“กลางดึกแบบนี้ มีซาลาเปาเย็นชืดให้กินก็ถือว่าไม่เลวแล้ว ทนเอาหน่อยเถิด” จิ้งเหลยเอ่ยปลอบประโลมด้วยความปรารถนาดี
ทันใดนั้นจิ้งเฟิงก็สวาปามซาลาเปาลงไป กินหมดแล้วยังแลบลิ้นเลียเศษที่หลงเหลืออยู่บนนิ้ว ท่าทางนั้นราวกับได้กินอาหารรสชาติโอชาหายากก็มิปาน
“ยังมีอีกหรือไม่” ดวงตาคู่นั้นของเขาจ้องเขม็งแน่วนิ่งท่ามกลางความมืดมิด
จิ้งเหลยส่ายศีรษะด้วยความเสียใจ “ไม่มีแล้ว เหลืออยู่แค่ซาลาเปาสองลูกนี้นี่แหละ ยังดีที่ข้ามือเท้าว่องไว หาไม่แล้วคงแย่งไม่ได้แม้แต่ลูกเดียว…โอ๊ย ท่านทำอันใดเนี่ย”
จิ้งเฟิงค้นตัวของเขาไปพลางเอ่ยพูดไปพลางว่า “ในสำนักจี้อวิ๋นมีใครแย่งของชนะเจ้าบ้างเล่า เจ้าไม่ไปแย่งคนอื่นก็ถือว่าไม่เลวแล้ว เอาออกมาเสีย”
ศิษย์น้องรองเร่ร่อนใช้ชีวิตอยู่ตามท้องถนนมาตั้งแต่เจ็ดขวบ เป็นนักล้วงหัวขโมยตัวน้อยที่มีชื่อเสียง แม้นเข้าร่วมสำนักแล้ว แต่ฝีมือในการล้วงควักลักขโมยของเขาก็ยังคงเก่งกาจล้ำเลิศ หลังจากเรียนวิชาอาคมและวรยุทธ์แล้ว ฝีมือในการลักขโมยยิ่งร้ายกาจมากขึ้นไปอีก ไม่มีสิ่งใดที่เขาแย่งไม่ได้ มีแต่ไม่อยากแย่งเท่านั้น
“บ้าเอ๊ย! อย่ามาลูบคลำส่งเดชสิ ซาลาเปากินหมดไปนานแล้ว ท่านคิดว่าซาลาเปาที่เหยาเหนียงทำจะมีเหลือกินหรือ”
จิ้งเฟิงหยุดนิ่ง “เหยาเหนียงเป็นคนทำ?”
จิ้งเหลยเอ่ยอย่างกระฟัดกระเฟียด “ตาเฒ่าจ้าวไม่ได้ทำงานแล้ว เหยาเหนียงยอมลงนามในสัญญาโลหิต กลายเป็นปีศาจในพันธสัญญาของอาจารย์ ต่อไปจะอยู่ทำงานที่สำนักจี้อวิ๋น เป็นแม่ครัวคนใหม่ของพวกเรา”
จิ้งเฟิงตาลุกวาว “ถะ…ถ้าอย่างนั้นอาเจียว…”
“ชิ! ว่าแล้วเชียวว่าท่านยังเป็นห่วงจิ้งจอกตัวนั้นอยู่ วางใจเถิด จิ้งจอกไม่เป็นอันใด เหยาเหนียงยินยอมลงนามในสัญญาโลหิตก็เพื่อปกป้องมันนี่แหละ”
มุมปากของจิ้งเฟิงแย้มยิ้มเบิกบาน “ดีเหลือเกิน!”
จิ้งเหลยมองค้อนเขาปราดหนึ่ง “ท่านนี่ช่างหัวรั้นจริงๆ จิ้งจอกตัวนั้นเจ้าเล่ห์แสนกล เล่นงานท่านจนสลบ สุดท้ายเล่า มันไม่เป็นไร แต่ท่านกลับมีปัญหา อาจารย์ยังโกรธจัดอยู่เลย ไม่รู้เช่นกันว่าจะขังท่านไปอีกนานเท่าไร”
“ไม่เป็นไร ข้ามีเจ้าอยู่ทั้งคน” จิ้งเฟิงเอ่ยอย่างซาบซึ้งใจ
“ถูกต้อง โชคดีที่มีข้าอยู่ ยามนี้ท่านมีทุกข์ข้าก็ร่วมต้าน ดังนั้นท่านจำใส่ใจเอาไว้ให้ดีเล่า ถ้าหากอาจารย์จับได้ว่าข้าแอบเอาของกินมาให้ท่าน ท่านต้องมาขวางหน้ารับไม้เรียวแทนข้าด้วย ร่วมแบกรับความทุกข์เข็ญด้วยกัน! ชิ ท่านลูบคลำพอแล้วหรือยัง ข้ามีแต่หัวนม ไม่มีหมั่นโถวถ้ายังลูบอีกข้าจะให้ท่านรับผิดชอบข้าแล้วนะ!”
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น จู่ๆ ก็พลันรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ จึงหันไปมองทางปากถ้ำอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่แล้วก็ต้องอึ้งงันไปทั้งคู่
สตรีงดงามเลอโฉมผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น กำลังจ้องมองพวกเขาไม่วางตา
นางผิวขาวผ่องดุจหิมะ นัยน์ตาสุกสกาวดุจดวงดารา แสงจันทราที่ส่องลอดเข้ามาตามรอยแยกของถ้ำฉายสาดลงบนร่างของนางจนดูเหมือนเปล่งประกายแสงสีเงินยวง และขับเน้นเครื่องหน้าอันงามล้ำของนางออกมาเช่นเดียวกัน
นางจ้องมองท่าทางจิ้งเฟิงที่กำลังกดตัวอยู่เหนือร่างผู้อื่น แล้วต่อมาก็หันไปมองจิ้งเหลยที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อย จากนั้นก็วางกล่องอาหารลงภายใต้สายตาตะลึงลานของพวกเขา
“นี่เป็นอาหารที่เหยาเหนียงทำมาให้ศิษย์พี่ใหญ่” พอทิ้งถ้อยคำประโยคนี้เอาไว้ปุ๊บ นางก็หันกายหายเข้าไปในความมืดมิด เดินถอยออกไปที่นอกถ้ำ
ทั้งสองซึ่งอึ้งทึ่งอยู่พักใหญ่ๆ ได้สติกลับคืนมาจากความตื่นตะลึง ต่างมองสบสายตาของอีกฝ่าย และต่างก็มีความรู้สึกตกใจอย่างเดียวกัน
…ยอดหญิงงามผู้นั้นคือใครกัน!
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน เมษายน 65)