ตามกฎแล้วไม่ว่าจะเป็นตระกูลที่ร่ำรวยมากอำนาจแค่ไหน แต่กับบ่าวภายในบ้านล้วนไม่อาจสั่งสอนตามอำเภอใจ แต่ทาสชาวหูที่ได้มาจากการรบนั้นไม่ต่างอะไรกับหมูหมากาไก่ ต่อให้เจ้าเอานางมาต้มกินยังไม่นับว่าผิดกฎ
หลี่หมัวมัวพูดเสียงดัง “ยังไม่รีบไปเปลี่ยนมาใหม่อีก! นอกจากปากจะพูดไม่ได้แล้วสมองยังช้าอีกหรือไร”
ฉาฉารีบเก็บเศษถ้วยเหล่านั้น แล้วเดินไปที่ห้องน้ำชา หลี่หมัวมัวตะโกนอย่างปวดใจ “ผิดทางแล้ว!”
ฉาฉาหยุดอยู่กับที่ มองไปรอบๆ ในที่สุดก็หาทางที่ถูกเจอ ก่อนจะรีบวิ่งหายไปโดยไม่กล้ามองหลี่หมัวมัวอีกสักครั้ง
ผ่านไปนานครู่ใหญ่ถึงได้ถ้วยใบใหม่ที่เข้าคู่กับชุดถ้วยชานั้นกลับมา นอกจากนี้ยังมีถาดอีกใบ หลี่หมัวมัวแค่นเสียงดูแคลน ขยับเท้าก้าวเดินทันที ฉาฉาใช้ถาดประคองถ้วยยาเดินตามอยู่ข้างหลัง ยิ่งเดินก็ยิ่งช้าลงเรื่อยๆ เพราะว่ายาในถ้วยมักจะกระเซ็นออกมาเสมอ ไม่ว่านางจะขยับประคองถาดไปซ้ายขวาอย่างไรก็ล้วนไม่ช่วย
หลี่หมัวมัวชำเลืองมองนางอย่างดูถูก “ไม่เคยยกถาดหรือ”
ฉาฉามองนางด้วยความลำบากใจ
หลี่หมัวมัวรับถาดมาถือเดินด้วยมือเดียว เดินเร็วเสียยิ่งกว่าเมื่อครู่ แต่ยาในถ้วยกลับอยู่นิ่งไม่กระฉอกออกมาสักหยด ฉาฉามองนางเดินผ่านประตูข้างของตำหนักตะวันตกจนมาถึงยังตำหนักส่วนตัวแห่งหนึ่ง หลี่หมัวมัวจึงยื่นถาดมาให้นางถืออีกครั้ง ส่วนตัวเองเดินเข้าประตูตำหนักไป ฉาฉายกถาดเดินตาม หนนี้กลับไม่ทำยากระฉอกออกมาอีกแล้ว
เพิ่งเดินมาถึงหน้าม่านประตูชั้นในของห้องโถงข้างก็ได้ยินเสียงสตรีผู้หนึ่งพูดเสียงแผ่วเบา “ท่านอ๋องเสด็จกลับมาหลายวันแล้ว ทว่าไม่เห็นแม้แต่เงาคน ปล่อยหญิงงามชั้นเลิศเอาไว้ไม่เข้าใกล้ แต่กลับเสด็จไปคลุกคลีอยู่กับพวกทาสนางบำเรอชั้นต่ำ”
น้ำเสียงกังวานของคนอีกคนหนึ่งเอ่ยปากกล่อม “ท่านอ๋องกับสตรีนางนั้นจะมีอะไรกันได้เจ้าคะ ก็แค่ทรงต้องการความสะใจเท่านั้น ฮูหยินไม่จำเป็นต้องถือสา ท่านเป็นฮูหยินขั้นหนึ่งที่มีตำแหน่งมีฐานะของชินอ๋อง ในเมื่อตำแหน่งชายาเอกยังว่างเว้น สตรีทุกคนในจวนแห่งนี้จะมีผู้ใดข้ามหน้าข้ามตาท่านได้อีกหรือเจ้าคะ”
สวีซื่อถอนหายใจเบาๆ “แล้วอย่างไรกันเล่า เกรงว่าท่านอ๋องจะทรงจดจำข้าไม่ได้แล้วด้วยซ้ำ” นางลดเสียงลง กล่าวต่อว่า “ได้ยินมาว่าสตรีผู้นั้นถึงกับอยู่ปรนนิบัติในห้องหนังสือของท่านอ๋อง สถานที่แห่งนั้นหากไม่ได้รับอนุญาต ผู้ใดก็ไม่อาจเข้าไป ไม่ใช่เพียงห้องหนังสือข้างนอก กลับยังพักอยู่ห้องข้างใน ท่านอ๋องทรงเป็นอะไรไปแล้ว ข้าไม่เข้าใจเลย”
สตรีน้ำเสียงใสกังวานผู้นั้นคือลวี่เชี่ยว สาวใช้ข้างกายสวีซื่อ ลวี่เชี่ยวเอ่ยปากกลั้วหัวเราะ “บ่าวไปสืบข่าวมาแล้ว แม่นางผู้นั้นชั้นต่ำยิ่งนักจริงๆ เป็นหญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า แต่ก่อนยังเป็นของเล่นให้พวกขนดกชาวหูอีกด้วยนะเจ้าคะ” ลวี่เชี่ยวพูดจบก็ปิดปากหัวเราะคิกคัก
สวีซื่อเลิกคิ้ว สีหน้าดูแคลน