ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นางแอ่นขับขาน สกุณาแซ่ซ้อง บทที่ 1-2
เขาคลี่ยิ้มบางๆ พลางเก็บกลอนใส่แขนเสื้อ จากนั้นก็ตกรางวัลเป็นเงินเล็กน้อยให้เป่าซั่น “เจ้าต้องดูแล ‘ดอกหญ้าแสนงาม’ ของข้าให้ดีเล่า ถึงเวลาเมื่อไรข้าจะมาแต่งนางเข้าจวน”
เป่าซั่นหน้าแดงวาบ นึกปีติแทนคุณหนูของตนอยู่ในใจ ก่อนจะหมุนตัววิ่งออกไปอย่างเริงร่า
อวี้ซูสาวใช้ประจำตัวเสิ่นกุยหย่ายืนรออยู่อีกด้านมาโดยตลอด พอพิธีถามชื่อและเวลาตกฟากเสร็จสิ้นลง นางก็ปรี่เข้าไปพูดกับกู้เจาตงที่กำลังจะกลับไป “คุณหนูเชิญคุณชายไปพบกันนอกจวนที่โรงเตี๊ยมสามกระจ่างเจ้าค่ะ”
กู้เจาตงไม่เคยมาเยือนจวนสกุลเสิ่น จึงไม่รู้จักสาวใช้คนอื่นนอกจากเป่าซั่น ทว่าอวี้ซูเดินลิ่วออกไปทันทีที่พูดจบ ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ซักถาม ตรองไปตรองมา แม้จะไม่รู้ว่าเป็นคุณหนูคนใด เขาก็ยังไปพบอีกฝ่ายเพื่อรักษามารยาท
ปรากฏว่าคนที่รอเขาอยู่ที่นั่นคือเสิ่นกุยหย่า เมื่อบานประตูปิดลงเขาก็ได้กลิ่นกำยานหอมอบอวลอยู่ในห้อง กู้เจาตงเอะใจหมายจะกลับออกไป ทว่าเด็กสาวกลับพูดขึ้น “พี่เยี่ยนกำลังเดือดร้อน หย่าเอ๋อร์ต้องยอมเสี่ยงครั้งใหญ่นำความมาบอกคุณชาย คุณชายจะออกไปโดยไม่อยู่ฟังจริงๆ หรือเจ้าคะ”
กู้เจาตงชะงักเท้า ขมวดคิ้วมองนาง “ชายหญิงอยู่ด้วยกันตามลำพังไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ซ้ำคุณหนูก็ยังไม่ได้ออกเรือน”
“เรื่องเกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของพี่เยี่ยน คุณชายยังมัวห่วงธรรมเนียมพวกนี้อยู่อีกหรือเจ้าคะ” เสิ่นกุยหย่าร้องหึเบาๆ แล้วรีบดึงเขากลับเข้ามาข้างใน “ท่านอยู่ฟังข้าพูดก่อนเถิด…”
กลิ่นกำยานอันแสนรัญจวนกำซาบเข้านาสิกในขณะที่กู้เจาตงรอฟังนั้นเอง จากนั้น…ไหนเลยจะมีถ้อยคำใดให้กล่าวต่ออีก
สามวันหลังพิธีถามชื่อและเวลาตกฟาก ใบหน้าของเสิ่นกุยเยี่ยนหายบวมมากแล้ว หากนางใส่ผ้าแพรคลุมหน้าก็พอจะออกมาเจอผู้คนได้
“คุณหนู คุณชายกู้ส่งจดหมายมาเจ้าค่ะ” เป่าซั่นเดินเข้ามากระซิบกระซาบพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้า “จะแต่งงานกันอยู่รอมร่อแล้วแท้ๆ ความคิดถึงยังรุนแรงเกินกว่าจะเก็บซ่อนไหว คุณชายกู้นัดคุณหนูไปพบกันใต้ต้นหลิวต้นที่สามริมแม่น้ำชิงเหอ เวลาดียามพลบค่ำเจ้าค่ะ”
เสิ่นกุยเยี่ยนผงกศีรษะ ใบหน้าแดงเรื่อ “ข้าจะไปเตรียมตัวเดี๋ยวนี้ เป่าซั่น เลือกเสื้อผ้าให้ข้าสักชุดสิ”
เนื่องจากใกล้ออกเรือนเต็มที เสิ่นกุยเยี่ยนจึงพอจะมีเสื้อผ้าอาภรณ์อยู่บ้าง เป่าซั่นเลือกชุดใหม่ที่สุดมาให้ แล้วจัดแจงหวีผมพร้อมติดเครื่องประดับให้นาง ก่อนที่นายและบ่าวจะพากันแอบออกทางประตูเล็กด้านหลังจวนซึ่งปลอดคน
ท้องฟ้าเป็นสีแดงอมส้มแล้ว เสิ่นกุยเยี่ยนก้าวเดินอย่างตื่นเต้นจนเป่าซั่นตามแทบไม่ทัน เมื่อใกล้ถึงริมแม่น้ำชิงเหอนางถึงค่อยชะลอฝีเท้า เปลี่ยนเป็นเยื้องย่างเนิบนาบเช่นที่คุณหนูตระกูลใหญ่พึงทำ
กู้เจาตงมารออยู่ริมแม่น้ำนานแล้ว เนื้อตัวเกร็งเครียด วันนี้เขาสวมอาภรณ์สีหมึกทั้งชุด ดูผอมบางลงถนัดตา
“เยี่ยนเอ๋อร์” เขาเอ่ยเรียกเบาๆ เมื่อเห็นนาง
เสิ่นกุยเยี่ยนขานรับ แล้วหยุดยืนห่างจากเขาสามก้าว “คุณชายนัดข้ามาพบ ไม่ทราบว่ามีธุระอันใดหรือเจ้าคะ”
กู้เจาตงสีหน้าไม่สู้ดีนัก หลังจากละล้าละลังอยู่พักใหญ่ก็เอ่ยออกมาในที่สุด “หากว่า…หากว่าข้ามีสัมพันธ์ทางกายกับหญิงอื่น เจ้าจะตำหนิข้าหรือไม่”
เสิ่นกุยเยี่ยนผงะไปเล็กน้อย มองอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ
“น้องห้าของเจ้า…มีสัมพันธ์ทางกายกับข้า” เขาหลับตาลงแล้วโพล่งบอกไปตรงๆ “แต่นางทำผิดจารีตก่อน ไม่มีทั้งแม่สื่อแม่ชัก ไม่มีทั้งหนังสือแต่งงาน ข้าไม่มีวันยอมเด็ดขาด แต่ถึงอย่างไรเรื่องเช่นนี้ข้าก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี…กระนั้นข้าก็ปฏิเสธไมตรีนางไปแล้ว”
ราวกับถูกน้ำเย็นจัดราดรดลงบนร่างจนหนาวสะท้านไปถึงหัวใจ เสิ่นกุยเยี่ยนอดคิดไม่ได้ว่าน้องสาวต่างมารดาช่างทุ่มเทเหลือเกิน ขนาดเรื่องพรรค์นี้ยังทำลง แล้วยังมีหน้ามาหาว่านางไร้ยางอายอีก
ไร้คำสั่งของบิดามารดา ไร้การชักนำของแม่สื่อ ยังกล้าเอาตัวไปมอบให้กู้เจาตงเองอีกหรือ โบราณว่าไว้ ผูกสัมพันธ์ตามจารีตครบขั้นตอนคือภรรยา หากได้มาผิดครรลองคืออนุ แต่เสิ่นกุยหย่าไม่เคยอ่านหนังสือหนังหา จะไม่เคยได้ยินประโยคนี้ก็ไม่น่าแปลกอะไร
มิหนำซ้ำกู้เจาตงยังเป็นว่าที่พี่เขยอีกด้วย
เสิ่นกุยเยี่ยนหัวเราะเบาๆ ไม่รู้สึกอยากจะพูดอะไรกับเขาอีก ได้แต่ย่อกายคารวะแล้วหันหลังเดินกลับไป
“เยี่ยนเอ๋อร์ อย่าเกลียดข้าเลยนะ” ฝ่ายนั้นขมวดคิ้ว “ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
ไม่ได้ตั้งใจ? เป็นบุรุษอกสามศอกแท้ๆ ยังอุตส่าห์ตกลงไปในอุบายของเด็กสาวตัวเล็กๆ ได้ เสิ่นกุยเยี่ยนถอนหายใจยาวเหยียด ถึงอย่างไรก็ขอกลับไปดูสถานการณ์ก่อนดีกว่า
คิดเอาเองว่าเมื่อพลีกายให้ก็สามารถแต่งเข้าสกุลกู้ได้อย่างนั้นหรือ น้องสาวจอมบ้าบิ่นของนางช่างโง่เง่าราวกับมีแต่เต้าฮวยอยู่ในหัวจริงๆ ตอนนี้ถูกปฏิเสธเสียแล้ว ไม่รู้ว่าต่อไปยังจะออกเรือนได้อีกหรือไม่
นางตั้งใจจะไปดูที่หอตระการเมื่อกลับถึงจวน ปรากฏว่าเพิ่งจะมาถึงกลางทางก็เห็นอวี้ซูนำทางเสิ่นฮูหยินเข้าไปข้างในอย่างร้อนรน
“เกิดอะไรขึ้น” เป่าซั่นรีบไปดึงอวี้ซูมาถาม “ใครป่วยหรือ ถึงได้ร้อนใจเพียงนี้”
อวี้ซูสลัดอีกฝ่ายออกจากตัวพร้อมตวาดอย่างโมโห “หลีกไป หากทำให้เสียเวลาจนคุณหนูของข้าถึงแก่ชีวิต หน้าไหนก็รับผิดชอบไม่ไหวทั้งนั้น!”
* อี๋เหนียง เป็นคำเรียกอนุภรรยา
** ถามชื่อกับเวลาตกฟาก เป็นขั้นตอนหนึ่งในหกพิธีตามธรรมเนียมการแต่งงานสมัยโบราณของจีน
*** ก้านธูป เป็นคำเรียกเวลาโดยประมาณของคนจีนโบราณ บางตำราว่าประมาณครึ่งชั่วโมง บางตำราว่า 1 ชั่วโมง
* ซิ่ง หมายถึงแอปปริคอต เป็นพืชตระกูลเดียวกับต้นเหมย (บ๊วย) ชาวจีนมักเปรียบความงามของดวงตาหญิงสาวว่ากลมโตเหมือนเมล็ดซิ่ง
* ฉื่อ (เชียะ) เป็นหน่วยวัดความยาวของจีนสมัยโบราณ เทียบระยะประมาณ 10 นิ้ว หรือหนึ่งส่วนสามเมตร ปัจจุบันยังใช้คำนี้ในความหมายว่า ‘ฟุต’
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 10 มิ.ย. 66 เวลา 12.00 น.