เมื่อพวกนางหลับใหลไปในที่สุด นายบ่าวสองคนในห้องด้านข้างถึงเริ่มมีความเคลื่อนไหวบ้าง
อาเซิงยกกาน้ำชาบนโต๊ะแปดเซียนที่ทำจากไม้แดงในห้อง รินน้ำอุ่นถ้วยหนึ่ง ประคองด้วยสองมือยื่นไปตรงหน้าคุณชายฉางที่นั่งขัดสมาธิหลับตาพักผ่อนอยู่บนเตียง และไต่ถามเสียงนอบน้อม “คุณชาย อาเซิงมีเรื่องต้องการถามขอรับ”
คุณชายฉางล้วงขวดทรงคอแคบก้นกว้างทำจากหยกเนื้อเนียนใสวาววับขนาดกะทัดรัดใบหนึ่งออกจากอกเสื้อ เขาเทยาลูกกลอนกลมดิกสีแดงเกลี้ยงใหญ่เท่าเม็ดข้าวโพดเม็ดหนึ่งออกมาใส่ปาก จากนั้นรับถ้วยน้ำชามาดื่มน้ำคำหนึ่งกลืนยาลงคอไป ถึงพยักหน้าน้อยๆ กับอาเซิง
อาเซิงเอ่ยถามด้วยสีหน้าลังเลใจ “ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุอันใดคุณชายต้องช่วยเหลือพวกนางขนาดนี้ อันที่จริงแค่ช่วยชีวิตไว้ก็พอ ไยต้องพาไปส่งด้วยขอรับ”
คุณชายฉางมิได้กล่าวตอบ ยื่นถ้วยน้ำชาคืนกลับไป เขาเก็บขวดหยกกลับเข้าที่ และล้วงของอีกสิ่งหนึ่งออกจากอกเสื้อส่งให้ อาเซิงรับไว้แล้วถามอย่างหลากใจ “เพื่อถุงผ้าปักเล็กๆ ใบนี้หรือขอรับ”
คุณชายฉางพยักหน้าเบาๆ แล้วก็ส่ายหน้า อาเซิงกลอกตาทีหนึ่ง นึกถึงท่าทางของผู้เป็นนายตอนรับถุงผ้าปักใบนี้มาเมื่อยามเที่ยง เขาเปิดมันออก เขี่ยใบไม้สีเขียวข้างในสองทีแล้วจ่อไว้ใต้จมูกสูดดมดู ก่อนจะขมวดคิ้วกล่าวขึ้น “กลิ่นนี้แปลกชอบกล เย็นๆ ซ่านๆ ขอรับ”
คุณชายฉางเปล่งเสียงพูดเอื่อยๆ “กลิ่นนี้บรรเทาอาการเจ็บปวดตามเนื้อตัวข้าได้” ยามเขากล่าววาจา บนใบหน้าเยาว์วัยหล่อเหลาแฝงรอยฉงนจางๆ
อาเซิงฟังจบแล้วเกือบร้องอุทานเสียงดัง เขาลุกลนปิดปากตนเอง สูดลมหายใจหลายครั้งถึงสงบสติอารณ์ลงได้ จากนั้นถามอย่างไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง “ทะ…ท่านได้ดมของสิ่งนี้แล้ว ระงับความเจ็บปวดได้หรือขอรับ”
คุณชายฉางกล่าว “ข้าลองคร่าวๆ แล้ว เพียงบรรเทาอาการ ไม่ถึงกับยับยั้งได้ แต่ก็พอให้นอนหลับลง”
อาเซิงหน้าบานด้วยความยินดีทันควัน เอาแต่หัวเราะไม่หยุด ไม่ใช่ง่ายกว่าจะเยือกเย็นเป็นปกติเช่นเดิม จากนั้นเขาก็พูดขึ้นอีก “ข้าว่าแล้วว่าไฉนคุณชายต้องให้ข้าชวนพวกนางเดินทางไปด้วยกัน ที่แท้คุณชายมีประสาทสัมผัสทั้งห้าเป็นเลิศเหนือใคร ถึงค้นพบสิ่งนี้ได้ ฮ่าๆ ในเมื่อท่านมั่นใจว่าของสิ่งนี้ใช้ประโยชน์ได้ วันพรุ่งข้าจะถามพวกนางเองขอรับ”
คุณชายฉางผงกศีรษะทีหนึ่งแล้วไม่เอื้อนเอ่ยคำใดอีก เอื้อมมือไปดึงถุงผ้าปักในมืออาเซิงมาแล้วล้มตัวลงบนเตียงโดยไม่ผลัดอาภรณ์ เขายังยกฝ่ามือขาวกระจ่างที่กุมถุงเครื่องหอมไว้เบาๆ มาตรงหน้าดมกลิ่นหอมสดชื่นจางๆ ที่ติดอยู่บนนั้นแล้วผ่อนลมหายใจออกอย่างช้าๆ
วันต่อมา พวกอี๋อวี้ซึ่งหลับสนิทตลอดราตรีตื่นนอนตั้งแต่ฟ้าสว่างรำไร หลังผ่านการรอนแรมเดินทางมาทั้งวัน เสื้อคลุมตัวนอกที่พวกนางถอดออกเมื่อวานนี้ยับยู่ยี่จนดูไม่ได้ หลูซื่อหยิบชุดที่กระชับรัดกุมในห่อผ้าออกมาผลัดเปลี่ยน หลิวเซียงเซียงผอมบางกว่านาง แม้ใส่อาภรณ์ของนางแล้วหลวมโพรกไปบ้าง กลับดูผ่องใสขึ้นไม่น้อย
หลูซื่อแต่งกายเรียบร้อยอย่างคล่องแคล่วว่องไว ก็ไปสางผมให้อี๋อวี้ที่เพิ่งยกกางเกงทรงขาสอบสีเขียวอ่อนขึ้นสวมอย่างงุ่มง่ามยืดยาด นางหยิบเชือกผูกผมสีเหลืองอ่อนมาสองเส้นและแบ่งผมบุตรสาวเป็นสองช่อ ถักด้วยกันเป็นเปียสี่เส้นม้วนขดไว้ตรงท้ายทอยแล้วผูกปลายเป็นเงื่อนผีเสื้อสี่แฉก จากนั้นลูบผมม้าให้เรียบ ถึงคว้าเสื้อคลุมป้ายข้างไม่สั้นไม่ยาวสีเดียวกันบนเตียงมาสวมให้
ถึงอี๋อวี้จะเคยชินกับการตื่นเช้า แต่ทุกวันหลังตื่นนอนครู่หนึ่งจะมีท่าทางอืดอาดเฉื่อยชาไม่มากก็น้อย นางสะลึมสะลือยืดแขนยกขาตามความต้องการของหลูซื่อไปโดยไม่รู้สึกตัว บันดาลให้หลิวเซียงเซียงเห็นนางในลักษณะนี้เป็นคราแรกปิดปากลอบหัวเราะอยู่ด้านข้าง