หลังจากผ่านการสนทนากัน ความรู้สึกแปลกหน้าไม่คุ้นเคยระหว่างคนทั้งสองในช่วงก่อนหน้านี้คล้ายค่อยๆ หายไป ไม่เพียงเกาลั่วเสิน แม้แต่หลี่มู่ก็ดูเป็นธรรมชาติขึ้นมาก
‘ต้าซือหม่า…’ นางชะงักแล้วเปลี่ยนคำพูด ‘เมื่อก่อนหลางจวิน เคยช่วยข้าจากภัยอันตราย ข้ากลับไม่มีโอกาสได้กล่าวขอบคุณท่าน หวังว่ากล่าวขอบคุณตอนนี้คงไม่สายเกินไป’
‘เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไยต้องขอบคุณด้วย’ เขายิ้มน้อยๆ
อาจเพราะมีแสงอบอุ่นจากเทียนสีแดงส่องสะท้อนอยู่ด้านข้าง ยามนี้แววตาที่เขามองนางจึงดูอ่อนหวานละมุนละไมยิ่ง
บุรุษที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ดูแตกต่างกันอย่างมากกับต้าซือหม่าที่เล่าลือว่ามีวิธีการอันโหดเหี้ยมอำมหิต กำจัดคนที่เห็นต่างจากตน และทำทุกอย่างเพื่อวางแผนช่วงชิงราชบัลลังก์ผู้นั้น
มีเวลาสั้นๆ อยู่ชั่วขณะหนึ่งที่นางรู้สึกฉงนใจจึงนิ่งเงียบลง
เขาคล้ายมองออกถึงความรู้สึกของนางจึงไม่เปิดปากอีก เพียงมองนางไม่วางตา
ระหว่างคนทั้งสองความรู้สึกผ่อนคลายในช่วงสั้นๆ ก่อนหน้านี้เลือนหายไปแล้ว บรรยากาศกลายเป็นชะงักงันไปอีกครั้ง
เขาลังเลอยู่ชั่วขณะ ในที่สุดก็เอ่ยปากขึ้นอีกครั้งทำลายความนิ่งเงียบ ‘เจ้าคงเหนื่อยแล้ว พักผ่อนเร็วหน่อยเถิด’ เขาพูดขึ้นอีก ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ‘ข้ารู้เจ้าแต่งกับข้า หาได้มาจากความยินยอมพร้อมใจ เจ้าไม่ต้องกังวล ขอเพียงเจ้าไม่สมัครใจ ข้าก็จะไม่บีบบังคับเจ้า’
ส่วนลึกในใจของเกาลั่วเสินพลันเกิดความรู้สึกอดสูใจคล้ายถูกคนมองทะลุความลับส่วนตัวอย่างหนึ่ง
นางรู้ว่าเขากำลังมองนางอยู่จึงหันหน้าหนีไป หันหลังให้เขาแล้วปลดเสื้อตัวนอกของตนออกช้าๆ
มุ้งผ้าดิ้นถูกปล่อยลงมา ทั้งสองนอนเคียงกันอยู่บนหมอน
นางหลับตา สองแก้มแดงปลั่ง
เขาขยับเข้ามาใกล้อย่างระมัดระวัง ค่อยๆ ปลดเสื้อตัวในบนร่างของนางอย่างลองหยั่งเชิง
ฝ่ามือใหญ่ที่เคยจับกระบี่แม่ทัพสังหารคนมานับไม่ถ้วนข้างนั้นยามนี้ถึงกับสั่นเทาเล็กน้อย ทว่าหลังพยายามอยู่หลายครั้งเขาก็ไม่อาจปลดผ้ารัดเอวได้
จนกระทั่งครั้งสุดท้าย…ในที่สุดเขาก็ปลดผ้ารัดเอวได้อย่างราบรื่น แต่มือข้างนั้นของเขาพลันถูกมือของนางกดไว้เบาๆ
‘หลางจวิน วันหน้าท่านคิดจะช่วงชิงราชบัลลังก์เหมือนสกุลสวี่หรือไม่’
นางลืมตาขึ้นช้าๆ เอียงคอมองบุรุษข้างหมอนที่คลื่นอารมณ์กำลังทะลักพรั่งพรูผู้นั้น
* เจียงหนาน คือคำเรียกที่ราบลุ่มแม่น้ำทางด้านใต้ของแม่น้ำฉางเจียง (แยงซีเกียง) ปัจจุบันคือทางใต้ของมณฑลเจียงซู อันฮุย และด้านเหนือของมณฑลเจ้อเจียง
เป็นสำนวนจีน หมายถึงทัศนียภาพในฤดูใบไม้ผลิที่งดงาม
ฟูเหริน คือบรรดาศักดิ์ที่ฮ่องเต้พระราชทานแก่มารดาหรือภรรยาของขุนนางชั้นสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งขุนนางขั้นหนึ่งและขั้นสอง
**** ชาวเจี๋ย เป็นชนต่างเผ่าในสมัยโบราณของจีน เป็นเชื้อสายหนึ่งของชนชาติซยงหนู อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลซานซีในปัจจุบัน
หวาซย่า เป็นชื่อดินแดนจีนในสมัยดึกดำบรรพ์
ปาตง อยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำฉางเจียง ปัจจุบันอยู่ในมณฑลหูเป่ย
ดินแดนทั้งเก้า หรือจิ่วโจว หมายถึงแผ่นดินจีนในสมัยโบราณซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวฮั่น ได้แก่ 冀州 (จี้โจว) 兖州 (เหยี่ยนโจว) 青州 (ชิงโจว) 徐州 (สวีโจว) 扬州 (หยางโจว) 荆州 (จิงโจว) 豫州 (อวี้โจว) 梁州 (เหลียงโจว) 雍州 (ยงโจว) เป็นบริเวณใจกลางประเทศในปัจจุบัน
เมืองสือโถว ปัจจุบันอยู่ในเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู
ลั่วเสิน คือเทพแห่งแม่น้ำลั่ว มีตำนานเล่าว่าเทพแห่งแม่น้ำลั่วก็คือมี่ บุตรสาวของฝูซี เนื่องจากจมแม่น้ำลั่วตายจึงกลายเป็นเทพแห่งแม่น้ำลั่ว
ดินแดนสามอู๋ เป็นคำเรียกดินแดนตอนใต้ของแม่น้ำฉางเจียงในสมัยโบราณ ได้แก่ เมืองอู๋จวิ้น เมืองอู๋ซิ่ง และเมืองไคว่จี
เซียงหยาง เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของมณฑลหูเป่ย ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของมณฑล มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์
เจียงจั่ว เป็นคำเรียกผืนแผ่นดินทางด้านซ้ายของแม่น้ำฉางเจียง หรือก็คือดินแดนที่ราชวงศ์ใต้ครอบครองอยู่ในปัจจุบัน
กง คือลำดับ หนึ่งในบรรดาศักดิ์ 6 ขั้นของจีนในสมัยโบราณ โดยเรียงลำดับบรรดาศักดิ์จากเล็กไปใหญ่ได้ดังนี้ ‘หนาน’ เทียบได้กับขุน ‘จื่อ’ เทียบได้กับหลวง ‘ป๋อ’ เทียบได้กับพระยา และ ‘กง’ เทียบได้กับเจ้าพระยา
เขตหงหนงอยู่ทางตะวันตกของมณฑลเหอหนาน เนื่องจากตั้งอยู่ทางใต้ของแม่น้ำหวง อยู่ระหว่างเมืองฉางอันกับเมืองลั่วหยาง จึงเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญ
จงหยวน หรือตงง้วน แปลว่าที่ราบตอนกลาง หมายถึงดินแดนจีนในสมัยโบราณ ซึ่งตั้งอยู่ตอนกลางไปจนถึงตอนใต้ของลุ่มแม่น้ำหวงเหอ
ชาวหู เป็นคำเรียกชนต่างเผ่าที่ไม่ใช่ชาวฮั่น ที่อาศัยทางชายแดนทิศเหนือและทิศตะวันตกของจีน
อู่จ่าง หัวหน้าหน่วยทหารที่เล็กที่สุด มีทหารในบังคับบัญชา 5 นาย
ซีสู่ หรือดินแดนสู่ตะวันตก คือมณฑลเสฉวนในปัจจุบัน
แม่ทัพใหญ่เจิ้นจวิน คือตำแหน่งแม่ทัพที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารและข้าหลวงของเมืองใดเมืองหนึ่ง มีหน้าที่ควบคุมดูแลการปกครองและทุกข์สุขของประชาชนในท้องถิ่น