นวนิยายเรื่องดังกล่าวประสบความสำเร็จจนได้รับการตีพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง หลังจากวางขายไม่นานนัก ก็ไปเตะตาผู้จัดละครชื่อดังจนได้รับการติดต่อขอนำไปสร้างเป็นละคร
และแน่นอนว่าทิวาไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป!
ชายหนุ่มได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้จัดละครโดยตรง เมื่ออีกฝ่ายรู้ว่าเขาเรียนนิเทศศาสตร์ มีประสบการณ์ในด้านการเขียนบทภาพยนตร์และบทละครมาบ้างจึงสนใจอยากให้เขามาเขียนบทละครจากนวนิยายของตนเอง เพราะเขาน่าจะเห็นภาพและตีความออกมาได้ดีที่สุด ทิวาจึงตกปากรับคำอย่างไม่ลังเล
เหมือนทุกอย่างเป็นใจ ละคร ‘365 วัน…ฉันกลับมาเพื่อเอาคืน’ ประสบความสำเร็จจนเรตติ้งสูงเป็นอันดับหนึ่งของละครในปีนั้น นามปากกา ‘ไม่ใช่ผู้วิเศษ’ ทั้งในฐานะนักเขียนนวนิยายและนักเขียนบทละครก็กลายเป็นที่รู้จักของประชาชนอย่างรวดเร็ว
ทิวาในวัยยี่สิบเจ็ดปีมีนักอ่านแฟนคลับมากมาย เขาถูกเชิญไปบรรยายในงานหนังสือ ไปเป็นวิทยากรให้ความรู้ในมหาวิทยาลัย และไปสัมภาษณ์ลงสื่อต่างๆ อีกมากมาย
ทิวามีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นสิบเท่าเหมือนอยู่ในความฝันไม่มีผิด มีผู้จัดติดต่อมาขอซื้อนวนิยายเรื่องเก่าไปสร้างเป็นละคร และจองเรื่องที่ยังไม่ได้แต่งเอาไว้ล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีคนติดต่อให้เขาเขียนบทละครจากนวนิยายของนักเขียนท่านอื่นด้วยซึ่งเขาก็รับงานเอาไว้แทบทั้งหมดเท่าที่จะทำได้
ชายหนุ่มอยากสร้างเนื้อสร้างตัวและสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตจนทำงานแบบ ‘ขายวิญญาณให้ซาตาน’ เลยก็ว่าได้ เพราะเขาไม่รู้ว่าช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์นี้จะอยู่กับเขาไปอีกนานแค่ไหน เขาจำเป็นจะต้องสร้างฐานนักอ่านให้ขยายกว้างออกไปมากที่สุดและต่อกระแสให้ผลงานของตัวเองโลดแล่นอยู่ในสายตาของนักอ่านอยู่เสมอ ทิวาจึงเขียนเรื่องราวของตัวละครที่น่าสนใจจากเรื่อง ‘365 วัน…ฉันกลับมาเพื่อเอาคืน’ อีกหลายเรื่องจนทำให้คนที่กำลังอินกับละครและนวนิยายเรื่องนั้นตามมาอ่านต่อจนครบทุกเล่ม
ถึงกระนั้นทิวาก็ไม่ได้ประมาท เขาไม่ได้คิดแค่จะเขียนเพื่อให้ขายได้หรือเขียนเพราะว่างานมีกระแส ด้วยรู้ว่าหากงานไม่สนุก ไม่จับใจคนอ่าน และไม่มีคุณภาพแล้วนักอ่านก็จะไม่ติดตามต่อ ดังนั้นเขาจึงทั้งทุ่มเท ทั้งพัฒนาผลงานทุกเรื่อง และจะไม่ฝืนใจเขียนหากตนเองไม่สนุกไปกับมัน
ปัจจุบันทิวาโลดแล่นในวงการน้ำหมึกมาสิบปีแล้ว ผลงานของเขาติดอันดับหนังสือขายดีทุกเรื่องที่วางขายไม่ว่าจะเป็นรูปเล่มหนังสือหรือหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-Book) ผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้เขามีหลายแนว ทั้งนวนิยายรักสืบสวนสอบสวน นวนิยายรักสะท้อนสังคม และนวนิยายรักพาฝันซึ่งถูกนำไปสร้างเป็นละครดังหลายเรื่อง นอกจากนี้เขายังเป็นนักเขียนบทละครที่พลิกแพลงบทเก่งอย่างหาตัวจับได้ยากอีกด้วย
ด้วยอายุการทำงานที่มากขึ้น สะสมฐานนักอ่านเอาไว้มากมาย และอยู่ในจุดที่พอใจแล้ว…ปีนี้ทิวาจึงตั้งใจว่าจะให้เวลากับครอบครัวมากขึ้น ดูแลสุขภาพมากขึ้น และไม่ได้ออกงานเป็นพายุดังแต่ก่อน
ช่วงที่เริ่มดังใหม่ๆ เขาเขียนนวนิยายปีละห้าเรื่อง เขียนบทละครอีกสองเรื่อง ทำงานหามรุ่งหามค่ำแทบจะไม่มีเวลาพักสมอง แต่ปีนี้เขาตั้งใจจะออกนวนิยายสามเรื่องและเขียนบทละครอีกปีละเรื่องเท่านั้น ถึงกระนั้นรายได้ก็คงไม่ได้ลดลง เพราะนอกจากเงินจากนวนิยายเรื่องใหม่แล้วเขายังมีรายได้จากยอดขายอีบุ๊กนวนิยายเรื่องเก่าๆ ที่มีเข้ามาสม่ำเสมอในทุกเดือน รวมทั้งยอดขายจากหนังสือที่ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำ
ถึงทิวาจะไม่ได้ร่ำรวยระดับมหาเศรษฐีแต่เขาก็สร้างเนื้อสร้างตัวและมีเงินเก็บจากอาชีพนักเขียนจนหลายคนถึงขั้นออกปากว่า…คำว่า ‘นักเขียนไส้แห้ง’ ใช้กับนักเขียนอย่างทิวาไม่ได้