ทดลองอ่าน ปีศาจจิ้งจอกอย่ามาลวง บทที่ 1 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ปีศาจจิ้งจอกอย่ามาลวง บทที่ 1

แสงแรกอรุณในยามเช้าตรู่ส่องกระทบลงบนประตูเรือน ภายในห้องอันเงียบสงัดปรากฏเศษเสี้ยวแห่งพลังชีวิตขึ้นมา

ขนตาของเหยาเหนียงขยับไหวแผ่วเบา ลืมดวงตาคู่งามขึ้นมาอย่างช้าๆ นัยน์ตาขุ่นมัวค่อยๆ มีประกายของความมีชีวิตชีวา

นางจ้องมองหลังคาเตียง สติสัมปชัญญะยังคงเลือนรางอยู่เล็กน้อย เมื่อสติของนางค่อยๆ แจ่มชัดขึ้น ภาพเหตุการณ์สยดสยองเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ปรากฏวาบเข้ามาในสมองปานอสนีบาต ทำให้นางตัวสั่นสะท้านขึ้นมาโดยพลัน ลุกพรวดขึ้นมาทันที

นางคงจะตายไปแล้วสินะ ไม่สิ ถ้านางตายแล้วเหตุใดจึงไม่อยู่ในปรโลกเล่า

นางบีบตัวเองเล็กน้อย แล้วก็พบว่าเจ็บจริงๆ ด้วย

ทันใดนั้นบางสิ่งซึ่งมีขนปุกปุยก้อนหนึ่งก็กระโดดขึ้นมาบนเตียง ทำเอานางแตกตื่นตกใจจนตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง

อาเจียวใช้ศีรษะถูไถร่างกายของนาง ความรู้สึกนุ่มนิ่มปุกปุยทำให้จิตใจที่หวาดผวาของนางค่อยๆ ถูกดึงกลับมา

“อาเจียว? เจ้ากลับมาแล้วหรือ…” สัมผัสนุ่มละมุนบอกให้รู้ว่านี่มิใช่ความฝัน นางยังคงมีชีวิตอยู่ แต่ว่าโลหิตบนเสื้อผ้ากลับทำให้นางอกสั่นขวัญหายขึ้นมาอีกครา

นางไม่เข้าใจว่าเกิดอันใดขึ้นกับตนเอง แต่นางรู้ว่าเรือนหลังนี้อยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว นางรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เปรอะเปื้อนเลือดทิ้ง เช็ดคราบโลหิตบนร่างออก หลังจากจัดการตนเองเรียบร้อยแล้วก็หิ้วห่อสัมภาระเดินออกจากเรือน

หลังเดินออกจากเรือนนางก็พบว่าอาเจียวหายตัวไปอีกแล้ว ตามหาที่ใดก็หาไม่เจอ นางจึงทิ้งลูกชิ้นปลาจานหนึ่งเอาไว้บนโต๊ะ ถือว่าเป็นของกำนัลในโอกาสที่ต้องจากลากัน

นางออกเดินทางอย่างเร่งรีบ เส้นทางบนภูเขาสายนี้ที่เคยเดินมาไม่รู้กี่ร้อยรอบ วันนี้กลับดูเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด ทิวทัศน์งามงดอันเจริญหูเจริญตาสองข้างทาง บัดนี้แค่ลมพัดโชยหญ้าไหวเพียงน้อยนิดก็ทำให้นางประหวั่นพรั่นพรึง มิกล้าหยุดฝีเท้าลง

ทันใดนั้นเองตรงหน้าพลันมีสายลมพัดโหม เงาดำเคลื่อนวูบผ่าน เศษใบไม้ที่ปลิวลอยขึ้นมาบดบังสายตาของนาง ในชั่วพริบตาถัดมานางก็ถูกผลักลงกับพื้นอย่างแรง

“ปีศาจร้าย” สุ้มเสียงเย็นชาทำให้หัวใจของนางสะท้านวาบ

นางถูกกดตัวลงกับพื้น เงาดำสูงใหญ่ปกคลุมทาบทับนางเอาไว้ บดบังแสงตะวันจากขอบนภา ทำให้นางมองเห็นรูปร่างหน้าตาของผู้มาใหม่ไม่ชัดเจน ทว่าฝ่ามือที่บีบคอนางอยู่อย่างรุนแรงทรงพลังบ่งบอกถึงจิตสังหารอันเยียบเย็นของอีกฝ่ายออกมาอย่างชัดเจน

เหยาเหนียงหวาดกลัวและสิ้นหวัง คิดว่าคราวนี้คงตายเป็นแน่แท้ แต่กลับได้ยินเสียงดัง ‘เพียะ’ อีกฝ่ายซัดฝ่ามือลงบนหน้าผากนาง ครั้นแล้วก็มีบางสิ่งบางอย่างแปะลงด้านบน บดบังดวงตาซึ่งเต็มไปด้วยความหวาดผวาของนางเอาไว้ และปิดบังรูปโฉมของอีกฝ่ายเอาไว้ด้วยเช่นกัน

“ปีศาจจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ ตกอยู่ใต้เงื้อมมือข้าแล้วยังจะคิดหนีอีกรึ”

จิ้นเสวียนเป่าปากหนึ่งครั้ง ครั้นอาชาได้ยินเสียงร้องเรียกของเจ้านายก็รีบวิ่งปรี่มาอยู่ข้างกายผู้เป็นนายอย่างรวดเร็ว

จิ้นเสวียนใช้มือข้างเดียวโยนเหยาเหนียงขึ้นไปบนหลังอาชา ก่อนจะทะยานร่างขึ้นตามมา จากนั้นก็ดึงเชือกบังเหียนควบอาชาห้อตะบึงออกไป

อาชาวิ่งห้อเหยียดไปเนิ่นนานเท่าไร เหยาเหนียงที่อยู่บนหลังอาชาก็กระเด้งกระดอนไปนานเท่านั้น นางมิกล้าขยับเขยื้อน ปล่อยให้บุรุษผู้นี้พานางวิ่งตะบึงไปตลอดทาง จนกระทั่งนางใกล้จะถูกกระเทือนจนเวียนหัว ในที่สุดอาชาก็หยุดนิ่งลง

“อาจารย์”

“เอาไปขัง”

“ขอรับ”

เหยาเหนียงรู้สึกได้ว่าร่างกายพลันถูกรัดแน่น ร่างของนางโดนเชือกมัดเอาไว้ ต่อมานางก็ถูกลากลงจากหลังอาชา ก่อนจะถูกคนจูงเดินออกไป

นางมองไม่เห็นทาง ทำได้เพียงเดินตามไปอย่างสะเปะสะปะ หูก็คอยฟังทั้งสองคนสนทนากัน

“ปีศาจจิ้งจอกรูปร่างไม่เลวเลยนี่นา”

“ก็แน่น่ะสิ ดังนั้นถึงได้เป็นปีศาจจิ้งจอกอย่างไรเล่า!”

“ดูเจ้าสิ ไยจึงเอาแต่มองก้นผู้อื่น ห้ามหมกมุ่นในกาม ห้ามหมกมุ่นในกาม”

เหยาเหนียงเม้มริมฝีปากที่ขาวซีดแน่น ในใจหวาดกลัวยิ่งนัก

โชคดีที่ระหว่างทางที่เดินมาสองคนนี้เพียงแค่พูดหยอกเย้าติดตลกเท่านั้น มิได้แตะต้องนางแม้แต่ปลายเล็บ นางถูกพาเข้ามาในเรือนหลังหนึ่ง เรือนหลังนี้ดูเหมือนจะสูงยิ่ง นางเดินตามขั้นบันไดขึ้นไปเรื่อยๆ ก่อนจะถูกผลักเข้าไปในห้องห้องหนึ่งแล้วล้มคว่ำลงกับพื้น จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงปิดประตูรวมถึงเสียงฝีเท้าที่เดินห่างไกลออกไป

นางมิกล้าขยับเขยื้อนอยู่เป็นนาน จนกระทั่งรอบด้านไม่ได้ยินเสียงใดๆ อีกแล้ว นางถึงค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างเชื่องช้า เชือกยังคงมัดอยู่บนร่าง ทว่ากลับมิได้มัดแขนมัดขาของนางเอาไว้ ทำให้นางสามารถดึงวัตถุที่อยู่บนหน้าผากออกได้

นี่คือยันต์กระดาษแผ่นหนึ่ง ด้านบนมีอักขระที่นางอ่านไม่ออกเขียนอยู่ ในยามนั้นนางนึกว่าตนเองจะถูกอีกฝ่ายซัดฝ่ามือใส่จนโลหิตออกทางทวารทั้งเจ็ดตายแล้วเสียอีก ไหนเลยจะรู้ว่าอีกฝ่ายกลับมิได้สังหารนางในทันทีทันใด เพียงแค่แปะยันต์พิลึกพิลั่นใบหนึ่งลงบนหน้าผากนางเท่านั้น

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ทดลองอ่าน

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 84.1-84.2

    By

    บทที่ 84.1 ชายาเป่ยเจิ้นอ๋องมองชุดรัดเอวแขนหลวมทำจากผ้าพลิ้วกรุยกรายลายปักซูซิ่ว บนร่างองค์หญิงอวี๋หยางอีกครา ดูคล้ายกับแบบที่ซูลั่วอวิ๋นสวม...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 83.1-83.2

    By

    บทที่ 83.1 หานเหยาได้ยินน้องชายพูดขึ้นมา นางก็เอ่ยอย่างลิงโลด “ดี! พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องกลับไปที่หมู่บ้านเฟิ่งเหว่ยแล้ว ที่นั่นวุ่นวายเหลือเก...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 82.1-82.2

    By

    บทที่ 82.1 ที่แท้จ้าวกุยเป่ยคิดว่าให้สัญญากับหานเหยาไว้ว่าจะมารับลูกอมก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดหรือไร หานหลินเฟิงคร้านจะแยแสบุรุษหัวทึบผู้นี้ เ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 5-6

    By

    บทที่ 5 ราตรีวุ่น แววตาเสิ่นเฉียนมืดทะมึน กัดริมฝีปาก ปลายคางเกร็งแน่นเผยความแข็งกร้าวอยู่ในที “ที่แท้ถูกเด็ดปีกหมดสิ้นแล้วเนรเทศมาให้ข้านี่...

  • ทดลองอ่าน

    ทดลองอ่าน หอมเกศา บทที่ 81.1-81.2

    By

    บทที่ 81.1 ฉิวเจิ้นเพ่งตามองดูแล้วก็พบว่าไม่เพียงกำแพงของค่ายเสบียงมีการต่อเติมให้สูงขึ้น ยังขุดคูลึกรอบตัวกำแพงทั้งด้านนอกด้านในเพิ่มอีกสอง...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

    By

    บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟังน้องชายตัวน้อยเซี่ยซ...

  • คืนลมพัดต้องเหมยงาม

    ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

    By

    บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จึงเร่งมาถึงนอกเมืองห...

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

community.jamsai.com