ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นิยายเรื่องนี้ข้าไม่ได้เขียน! เล่ม 3 บทที่ 3-4
ต่อให้ที่ผ่านมาเขาจะเป็นคนเยือกเย็นยิ่งกว่านี้ สุขุมยิ่งกว่านี้ แต่ยามนี้เมื่อได้รับรู้เรื่องราวนี้อย่างกะทันหัน เขายังคงรู้สึกว่าตลอดทั้งตัวราวกับถูกค้อนเหล็กกระหน่ำทุบ สองหูมีเสียงดังกัมปนาท มือเท้าเย็นเฉียบ
จากนั้นทั้งร่างเขาก็ราวกับเส้นบะหมี่ที่ถูกลวกผ่านน้ำเดือดอยู่หลายหน นุ่มราวกับดินโคลนลื่นไถลลงมาตามประตูไม้และทรุดอยู่บนพื้นอย่างหมดแรง
ที่แท้เขาก็มีชาติกำเนิดที่ไม่อาจให้ผู้อื่นรับรู้ได้เช่นนี้เอง บุตรของสตรีที่ถูกขืนใจ! หลี่เหวยหยวนยิ้มขื่นอย่างไร้กำลัง ชะตาชีวิตช่างเล่นตลกกับเขานัก ช่วงก่อนอายุสิบสามสิบสี่เขาถูกคนในจวนสกุลหลี่กดขี่กลั่นแกล้งถึงเพียงนั้น ช่วงหลังมานี้สถานการณ์เริ่มจะดีขึ้นมาบ้างแล้ว ยามนี้กลับให้เขามารับรู้ว่าตนเองมีชาติกำเนิดที่รับไม่ได้เช่นนี้
หลี่เหวยหยวนซุกศีรษะซ่อนเข้าไปในอ้อมแขนตนเองด้วยจิตใจอันหดหู่
ทว่าต่อมาเขาก็เงยหน้าขึ้น ในดวงตาไม่เหลือสีแห่งความหมองเศร้าอีกต่อไป กลับกันยังเปล่งประกายสว่างไสว
หากเขาไม่ใช่บุตรของหลี่ซิวซงจริงๆ เช่นนั้นก็หมายความว่าเขากับหลี่หลิงหว่านไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดอันใดต่อกัน เขากับนางไม่ได้เป็นลูกพี่ลูกน้องกันตั้งแต่แรกแล้ว นั่นมิใช่หมายความว่า…
คิดมาถึงตรงนี้หลี่เหวยหยวนก็รู้สึกว่าหัวใจที่เพิ่งจะตายลงไปนั้น จู่ๆ ก็เริ่มเต้นกระหน่ำขึ้นมา ความยินดีอย่างบ้าคลั่งกำลังถาโถมใส่เขา สองมือสั่นสะท้านน้อยๆ เพราะความตื่นเต้น
ชั่วพริบตานั้นเขาพลันรู้สึกว่าเทพแห่งโชคชะตาได้ปฏิบัติต่อเขาอย่างเมตตานัก ขอเพียงตลอดชีวิตนี้หลี่หลิงหว่านสามารถอยู่ข้างกายเขาได้ ไม่ว่าเขาจะมีชาติกำเนิดน่าอัปยศอดสูเพียงใดก็ได้ทั้งนั้น
เขาไม่สน! ทั้งหมดนี้เขาล้วนไม่สนใจ! ขอเพียงระหว่างเขากับหลี่หลิงหว่านไม่ใช่ลูกพี่ลูกน้องกัน ต่อให้ยามนี้มีคนบอกว่าเขาเป็นบุตรของมารร้าย เขาก็ล้วนรู้สึกปีติยินดีทั้งสิ้น
ตลอดทั้งร่างพลุ่งพล่านไปด้วยความยินดี หลี่เหวยหยวนจับประตูไม้ที่อยู่ด้านหลังพยุงตนเองให้ลุกยืนขึ้นมา บนใบหน้าประดับรอยยิ้มที่ออกมาจากข้างใน
ในยามนั้นเขาก็ได้ยินเสียงปึกดังสนั่น ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงตู้ซื่อกัดฟันไล่บี้ซักถามว่าหลี่หลิงหว่านเป็นใครกันแน่ เหตุใดถึงรู้เรื่องราวมากมายขนาดนี้ ทว่ากลับมีเพียงเสียงอู้อี้ไม่ชัดเจน ทั้งยังเจ็บปวดยิ่งของหลี่หลิงหว่าน
หัวใจของหลี่เหวยหยวนกระดอนขึ้นสูงอีกครั้ง เขาเร่งเดินไปมองผ่านบานประตู และเมื่อมองไปก็ต้องตกใจจนวิญญาณแทบหลุดลอย เขาเห็นตู้ซื่อมีใบหน้าบิดเบี้ยว สองมือกำลังบีบคอหลี่หลิงหว่านอย่างรุนแรง และหลี่หลิงหว่านก็ถูกนางบีบคอจนหน้าแดงไปหมด เส้นเลือดเขียวบนหน้าผากปูดโปนขึ้นมาทีละเส้นๆ ใกล้จะสิ้นลมหายใจอยู่แล้ว
ยามนั้นในใจหลี่เหวยหยวนตื่นตระหนกยิ่งนัก เขาไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องอื่น เพียงรีบร้อนพุ่งเข้าไป ยื่นมือออกแรงกระชากสองมือที่บีบคอหลี่หลิงหว่านพร้อมกับตวาดตู้ซื่อเสียงดัง “ปล่อยมือ!”
ทว่าตู้ซื่อราวกับหูหนวกอย่างไรอย่างนั้น นางยังคงใช้สองมือบีบคอหลี่หลิงหว่านแน่นอย่างสุดแรงโดยไม่ยอมปล่อย
หลี่เหวยหยวนในใจร้อนรนยิ่ง เขาจึงใช้แรงที่มีทั้งหมดกระชากตัวตู้ซื่อออก รอจนกระชากนางออกมาแล้ว ตู้ซื่อก็ทรงตัวไม่อยู่เซไปทางด้านข้างอย่างแรง เสียงปึกดังสนั่นขึ้น แต่หนนี้หลี่เหวยหยวนไม่มีเวลาไปสนใจมอง เขาเพียงพุ่งเข้าไป สองมือประคองหลี่หลิงหว่านที่ลื่นไถลลงมาตามประตูไม้ที่ด้านหลังราวกับโคลนเหลวๆ พร้อมกับเอ่ยถามนางไม่หยุด “หว่านวาน หว่านวาน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
หลี่หลิงหว่านพูดไม่ออก นางรู้สึกเหมือนลำคอถูกเม็ดทรายหยาบหนาครูดผ่านอย่างไรอย่างนั้น เจ็บปวดจนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว หลังจากนั้นก็มีอาการไอราวกับจะฉีกกระชากปอดออกมา ไอจนใบหน้าแดงก่ำไปทั้งหน้า ตลอดทั้งร่างยิ่งปราศจากเรี่ยวแรง กระทั่งนิ้วมือยังขยับไม่ได้
หลี่เหวยหยวนมองท่าทางเช่นนี้ของหลี่หลิงหว่านแล้วในใจก็โศกเศร้ายิ่งนัก ทั้งยังวิตกอย่างที่สุด เขารีบโอบนางเข้ามาในอ้อมกอด ทางหนึ่งลูบหลังให้นางอย่างช้าๆ ช่วยให้นางหายใจได้สะดวกขึ้น ทั้งยังพยายามทำให้เสียงตนเองฟังดูไม่ร้อนรนถึงเพียงนั้น ค่อยๆ ชี้แนะนาง “หว่านวาน หายใจเข้า…แล้วผ่อนออกทางปาก ใช่แล้ว เด็กดี แบบนี้แหละ ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ ทำ หายใจเข้าอีกครั้ง…ออก”
หลี่เหวยหยวนปลอบโยนอยู่ครู่ใหญ่ หลี่หลิงหว่านถึงค่อยหายใจสะดวกขึ้นมา ลมหายใจก็ปลอดโปร่งขึ้น นางเอ่ยเรียกเขาเสียงแหบแห้ง “พี่ชาย”
หลี่เหวยหยวนได้ยินนางเรียก ในใจจึงสงบลงได้บ้าง ทว่ายังคงเต็มไปด้วยความปวดใจและรักถนอม
“หว่านวาน” เขาโอบกอดนางแน่น ปลายคางวางอยู่บนศีรษะนาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เหตุใดเจ้าถึงได้โง่งมเช่นนี้ มาที่นี่ทำไมกัน หากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เจ้าจะให้พี่ชายทำเช่นไร”
ประโยคสนทนาระหว่างหลี่หลิงหว่านกับตู้ซื่อเมื่อครู่นี้เขาได้ยินแทบจะไม่มีตกหล่นเลยแม้แต่คำเดียว เขาจึงรู้ว่าที่หลี่หลิงหว่านไม่เกรงกลัวอันตราย มาหาตู้ซื่อในยามดึกดื่นเช่นนี้ ก็เพียงแค่หวังให้ภายภาคหน้าตู้ซื่อจะไม่ทุบตีด่าว่าเขาอีกต่อไปเท่านั้น
เมื่อรู้ว่าหลี่หลิงหว่านคิดเพื่อเขาอย่างจริงใจขนาดนี้ เขาจะไม่ซาบซึ้งได้อย่างไร แขนที่โอบกอดนางจึงยิ่งเพิ่มแรงกอดรัดมากขึ้นไปอีก แทบอยากผสานตัวนางเข้ามาอยู่ในเลือดเนื้อของเขาทั้งแบบนี้
หลี่หลิงหว่านได้ยินคำพูดของเขา ในใจก็พลันส่งสัญญาณเตือนเสียงดังขึ้นมา
หลี่เหวยหยวนมาที่นี่ได้อย่างไร ที่สำคัญคือเขามาถึงตั้งแต่เมื่อใด ได้ยินบทสนทนาระหว่างนางกับตู้ซื่อหรือไม่ และได้ยินไปมากเพียงใด หากหลี่เหวยหยวนรู้ว่านางกับเขาไม่ได้เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ต่อจากนี้เขาจะทำตัวห่างเหินกับนางหรือไม่ จะไม่เหมือนแต่ก่อนที่รักถนอมนางราวกับเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเขาอีกแล้วหรือเปล่า ถ้าหากหลี่หลิงเยี่ยนโยนช่อมะกอกให้เขาหลายครั้งเข้า เขาก็จะไปเข้าข้างทางนั้นแทนหรือไม่ ถึงตอนนั้นจุดจบของนางจะยังสวยงามได้อีกหรือ