ด้านนี้สองคนแม่ลูกยังต่อล้อต่อเถียงกันอยู่ ประตูหน้าที่ว่าการทาสีแดงเข้มถูกผลักเปิดออกอย่างช้าๆ เจ้าหน้าที่ชุดเทาแปดคนวิ่งเหยาะๆ ออกมาแล้วตวาดไล่กลุ่มคนที่ห้อมล้อมอยู่ให้ถอยห่างออกไป เมื่อเว้นที่ว่างห่างจากกำแพงด้านหนึ่งของที่ว่าการได้เจ็ดแปดก้าว เสมียนของที่ว่าการในชุดขุนนางสีน้ำตาลเข้มอีกคนหนึ่งประคองม้วนกระดาษไว้ในมือก้าวออกทางด้านในของประตู มีเจ้าหน้าที่สองคอยคนคุ้มกันไปจนถึงตรงหน้ากำแพง เขาหยุดยืนแล้วยื่นม้วนประกาศผลสอบให้สองคนนั้นช่วยกันคลี่ออกติดบนกำแพง
รอจนเจ้าหน้าที่คุ้มกันเสมียนผู้นั้นย้อนกลับไปยังหน้าประตูที่ว่าการอีกครา เขาถึงตะโกนเสียงดังว่า “ดูประกาศได้!”
หมู่สามัญชนที่ยำเกรงในบารมีของที่ว่าการจนไม่กล้าเข้าไปใกล้ในทีแรกต่างกรูเข้าไปพร้อมกัน
หลูจวิ้นสบช่องมุดตัวลอดเข้าไปในฝูงชน หลูซื่อมือหนึ่งจูงอี๋อวี้ มือหนึ่งจูงหลูจื้อก้าวถอยไปด้านหลัง เมื่อครู่ทันทีที่สิ้นเสียงเสมียนผู้นั้น ผู้คนด้านข้างเบียดเสียดกันอยู่พักหนึ่งแล้วพากันวิ่งไปอยู่ข้างหน้ากันหมด ตอนนี้รอบตัวสามแม่ลูกจึงว่างเปล่าลงทันใด
“เหตุใดยังไม่เห็นกลับมาอีกนะ หาชื่อชื่อเดียวมันยากเย็นปานนั้นหรือ” ทั้งสามถอยไปอยู่ใต้ต้นไม้เก่าแก่ต้นหนึ่งหน้าโรงเตี๊ยมฝั่งตรงข้ามของที่ว่าการไม่ทันไร หลูซื่อก็อ้าปากพูด
“ท่านแม่ น้องรองเพิ่งเบียดเข้าไปเองขอรับ” หลูจื้อถอนใจเฮือกหนึ่ง ปล่อยให้มารดากุมมือข้างหนึ่งของเขาไว้แน่น
“ใช่เจ้าค่ะท่านแม่ คนเยอะขนาดนั้น พี่รองจะออกมาเร็วเพียงนั้นได้ที่ไหนกัน” อี๋อวี้สอดปากขึ้นบ้าง นางไม่กังวลใจอย่างหลูซื่อ นางเชื่อมั่นในความสามารถของหลูจื้อถึงเก้าส่วน ที่เผื่อใจไว้ส่วนหนึ่งแค่เป็นห่วงว่าจะมีอะไรไม่คาดฝันเท่านั้นเอง
หลูซื่อได้ยินคำพูดของลูกสองคนแล้วพยักหน้าไม่กล่าววาจาอีก เพียงเขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อย สองตาจับจ้องไปทางแผ่นประกาศผลสอบแผ่นนั้นนิ่งๆ ราวกับว่าทำเช่นนี้แล้ว นางจะมองหาร่างของหลูจวิ้นท่ามกลางฝูงชนกลุ่มใหญ่นั่นได้
อี๋อวี้มองดูผู้คนเบียดเสียดกันที่อีกฟากหนึ่งของถนน พลางแยกแยะเสียงเอ็ดอึงที่ดังมากระทบหูได้ว่าเป็นเสียงโห่ร้องหรือเสียงร่ำไห้ มันพาให้หวนนึกไปถึงตอนที่ตนเองสอบเข้ามหาวิทยาลัย ใช้โทรศัพท์สาธารณะที่ป้อมยามหน้าประตูสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโทรไปสอบถามคะแนน ความรู้สึกในยามนั้นคงจะเหมือนกับบัณฑิตเบื้องหน้าสายตากลุ่มนี้ ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวังระคนวิตกกังวล รอเมื่อรู้ผลแล้วจะมีกี่คนที่ดีใจและกี่คนที่เสียใจเล่า
“ท่านแม่!” หลูจวิ้นยังไม่ย่างเข้าวัยแตกพาน แม้นบนถนนจะอึกทึกเซ็งแซ่ เสียงพูดกังวานใสของเขายังลอยมากระทบโสตประสาทของอี๋อวี้ก่อน ต่อจากนั้นนางเพียงรู้สึกว่ามีเงาคนวาบผ่านข้างกายไปทันที เป็นหลูซื่อทะยานกายออกไปจับตัวหลูจวิ้นที่เพิ่งตะเกียกตะกายออกมาจากกลุ่มคน
“เป็นอย่างไร หาเจอหรือไม่!” หลูจวิ้นแออัดยัดเยียดอยู่กลางฝูงชนจนหน้ามืดตาลายอยู่แล้ว ซ้ำยังถูกรมด้วยกลิ่นนานาชนิดๆ จนวิงเวียนศีรษะ ครั้นโดนหลูซื่อฉุดดึงไปกะทันหัน อย่าว่าแต่จะพูดตอบเลย กระทั่งทิศทางยังแยกไม่ออกแล้ว
“เจ้าพูดอะไรบ้างสิ เห็นชื่อของพี่ใหญ่เจ้าหรือไม่” ชั่วขณะนี้หลูซื่อไม่คำนึงถึงว่าเสื้อผ้าผมเผ้าของบุตรชายคนรองของตนหลุดลุ่ยยุ่งเหยิง เห็นเขายืนทื่อเป็นเบื้อใบ้ก็อยากจะซัดฝ่ามือใส่เขาอีกสักทีใจจะขาด
อี๋อวี้กับหลูจื้อที่ใต้ต้นไม้เห็นแล้วรีบเข้าไปห้าม หลูจื้อกล่าวว่า “ท่านแม่ ให้น้องรองหยุดพักหายใจก่อนขอรับ”
“…ท่านแม่” หลูจวิ้นผ่อนลมหายใจได้เป็นปกติอย่างไม่ง่ายดาย เขาฉีกปากกว้างอวดไรฟันขาววาววับที่ได้อี๋อวี้คอยตรวจความสะอาดมาหลายปี ส่งยิ้มให้สามคนตรงหน้าที่มีสีหน้าวาดหวังเต็มเปี่ยม พร้อมกับพูดเสียงดัง “ท่านแม่ ลูกวิ่งได้เร็วที่สุด ไม่มีใครเบียดข้ากระเด็นได้ขอรับ”
อี๋อวี้เห็นท่าทางแสนซื่อของพี่รองแล้วหางตากระตุกริก นางเบือนหน้าไปอีกทางหนึ่ง อึดใจต่อมาได้ยินเสียงดังทึบๆ คละเคล้าเสียงโอดโอยของหลูจวิ้น
“ร้องอะไร บอกมาเร็วเข้า” ถึงเห็นท่าทางของบุตรชายคนรองแล้วคลายใจลงได้เจ็ดส่วน หลูซื่อก็ยังอยากฟังจากปากเขาให้แน่ใจเลยประเคนฝ่ามือลงไป
“โอ๊ย! ท่านแม่ตีข้าอีกแล้วนะ” หลูจวิ้นเจ็บที่ท้ายทอย บนใบหน้าแฝงรอยคับข้องหมองใจสามส่วน แต่เห็นมารดาถลึงตาใส่ก็กลัวจะถูกตบหัวอีก เขารีบพูดเสียงรัวเร็ว “มีๆๆๆ มีชื่อของพี่ใหญ่ ซ้ำยังอยู่ด้านบนสุดด้วย ฮ่าๆ พอข้าไปถึงก็มองเห็นเลย…”
เพียงพูดถึงตรงนี้ คำพูดทวงความชอบด้านหลังก็ไม่มีคนฟังต่ออีก หลูซื่อโอบตัวหลูจื้อที่ตัวสูงเท่ากับนางแล้วเข้ามากอดหมับ พลางเอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะ “ลูกชายคนเก่ง ลูกชายคนเก่งของแม่!”
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่ใหญ่ต้องสอบผ่านแน่” อี๋อวี้ยิ้มจนตาหยีอยู่ด้านข้าง
ยามที่ชาวสกุลหลูทางนี้กำลังสุขสำราญบานใจ ฝูงชนอีกด้านหนึ่งกลับมีคนหมดสติถูกหามออกมามากมายหลายคน บ้างทนรับความสะเทือนใจไม่ไหวเพราะมีชื่ออยู่หลังซุนซาน บ้างกลับตื่นเต้นเกินไปเพราะมีชื่ออยู่บนแผ่นประกาศ กระนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ตาม การสอบระดับมณฑลทั่วแผ่นดินได้ยุติลงอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้สอบผ่านสามารถเตรียมตัวเข้าเมืองหลวงไปรายงานตัวต่อผู้คุมสอบได้ ส่วนผู้สอบไม่ผ่านคงได้แต่รอลองใหม่อีกคราในปีหน้าแล้ว