ไม่รู้ว่าสองสามวันก่อนเขาล่อหลอกให้หลิวเซียงเซียงประทับลายนิ้วมือในสัญญาขายตัวได้อย่างไร จนวันก่อนตอนบ่ายเจิ้งลี่ให้คนมาส่งสารที่หมู่บ้านเค่าซาน บอกให้สกุลหลิวจัดเก็บข้าวของแล้วส่งตัวบุตรสาวไปให้เขาวันพรุ่งนี้ จ้าวซื่อ มารดาของหลิวเซียงเซียงถึงได้รู้เรื่องนี้
จนปัญญาที่บิดาของหลิวเซียงเซียงด่วนจากไป ในเรือนมีมารดาเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียว พี่ชายแท้ๆ ยังบีบคั้นให้นางไปเป็นบ่าวไพร่คนอื่นชดใช้หนี้สิน เด็กสาวซึ่งเฝ้ารอออกเรือนด้วยใจจดจ่อพลันพบกับความสิ้นหวัง นางไปที่ต้นไม้ด้านหลังหมู่บ้านตั้งใจจะผูกคอตายเมื่อวานนี้ เคราะห์ดีที่ป้าสะใภ้หนิวผ่านไปพบเข้าถึงหว่านล้อมให้กลับเรือน
สำหรับหลิวกุ้ยผู้นั้น เมื่อเย็นวานเขารุดออกจากตำบลจางกลับมาที่หมู่บ้านเค่าซานด้วยเหตุผลกลใดก็สุดรู้ ได้พบกับป้าสะใภ้หนิวที่พาหลิวเซียงเซียงกลับมาส่งพอดี ทำให้จ้าวซื่อรู้ว่าบุตรสาวเพิ่งคิดสั้น จึงยื้อยุดบุตรชายไว้จนเกิดเรื่องเกิดราวขึ้นเมื่อคืนนี้
เมื่อฟังหลูซื่อเล่าจบ อี๋อวี้ลอบสะทกสะท้อนใจ เป็นครอบครัวที่ปราศจากบิดาดุจเดียวกัน นางมีทั้งมารดาและพี่ชายดูแล ทว่าหลิวเซียงเซียงกลับถูกพี่ชายแท้ๆ ของตนเห็นเป็นเช่นทรัพย์สินมอบต่อให้ผู้อื่น
“แม่ไม่กลัวว่าพวกเจ้าอายุยังน้อย ได้ยินเรื่องที่ไม่สมควรฟังแล้วจะแปดเปื้อนหู ขอเพียงเป็นคนย่อมต้องทำเรื่องที่ผิดพลั้งสักวัน แต่สิ่งที่หลิวกุ้ยผู้นั้นกระทำมิใช่แค่คำว่าผิดคำเดียว จื้อเอ๋อร์ จวิ้นเอ๋อร์ แม่เลี้ยงดูสั่งสอนพวกเจ้าสองคนมาจนเติบใหญ่กับมือ ไม่เคยอาศัยไหว้วานคนอื่น แม่รู้ดีว่าลูกๆ ของแม่เป็นคนอย่างไร ถึงไม่หวั่นใจว่าภายภาคหน้าพวกเจ้าจะเป็นเช่นเดียวกับเจ้าคนเลวยิ่งกว่าเดรัจฉานนั่น” หลูซื่อกล่าวถึงตรงนี้แล้วเว้นจังหวะเล็กน้อย ดวงตาของนางทอแววระมัดระวังยิ่ง
“แม่ตั้งใจจะเอาเงินในเรือนออกมาห้าก้วน เป็นเงินก้อนแรกตั้งต้น ผู้ใหญ่บ้านจะได้ระดมเงินจากคนทั้งหมู่บ้านไปให้สกุลหลิวไถ่สัญญาขายตัวของเซียงเซียงคืนมา หมู่บ้านเรามียี่สิบเจ็ดเรือน ทุกเรือนช่วยกันสมทบคนละครึ่งก้วนหนึ่งก้วนก็พอแล้ว แค่ว่าเงินห้าก้วนนี้แม่จะใช้สร้างเรือนและซื้อเครื่องเรือนเพิ่มเติมให้พวกเจ้าสองคนหลังเก็บเกี่ยวพืชผลปีหน้า ฉะนั้นแม่ให้พวกเจ้าเป็นผู้ตัดสินใจว่าอยากได้เรือนหลังใหม่หรือช่วยเหลือสตรีน่าสงสารที่ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับพวกเจ้า”
หลูซื่อเอ่ยถ้อยคำนี้จบก็จ้องเขม็งที่บุตรชายสองคนรอคำตอบของพวกเขา อันที่จริงนางหายใจไม่ทั่วท้องอยู่เช่นกัน ด้วยไม่ว่าอย่างไรนางก็จะให้ยืมเงินก้อนนี้ เพียงจะอาศัยเรื่องนี้ทดสอบคุณธรรมของบุตรชาย หวังว่าพวกเขาจะไม่ทำให้นางผิดหวังจึงจะดี
“ต้องให้ยืมสิขอรับ จะให้พี่เซียงเซียงแต่งงานกับอันธพาลไม่ได้!” เมื่อคืนหลูจวิ้นไม่ได้ไปมุงดูที่เรือนสกุลหลิว เมื่อครู่นี้ได้ยินมารดาเล่าเรื่องของเซียงเซียงจบ เขาก็เริ่มยั้งปากไม่ค่อยอยู่แล้ว หากไม่ใช่บรรยากาศเคร่งเครียดเหลือเกิน เขาคงเต้นผางๆ โวยวายไปนานแล้ว
อี๋อวี้มองดูหลูจวิ้นที่ข่มใจจนสองแก้มแดงก่ำด้วยสีหน้าแปลกชอบกล ไม่รู้เหตุใดนางรู้สึกว่าท่าทางพลุ่งพล่านของเขาดูน่าสงสัยอย่างยิ่ง
หลูจื้อรอหลูจวิ้นแสดงความเห็นจบ ถึงเอ่ยปากเนิบๆ “เรื่องเรือนพวกเรายังพออยู่กันได้ ไม่ต้องรีบร้อนตอนนี้ ช่วยคนสำคัญกว่าขอรับ”
หลูจวิ้นพูดผสมโรงอย่างรวดเร็ว “ใช่ๆๆๆ พี่ใหญ่พูดถูก ใช่ว่าเรือนของพวกเราอาศัยอยู่ไม่ได้สักหน่อย รอไว้ค่อยสร้างหลังใหม่อีกทีวันหลังก็ไม่สาย ท่านแม่ พวกเรารีบเอาเงินไปให้สกุลหลิวเถอะ เกิดช้าไปพี่เซียงเซียงคงต้องออกเรือนไปกับคนเลว”
ตอนพูดคำว่า ‘ออกเรือนไปกับคนเลว’ หลูจวิ้นกัดฟันกรอดๆ อี๋อวี้แจ่มแจ้งในบัดดล รู้ว่าเพราะอะไรตนเองรู้สึกผิดปกติ ที่แท้สีหน้าแบบนั้นของหลูจวิ้นเหมือนถูกคนอื่นแย่งภรรยาไปต่อหน้าต่อตาอย่างไรอย่างนั้น!
แม้นางไม่เคยเห็นหน้าของหลิวเซียงเซียงมาก่อน แต่ได้ยินมาว่าเป็นคนสะสวย หลูจวิ้นจะสิบขวบแล้ว เด็กในยุคโบราณล้วนเป็นผู้ใหญ่เร็วมาก จะบอกว่าเขามีคนที่แอบหลงรักอยู่ก็มิใช่เรื่องแปลก ดูเหมือนหลิวเซียงเซียงยังโตกว่าเขาสองสามปี ไม่รู้ว่าหลูจวิ้นถูกตาต้องใจในรูปโฉมงดงามของเด็กสาว หรือชมชอบคนที่มีอายุมากกว่า