ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน นิยายเรื่องนี้ข้าไม่ได้เขียน! เล่ม 3 บทที่ 5-6
บทที่หก
เหลียงเฟิงอวี่ที่อยู่ด้านนอกพอได้เห็นภาพเช่นนี้ก็โกรธจนมือไม้สั่น ในใจคิดว่า ข้าจะกลับไปหาบิดามารดาตอนนี้เลย บอกให้พวกเขาเชิญแม่สื่อมาสู่ขอน้องหว่านทันที นอกจากนี้จะหาวันมงคลแต่งนางกลับไปโดยเร็วที่สุด ถึงตอนนั้นไม่เพียงแค่ข้าจะได้พบหน้าน้องหว่านทุกวัน สุดท้ายหากหลี่เหวยหยวนอยากพบนางขึ้นมา ข้าก็อาศัยสถานะ ‘สามีของหลี่หลิงหว่าน’ บอกไม่ยินยอมให้หลี่เหวยหยวนพบหน้านางได้ ฮ่าๆ ทำให้อีกฝ่ายได้ลิ้มรสโทสะที่ข้าได้รับมาในวันนี้ทั้งหมดด้วย
คิดมาถึงตรงนี้ความหงุดหงิดในใจเหลียงเฟิงอวี่ก็สลายไปกว่าครึ่งในทันที ทั้งยังเร่งให้สาวใช้ผู้นั้นรีบพาเขาไปจากที่นี่ เขาต้องการจะกลับจวนก่วงผิงโหวทันที
ก่อนหน้านี้สาวใช้ผู้นั้นเห็นหลี่เหวยหยวนกับเหลียงเฟิงอวี่เผชิญหน้ากันเช่นนั้น ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจล่วงเกินได้ ไม่รู้ว่าสุดท้ายควรฟังผู้ใดกัน ตอนนี้กลับคิดไม่ถึงว่าเหลียงเฟิงอวี่จะเปิดปากพูดออกมาก่อนว่าต้องการกลับไป นั่นเป็นเรื่องที่ดีจนไม่อาจดีไปกว่านี้แล้วจริงๆ
นางผ่อนลมหายใจ จากนั้นบนใบหน้าก็ประดับรอยยิ้มขณะเอ่ยกับเหลียงเฟิงอวี่ “เชิญเหลียงซื่อจื่อตามบ่าวมาทางนี้เจ้าค่ะ”
ทั้งสองคนเพิ่งเดินไปได้ไม่เท่าไรก็เห็นว่าที่ด้านหน้ามีเด็กสาวผู้หนึ่งกำลังเด็ดกิ่งเหมยอยู่ เด็กสาวผู้นั้นสวมเสื้อบุซับในกระดุมผ่าหน้าคอตั้งสีฟ้ากระจ่างปักลายดอกกล้วยไม้ ช่วงล่างเป็นกระโปรงจีบรอบทำจากผ้าแพรสีเหลืองนวล เรือนร่างอรชรอ้อนแอ้น รูปโฉมงดงามบริสุทธิ์
เมื่อสาวใช้เห็นแล้วก็รีบร้อนเดินขึ้นหน้าไปคารวะพร้อมส่งเสียงเรียก “คุณหนูสาม”
หลี่หลิงเยี่ยนได้ยินก็หันหน้ากลับมา เมื่อเห็นเหลียงเฟิงอวี่ยืนอยู่ข้างกายสาวใช้คนนั้น บนใบหน้านางก็ปรากฏรอยยิ้มบางจนดูงดงามมากยิ่งขึ้น พร้อมย่อกายลงคารวะเขา “เหลียงซื่อจื่อ”
เหลียงเฟิงอวี่เองก็ประสานมือคารวะนางกลับพร้อมส่งเสียงเรียกคำหนึ่ง “คุณหนูหลี่”
หลี่หลิงเยี่ยนจึงยิ้มเอ่ยถาม “วันนี้เหลียงซื่อจื่อมาเยือนถึงที่นี่ ไม่ทราบว่ามีธุระใดหรือเจ้าคะ”
“ข้าได้ยินว่าสองวันมานี้น้องหว่านไม่สบาย อาการไม่ดีขึ้นเสียที ข้าร้อนใจจึงได้คิดมาเยี่ยมนาง” ความรู้สึกที่หลี่หลิงเยี่ยนมอบให้คนอื่นๆ นั้นช่างเป็นมิตรนัก ในใจเหลียงเฟิงอวี่เองก็คิดว่ารอจนเขากับหลี่หลิงหว่านแต่งงานกันแล้ว จะว่าไปเขาก็ยังต้องเรียกหลี่หลิงเยี่ยนว่าพี่สาม ดังนั้นยามที่เขาเอ่ยกับนาง ในน้ำเสียงจึงแฝงไปด้วยความเกรงใจ มีอะไรก็พูดออกไปจนหมด
ยามนี้หลี่หลิงเยี่ยนประหลาดใจอยู่เล็กน้อย เหตุผลที่นางประหลาดใจมีอยู่สองประการ ประการแรก ไม่นึกเลยว่าเหลียงเฟิงอวี่จะเป็นห่วงหลี่หลิงหว่านมากขนาดนี้ เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายไม่สบายก็รีบร้อนมาเยี่ยมในทันที ส่วนประการที่สอง สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้างกายเหลียงเฟิงอวี่ผู้นั้นนางเองก็รู้จัก เป็นสาวใช้ภายในเรือนของฮูหยินผู้เฒ่า ทั้งที่เหลียงเฟิงอวี่เป็นคนนอกสกุล แต่กลับมีสาวใช้ภายในเรือนฮูหยินผู้เฒ่ามานำทางเขาไปยังเรือนส่วนตัวของหลี่หลิงหว่าน เช่นนั้นย่อมเป็นเพราะฮูหยินผู้เฒ่าถ่ายทอดคำสั่งลงมา หรือพูดอีกอย่างว่ายามนี้ในใจฮูหยินผู้เฒ่ามิใช่ยอมรับเรื่องที่จะให้หลี่หลิงหว่านแต่งกับเหลียงเฟิงอวี่โดยนัยแล้วหรือ มิเช่นนั้นจะยอมให้เหลียงเฟิงอวี่มาพบหลี่หลิงหว่านอย่างเปิดเผยเช่นนี้ได้อย่างไร จะไม่เป็นการทำลายชื่อเสียงของหลี่หลิงหว่านหรอกหรือ
หลี่หลิงเยี่ยนพลันคิดไปถึงวันที่พวกนางไปชมงิ้วและดูดอกไม้ไฟที่จวนก่วงผิงโหว ประโยคที่ฮูหยินก่วงผิงโหวจับมือหลี่หลิงหว่านเอ่ย ทั้งยังคำพูดหยอกเย้าของฮูหยินคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านข้างนั้น ดูไปแล้วในใจฮูหยินก่วงผิงโหวเองก็มีเจตนาที่จะจับคู่หลี่หลิงหว่านกับเหลียงเฟิงอวี่อยู่
นางมองออกว่าฮูหยินก่วงผิงโหวเป็นคนประจบสอพลอผู้ที่มีฐานะสูงกว่า และเย่อหยิ่งต่อผู้ที่มีฐานะต่ำกว่าด้วย เดิมทีสกุลหลี่กับสกุลของก่วงผิงโหวก็ไปมาหาสู่กันแต่แรกแล้ว หากฮูหยินก่วงผิงโหวชื่นชอบหลี่หลิงหว่านจากใจจริง ต้องการให้อีกฝ่ายมาเป็นสะใภ้ของตนเองจริงๆ ฮูหยินก่วงผิงโหวก็สามารถหมั้นหมายการแต่งงานในครั้งนี้ได้ตั้งแต่หลายปีก่อนหน้าแล้ว เหตุใดต้องรอมาจนตอนนี้ถึงเพิ่งเอ่ยปากบอกเป็นนัยๆ ออกมาด้วย
นี่ต้องเป็นเพราะฮูหยินก่วงผิงโหวเห็นว่าบิดานางกลับมาจากหังโจวตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว รู้ว่าหน้าที่การงานของเขาจะเจริญก้าวหน้า อีกทั้งเมื่อปีก่อนในจวนสกุลหลี่เองก็มีจวี่เหรินอายุน้อยถึงสองคน ฮูหยินก่วงผิงโหวรู้ว่าภายภาคหน้าจวนสกุลหลี่จะต้องรุ่งโรจน์แน่ ดังนั้นถึงได้เร่งร้อนอยากจะเกี่ยวดองกับสกุลหลี่เช่นนี้
คิดมาถึงตรงนี้ในใจหลี่หลิงเยี่ยนก็เกิดความไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ เมื่อพิจารณาแล้วนางต่างหากที่เป็นบุตรสาวคนโตของบิดา แล้วก็เป็นบุตรสาวที่บิดารักใคร่มากที่สุด แต่ผู้ที่ฮูหยินก่วงผิงโหวอยากเกี่ยวดองด้วยนั้นกลับเป็นหลี่หลิงหว่าน มิใช่นาง คงจะเห็นความสำคัญของสถานะบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาเอกของหลี่หลิงหว่านเท่านั้น
แต่ต่อให้ในใจไม่ยินยอมเพียงใด บนใบหน้าของหลี่หลิงเยี่ยนก็ไม่แสดงความรู้สึกออกมาแม้แต่น้อย กลับกันบริเวณหว่างคิ้วยังแฝงไปด้วยความกังวลสองส่วนขณะที่เอ่ย “อาการป่วยหนนี้ของน้องสี่นับว่าหนักหนาจริงๆ เมื่อครู่ข้าเองก็อยากจะไปเยี่ยมน้องสี่เช่นกัน ทว่าตอนที่กำลังผ่านเส้นทางนี้ข้าก็มองเห็นดอกเหมยกำลังเบ่งบานงดงามเข้าพอดี จึงคิดเด็ดกิ่งเหมยสองกิ่งนำไปมอบให้น้องสี่เสียหน่อย ยามนี้แม้น้องสี่จะป่วยอยู่ แต่หากได้กลิ่นหอมของดอกไม้ล่ะก็ น่าจะช่วยให้นางกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาได้” ก่อนจะถามเหลียงเฟิงอวี่ด้วยความเป็นห่วง “เมื่อครู่เหลียงซื่อจื่อได้พบน้องสาวของข้าแล้วกระมัง นางเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ อาการป่วยของน้องสาวข้าดีขึ้นบ้างหรือยัง”
เมื่อได้ยินหลี่หลิงเยี่ยนเอ่ยถามเรื่องนี้ ใบหน้าของเหลียงเฟิงอวี่ก็ปรากฏความผิดหวังและไม่พอใจอยู่หลายส่วน “เมื่อครู่ข้าไม่ได้พบน้องหว่านหรอก”
ต่อมาเขาก็เอ่ยเล่าเรื่องราวเมื่อครู่ระหว่างเขากับหลี่เหวยหยวนให้ฟัง
Comments
