การปราบกบฏดำเนินการได้ไม่ราบรื่นนัก รุกๆ ถอยๆ จนถึงตอนนี้ก็รบกันมาเกือบครึ่งปีแล้ว
เท่านี้ยังไม่หมด เขตเจียวโจวที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้สุดก็ไม่สงบสุขตามไปด้วย
แคว้นหลินอี้ที่เดิมอยู่ในปกครองของต้าอวี๋มาโดยตลอดนั้น กลับเกิดความไม่สงบขึ้นในหมู่เชื้อพระวงศ์ของแคว้นหลินอี้ หลินอี้หวังหนีมาถึงเจียวโจว ขอความช่วยเหลือจากซิงผิงตี้ ฮ่องเต้ผู้เป็นน้าชายของเกาลั่วเสิน
แคว้นในปกครองเกิดความวุ่นวาย ต้าอวี๋ในฐานะผู้เป็นเจ้าเหนือหัวย่อมไม่อาจนิ่งดูดาย ซิงผิงตี้ได้ส่งกองกำลังทหารกองหนึ่งไปช่วยหลินอี้หวังฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย
แต่กองกำลังทหารกองนั้นจวบจนบัดนี้ก็ยังไม่ได้กลับมา
รัชศกซิงผิงปีที่สิบห้าคล้ายถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องเป็นปีที่มีเรื่องมาก
ทางเหนือ กลาง ใต้ของแคว้นต้าอวี๋เกิดความวุ่นวายขึ้นพร้อมกัน บิดาในฐานะราชเลขาธิการและดำรงตำแหน่งอัครเสนาบดีนั่งบัญชาการในส่วนกลาง ช่วยกำกับดูแลกิจการของราชสำนัก ต้องวางแผนครอบคลุม โยกย้ายสับเปลี่ยน รับมือกับทั้งสามด้าน ทุ่มเทกายใจทำงานอย่างหนัก ต้องเหน็ดเหนื่อยมากเพียงใดคงพอจะคาดเดาได้
ไม่ใช่แค่เพียงครั้งเดียวที่เกาลั่วเสินเห็นแสงไฟในห้องหนังสือของบิดาสว่างอยู่จนดึกดื่น บางครั้งเขาก็นอนอยู่ในห้องหนังสือทั้งเสื้อผ้าที่ไม่พิถีพิถัน ฟ้ายังไม่สว่างก็ลุกขึ้นมาไปประชุมขุนนางต่อ
นางปวดใจยิ่งนัก แต่ก็อับจนหนทาง ในใจเพียงเฝ้าปรารถนาให้สงครามน่าชิงชังที่เหล่าบุรุษรบกันไปรบกันมาเหล่านั้นรีบผ่านไปเสียแต่เร็ววัน
นางปรารถนาให้บิดาได้สบายขึ้นบ้าง เหมือนความทรงจำในสมัยเด็กของนางเช่นนั้น บิดาถือแส้ปัดหางกวางนั่งอยู่กับสหายสามคนห้าคน ดื่มสุราสนทนากัน สวมเสื้อแขนกว้างรองเท้าสูง ท่าทางสุภาพสง่างาม สกุลเการักอิสระเปี่ยมด้วยสติปัญญาความรู้ ใต้หล้าต่างรู้กันทั่ว ไม่ใช่เหมือนเช่นเวลานี้ที่ทั้งวันเหน็ดเหนื่อยแต่เรื่องของราชสำนัก
นานเพียงใดแล้วที่เกาลั่วเสินไม่ได้เห็นบิดายิ้มแย้มอย่างสบายอกสบายใจ
นี่ก็คือสาเหตุว่าเพราะเหตุใดหลังจากตนเองลื่นตกลงมาเมื่อสองวันก่อน นางจึงยืนกรานไม่ให้บ่าวไพร่บอกให้บิดาทราบ เพื่อเขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง
“แม่นางน้อย ถึงท่าเรือข้ามฟากแล้วขอรับ” เสียงเกาชีดังขึ้น
ประตูรถเปิดออก ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความรักและเมตตาของเขาปรากฏอยู่ที่หน้าประตูรถ
เกาลั่วเสินถึงค่อยรู้ว่ารถเทียมวัวได้หยุดนิ่งลงแล้ว
เกาชียกตั่งตัวเล็กมาวางให้นางเหยียบเท้าด้วยตนเอง
ไม่ต้องรอให้สั่งสาวใช้ที่มาด้วยกันสองคนอย่างฉยงซู่กับอิงเถาก็รีบเข้ามา
ฉยงซู่ประคองเกาลั่วเสิน
อิงเถานั่งยองลงไปจับตั่งตัวเล็กไว้
ความจริงเกาลั่วเสินสามารถลงจากรถได้ด้วยตนเอง กระทั่งไม่ต้องใช้ตั่งตัวเล็กมาเหยียบเท้านางก็กระโดดลงไปได้อย่างมั่นคง
แต่เขาไม่ให้โอกาสเช่นนั้นกับนางแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสองวันก่อนนางเพิ่งลื่นตกจากชิงช้าลงมา
แล้วเกาลั่วเสินก็ถูกฉยงซู่กับอิงเถา คนหนึ่งอยู่บนคนหนึ่งอยู่ล่าง ประคองลงจากรถลงมาเช่นนี้
ที่ท่าเรือมีเรือที่ประดับตกแต่งอย่างงดงามจอดอยู่ลำหนึ่งแล้ว
เกาลั่วเสินเดินขึ้นเรือมุ่งหน้าไปเกาะไป๋ลู่
เกาะไป๋ลู่ตั้งอยู่กลางแม่น้ำทางตะวันตกของเมือง จากท่าเรือต้องเดินทางทางน้ำไประยะหนึ่ง ทุกปีในฤดูใบไม้ผลิบริเวณริมเกาะจะมีนกกระยางขาวมารวมตัวกันจำนวนมาก และเป็นที่มาของชื่อเกาะที่มีความหมายว่านกกระยางขาว
มารดาของเกาลั่วเสิน องค์หญิงใหญ่ชิงเหอ เซียวหย่งจยา หลายปีมานี้พำนักอยู่ที่เรือนรับรองไป๋ลู่บนเกาะไป๋ลู่มาโดยตลอด ไม่ค่อยได้เข้าเมือง
เรือนรับรองแห่งนี้อดีตฮ่องเต้พระราชทานให้นาง หลังจากฮ่องเต้ผู้เป็นน้าชายของเกาลั่วเสินขึ้นครองราชย์ เนื่องจากมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับพี่สาวคนโตจึงพระราชทานของล้ำค่าให้อีกจำนวนมาก ภายในเรือนรับรองจึงตกแต่งอย่างงดงามหรูหรายิ่ง
เกาลั่วเสินมาในครั้งนี้ก็เพื่อเยี่ยมมารดา
นางยืนอยู่ที่หัวเรือโต้ลม สายตาเบิ่งมองไปข้างหน้าทางทิศที่ตั้งของเกาะไป๋ลู่
วันนี้ลมในแม่น้ำค่อนข้างแรง หลังออกจากท่าเรือจึงโคลงเคลงค่อนข้างรุนแรง
เกาชีเดินตามอยู่ด้านข้าง เขาคอยตามติดยิ่ง ราวกับนางยังเป็นเด็กอายุสามขวบคนหนึ่ง หากไม่ระวังก็จะตกลงไปในแม่น้ำอย่างไรอย่างนั้น ปากก็พร่ำบ่นไม่หยุด จะให้เกาลั่วเสินกลับเข้าไปในประทุนเรือให้ได้
เกาลั่วเสินถอนหายใจ ก่อนยอมเข้าไปในประทุนเรือแต่โดยดี