เขาพูดต่อไปด้วยสีหน้าราบเรียบไร้อารมณ์ “ขนของปีศาจจิ้งจอกขายที่ตลาดมืดได้เงินถึงสามหมื่นตำลึง ขุมพลังภายในของปีศาจจิ้งจอกเก้าหางสามารถเพิ่มพูนพลังเวทได้ ราคาประมูลสูงถึงห้าหมื่นตำลึง อวัยวะภายในกับลูกตาของมันสามารถนำมาปรุงยาได้ อย่างน้อยก็มีมูลค่าถึงห้าพันตำลึง กระดูก ฟัน และเล็บที่เหลืออยู่ก็เอาไปขายได้ถึงหนึ่งพันตำลึง คำนวณดูแล้ว ข้ายังได้กำไรกว่าเดิมเสียอีก”
เหยาเหนียงหน้าซีดเผือด เดิมทีคิดว่าจับจุดอ่อนของอีกฝ่ายได้แล้วเสียอีก แต่นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายกลับโหดเหี้ยมยิ่งกว่า เปลี่ยนกลับมาเป็นฝ่ายข่มขู่นางแทน บอกว่าจะหักกระดูกถลกหนังของอาเจียวไปขาย!
อย่างไรเสียนางก็เป็นสตรีชาวบ้าน ลูกไม้ในการข่มขู่คนไหนเลยจะร้ายกาจเท่าจิ้นเสวียน เขาใช้ชีวิตอยู่ในยุทธภพมาตั้งแต่สามขวบ พอห้าขวบก็เข้าร่วมพรรค แปดขวบเข้าร่วมสำนัก สิบเอ็ดขวบถูกบังคับให้กล่าวคำสาบานร้ายแรงเพื่อรับตำแหน่งเจ้าสำนัก นับตั้งแต่นั้นมาก็ต้องแบกรับความรับผิดชอบใหญ่หลวงในการดูแลสำนักจี้อวิ๋น ถ้าหากเขาถูกคนบีบบังคับง่ายดายขนาดนั้น แล้วจะสยบภูตผีปีศาจทั่วทุกสารทิศได้อย่างไรกันเล่า
นางปีศาจอ่อนแอปวกเปียกตนหนึ่งคิดจะข่มขู่เขา เช่นนั้นก็ต้องดูก่อนว่าเขาอยากจะถูกข่มขู่หรือไม่ แต่ว่าเขาต้องมองนางใหม่เสียแล้ว นางฉลาดเฉลียวไม่น้อย รู้จักใช้ไม้นี้มาคานพลังเขา
เหยาเหนียงใบหน้าขาวซีด ริมฝีปากเม้มแน่น มือที่ถือตั๋วเงินอยู่กำลังสั่นเทา สั่นจนหัวใจทั้งดวงของเขาสั่นเทิ้มตามไปด้วย กลัวว่านางจะเผลอปล่อยมือออก ทำให้หยาดเหงื่อแรงกายของเขาต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลี
เขาสีหน้าเคร่งขรึม แต่จริงๆ แล้วหัวใจกลับว้าวุ่น
หลังจากคุมเชิงกันอยู่พักใหญ่ในที่สุดเหยาเหนียงก็เริ่มลังเลใจ “ท่านอย่าสังหารอาเจียวเลยนะ มันเป็นปีศาจดี ขอแค่ท่านไม่สังหารมัน จะให้ทำอันใดข้าก็ยินยอมทั้งสิ้น”
ครั้นจิ้นเสวียนได้ยินวาจานี้ ในดวงตาก็พลันเปล่งประกายวาบ ลอบผ่อนลมหายใจกับตนเองอย่างลับๆ ทว่าใบหน้ากลับยังคงเย็นชาเฉยเมย
“อ้อ? อันใดก็ยินยอมทั้งสิ้น? แล้วเจ้าทำสิ่งใดเป็นบ้างเล่า”
“ข้า…ข้าซักผ้า ทำกับข้าว ผ่าฟืน กวาดบ้าน เย็บผ้า เย็บรองเท้าได้”
เขานึกว่านางจะบอกว่าสามารถช่วยอุ่นเตียง ทุบไหล่ ยกน้ำชา ปรนนิบัติด้วยเรือนร่างเสียอีก นางปีศาจจิ้งจอกกลับมิใช้รูปโฉมยั่วยวนเขา นี่ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
ทว่าถ้อยคำของนางกลับเตือนให้เขานึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อหลายวันก่อนตาเฒ่าจ้าวซึ่งทำงานในครัวบอกว่าจะขอลากลับบ้านเกิด เขากำลังปวดหัวว่าจะไปเชิญคนมาจากที่ใดอยู่พอดี ถึงแม้อาหารที่ตาเฒ่าทำจะไม่อร่อยนัก แต่ว่าค่าแรงกลับถูก ถ้าหากตาเฒ่าจ้าวลากลับไปแล้ว ดูจากราคาตลาดในตอนนี้เขาจะต้องใช้เงินเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าถึงจะสามารถหาคนมาทำงานได้
นางปีศาจตนนี้ไม่เหมือนกับปีศาจตนอื่นๆ เขาจับนางเอาไว้ก็เพราะกะว่าจะศึกษาค้นคว้านางอย่างละเอียด มิได้คิดจะสังหารนาง ทว่ายันต์คาถาล้วนใช้ไม่ได้ผลกับนาง อาวุธเวทก็ทำอันใดนางมิได้ หอผนึกมารก็ขังนางเอาไว้ไม่อยู่ ในขณะที่เขากำลังปวดเศียรเวียนเกล้าว่าจะจัดการกับนางอย่างไรนั้น นางกลับยื่นเงื่อนไขออกมาเองซึ่งตรงกับความต้องการของเขาอยู่พอดี
“ได้!” มือของเขาพลันล้วงเข้าไปหยิบหนังสือสัญญาฉบับหนึ่งออกมาจากในแขนเสื้อ “นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เจ้าต้องขายตัวให้แก่ข้า เป็นปีศาจในพันธสัญญาของข้า เชื่อฟังคำสั่งข้า”
นางลงนามในสัญญาขายตัว ยามมีชีวิตอยู่ต้องเป็นทาสของเขา ตายไปก็เป็นทาสของเขา หยดโลหิตประทับตรา สัญญาเป็นอันบังเกิดผล!
จิ้งเฟิงถูกจิ้นเสวียนจับขังไว้ในถ้ำ ที่นี่ทั้งชื้นแฉะ ทั้งหนาวเหน็บ เป็นสถานที่ที่เอาไว้สำหรับลงโทษลูกศิษย์ที่ทำผิดโดยเฉพาะ นอกจากนั้นยังไม่ให้กินข้าวอีกด้วย
ไม่มีลูกศิษย์คนใดรู้ว่าศิษย์พี่ใหญ่กระทำความผิดอันใดนอกจากจิ้งเหลย ในยามดึกดื่นค่ำคืนเขาก็ได้แอบลอบเอาซาลาเปาสองลูกเข้ามายัดใส่มือศิษย์พี่ใหญ่
“รีบกินเถิด”
จิ้งเฟิงเผยสีหน้าซาบซึ้งตื้นตันใจ “ศิษย์น้อง เจ้าเป็นคนดีเหลือเกิน”
“รู้ว่าข้าเป็นคนดีก็อย่าทำให้ข้าต้องเป็นห่วง อย่าสร้างปัญหาให้ข้าอีก”
จิ้งเฟิงกัดซาลาเปาหนึ่งคำ แต่แล้วจู่ๆ ก็พลันชะงักนิ่งไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองจิ้งเหลย