ้น
มิใช่ผู้เก็บเบญจมาศใต้รั้วบูรพา แต่ถกถึงดินฟ้าในห้องแคบ ต้มสุราเหมยเขียวกิจบุรุษ ยามกลับอย่าลืมเก็บหิมะสามส่วน
ในตอนที่เฉิงตั๋วเดินทางกลับมาถึงเมืองผิงเหยา ยามซื่อ เพิ่งผ่านพ้นไป บนถนนหลักมีผู้คนเดินอยู่มากจึงไม่ทำให้รู้สึกอ้างว้าง เสี่ยวเอ้อร์ของร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งกำลังเลิกม่านขึ้นต้อนรับแขก เฉิงตั๋วจึงจูงม้าตรงไปมัดไว้กับเสาประตูบานนั้น เสี่ยวเอ้อร์เดินเข้ามาถาม “นายท่านต้องการจะสั่งอะไรหรือขอรับ” เฉิงตั๋วมองแล้วไม่มีอะไรน่ากิน จึงเพียงแต่ให้เขาเอาบะหมี่เนื้อมาชามหนึ่ง หากมีหญ้าเหลือก็ให้เอามาป้อนม้าเล็กน้อยด้วย
เสี่ยวเอ้อร์รับคำจากไป เพียงไม่นานบะหมี่ก็ถูกยกมาวาง เขากลับไปด้านหลังหอบมัดหญ้าออกมาอีกครั้ง เฉิงตั๋วคลุกเส้น กลิ่นหอมของน้ำมันพริกลอยฟุ้ง บนถนนมีชาวบ้านผู้หนึ่งเดินผ่านมา เมื่อเห็นเสี่ยวเอ้อร์กำลังป้อนหญ้าให้ม้าอยู่หน้าร้านก็โบกมือเรียก “เจ้ายังไม่กลับอีกหรือ”
เสี่ยวเอ้อร์ตอบ “ใกล้แล้วขอรับ วันนี้เป็นวันที่ยี่สิบเอ็ดเดือนสิบสอง วันมะรืนจะปิดร้านกลับไปบ้านเกิดที่ชิงโจวแล้วขอรับ”
เฉิงตั๋วจึงนึกขึ้นมาได้ว่าตอนนี้ใกล้สิ้นปีแล้ว ในใจเกิดความไม่พอใจอย่างอธิบายไม่ได้ เขาฝืนข่มความรู้สึกนั้นลงไป เงยหน้ามองหิมะที่กองทับถมอยู่บนถนน ดื่มน้ำแกงไปอีกสองอึก ก่อนจะโยนเงินลงบนโต๊ะแล้วออกจากร้านไป ม้าของเขาก็เพิ่งกินหญ้าเสร็จ เฉิงตั๋วปลดเชือกม้า ลูบจมูกมัน ม้าเองก็พ่นลมหายใจเป็นการตอบรับ เฉิงตั๋วยิ้มน้อยๆ จูงม้าเดินมุ่งไปทางทิศเหนือ
ในตอนที่ออกนอกชายแดนเยี่ยนโจว ทหารตระเวนชายแดนชั้นผู้น้อยจำนวนมากไม่รู้จักเขา เฉิงตั๋วจึงหยิบบัตรผ่านที่ประทับตราด้วยตัวเองออกมา เดินออกนอกชายแดนไปสิบกว่าหลี่ สายลมพัดปะทะใบหน้า เฉิงตั๋วติดหมวกหนังกันลม เผยเพียงดวงตาคู่หนึ่งออกมา บนพื้นหิมะมีรอยกีบเท้าม้าสับสนยุ่งเหยิง เขาสำรวจกีบเท้าเหล่านั้น นี่น่าจะเป็นร่องรอยที่ทหารม้าของหยางโหย่วหลินทิ้งเอาไว้เมื่อตอนเดินทางกลับค่ายใหญ่เยี่ยนโจว
ยามนี้เฉิงตั๋วร้อนใจ อยากรีบกลับค่ายใหญ่ ในตอนที่กำลังจะควบม้าวิ่งก็เห็นบนพื้นหิมะห่างออกไปไม่ไกลพลันปรากฏศีรษะคนผู้หนึ่งวูบไหวก่อนหายไป ท่ามกลางแดนหิมะสุดลูกหูลูกตาดูแปลกประหลาดชัดเจน เฉิงตั๋วคิดว่าตนตาฝาด แต่เขาไม่เคยตาฝาดมาก่อน ดังนั้นจึงกระโดดลงจากหลังม้าแล้วเดินเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ
ใต้พื้นหิมะห่างออกไปหนึ่งจั้งมีร่องลึก เฉิงตั๋วหยุดยืนนิ่ง พูดว่า “ออกมาเถอะ”
ศีรษะค่อยๆ ชะโงกออกมา ดูเหมือนจะเป็นคนผู้หนึ่งซึ่งซ่อนตัวอยู่ในร่องหิมะ คนผู้นี้เปิดเผยเพียงดวงตาซึ่งกลอกมองไปมา เฉิงตั๋วเห็นใบหน้าของเขาไม่ชัด ทั้งสองมองสบตากันสักพัก ก่อนที่เฉิงตั๋วจะเดินเข้าไปหา หิ้วเด็กชายคนหนึ่งออกมาจากร่องหิมะ เด็กชายมือเท้าแข็งไปหมดแล้ว ผ้าฝ้ายที่โพกอยู่บนศีรษะก็เลื่อนตกลงมา เขาพูดเสียงสั่น “ช่วยด้วย…”