หลี่หลิงหว่านร้องไห้จนพูดอะไรไม่ออก ตอนนี้ในอกนางเต็มไปด้วยความหวาดผวาและความสิ้นหวัง ก่อนหน้านี้เกือบถูกตู้ซื่อบีบคอตาย ต่อมาได้หลี่เหวยหยวนช่วยเอาไว้แล้ว เพิ่งจะสงบสติลงได้ก็เห็นสภาพการตายของตู้ซื่อเข้าอีก หลังจากนั้นนางก็คิดเชื่อมโยงไปถึงจุดจบอันน่ารันทดในภายหลังของตนเอง คลื่นอารมณ์ขึ้นสุดลงสุดอยู่หลายหน ยามนี้ยังมาถูกหลี่เหวยหยวนกักตัวเอาไว้ ต่อให้อยากหนีเพียงใดก็หนีไม่รอด
จู่ๆ หลี่หลิงหว่านก็รู้สึกว่าศีรษะตนเองพลันหนักอึ้ง ก่อนจะปราศจากเรี่ยวแรงไปทั้งร่าง สุดท้ายสติก็ค่อยๆ เลือนราง ศีรษะเอนซบหลี่เหวยหยวนหมดสติไป
เมื่อเสียงร้องไห้ของหลี่หลิงหว่านหยุดลงไปกะทันหัน สองตาปิดสนิท หัวใจหลี่เหวยหยวนก็กระตุกอย่างรุนแรง ความหวาดหวั่นอันใหญ่หลวงถาโถมใส่เขาทันที
มือของหลี่เหวยหยวนสั่นระริกขณะที่ยื่นไปอังใต้จมูกหลี่หลิงหว่าน โชคยังดีที่ลมหายใจของนางสม่ำเสมอ เห็นทีจะเพียงแค่หมดสติไปเท่านั้น หลี่เหวยหยวนถึงสงบใจลงได้
หลี่เหวยหยวนจึงอุ้มหลี่หลิงหว่านขึ้นมา ให้นางนั่งพิงเสาบริเวณระเบียงทางเดิน ส่วนตนเองก็เดินเข้าเดินออกกำจัดร่องรอยที่บ่งบอกว่าเขากับหลี่หลิงหว่านเคยมาที่นี่ทิ้งไปจนหมดอย่างละเอียดลออ แม้แต่วัชพืชบริเวณที่ถูกทับแบนจากการที่เขากระโดดลงมาจากต้นไม้เมื่อครู่นี้ก็ยังทำให้กลับมานูนหนาดังเดิม มองดูแล้วไม่มีความแตกต่างจากวัชพืชบริเวณอื่นแต่อย่างใด
หลังทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยเขาก็เดินไปที่เบื้องหน้าตู้ซื่อและหลุบตามองนางอยู่พักหนึ่ง ความเจ็บปวด ความมึนงง และความชาหนึบในหัวใจยังคงมีอยู่
เลือดบนหน้าผากของตู้ซื่อกำลังจับตัวแข็งอย่างช้าๆ จนไม่อาจไหลลงมาได้อีก แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ บนพื้นก็ยังคงมีแอ่งเลือดสีแดงสดแอ่งใหญ่อยู่ ดวงตาของนางยังเบิกกว้าง มองตรงไปข้างหน้าด้วยความไม่ยินยอม
หลี่เหวยหยวนมองดูตู้ซื่อสักพักก็พลันคุกเข่าลงแล้วโน้มตัวโขกศีรษะให้นางสามครั้ง จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปปิดดวงตาที่เบิกกว้างของนาง ต่อให้ในหลายปีที่ผ่านมานางไม่เคยมอบความอบอุ่นให้เขาแม้แต่นิดเดียว ทั้งยังเอาแต่ดุด่าต่อว่าเขา ทุบตีเขาอย่างอำมหิต แต่สุดท้ายแล้วนางก็ยังเป็นคนมอบชีวิตให้กับเขา ในใจเขายังคงรู้สึกติดค้างและเสียใจที่พลั้งมือจนทำให้มารดาถึงแก่ชีวิตเช่นนี้
ใบหน้าของหลี่เหวยหยวนนิ่งสงบ ความเศร้า ความเจ็บปวด และความเย็นยะเยือกปนเปกันในจิตใจ แม้อยากจัดการฝังศพให้มารดาอย่างสมเกียรติ ทว่าเขาก็ไม่อาจให้เรื่องราวในวันนี้แพร่งพรายออกไปได้ เพราะอาจทำให้หลี่หลิงหว่านต้องเดือดร้อน ในใจจึงได้แต่กล่าวขอรับผิดกับมารดา
จากนั้นหลี่เหวยหยวนก็ลุกขึ้น เป่าตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะดับในครั้งเดียว แล้วเดินออกจากห้องนี้โดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับไป ก่อนจะโน้มตัวลงอุ้มหลี่หลิงหว่านขึ้นมาอย่างอ่อนโยน
รอจนออกมาจากประตูเรือนแล้วเขาก็วางร่างหลี่หลิงหว่านลง หันกลับไปใส่แม่กุญแจคล้องประตูอีกครั้งแล้วถือกุญแจไว้ ก่อนจะหันกลับมาอุ้มหลี่หลิงหว่านเดินไปยังทิศทางของเรือนอี๋เหออย่างรวดเร็ว ในยามที่ผ่านสระน้ำในสวนดอกไม้ เขาก็หยุดเท้าพลางเงื้อแขนขึ้น โยนลูกกุญแจทองแดงในมือลงไปในสระน้ำ
เสียงจ๋อมดังขึ้นเบาๆ ผิวน้ำเกิดเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ แต่ในเวลาอันรวดเร็วก็กลับมานิ่งสงบตามเดิมอีกครั้ง
หลี่เหวยหยวนยืนอยู่ข้างสระน้ำสักพักหนึ่ง ลมกลางคืนอันหนาวเหน็บบาดใบหน้าเขาราวกับคมดาบ กิ่งโกร๋นบนต้นสนที่ปลูกอยู่สองข้างทางขยับไหวไปมาอย่างบ้าคลั่ง
เขาหลุบตาลงมองหลี่หลิงหว่านที่อยู่ในอ้อมกอด นางยังคงหมดสติ สีแดงระเรื่อบนใบหน้าที่เกิดจากความตกใจและอารมณ์ที่พลุ่งพล่านยังคงไม่เลือนหายไปจนหมด ทว่าลมหายใจกลับสม่ำเสมอแล้ว
ขอเพียงแค่มีนางอยู่ ต่อให้เขารู้สึกว่าชีวิตนี้มีความจนใจและความอดสูมากกว่านี้ แต่สุดท้ายก็ยังมีค่าพอให้เขาอาลัยอาวรณ์ และมีแรงขับเคลื่อนให้เขาทุ่มเทพยายามมากยิ่งขึ้น
เขาก้มหน้าจุมพิตลงบนแก้มขวาของนางเล็กน้อย จากนั้นก็กอดนางแน่นขึ้น หมุนตัวจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันหน้ากลับไปมอง
ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว ชาติกำเนิดที่เกี่ยวข้องกับเขา ความสับสนมากมายของเขา รวมทั้งความเจ็บปวดอีกมากมายที่ได้รับมา นับแต่นี้ไปล้วนไม่อาจแผ้วพานเขาได้อีก ตลอดชีวิตนี้เขาจะต้องทำให้หลี่หลิงหว่านอยู่ข้างกายเขาอย่างมีความสุข ไม่มีผู้ใดสามารถแยกพวกเขาจากกันได้