บทที่สาม
เด็กชายกะพริบตาแรงๆ ก่อนตอบ “พวกเรา…พวกเราไม่มีบ้านแล้วขอรับ…”
เป็นเด็กกำพร้าคู่หนึ่งจริงเสียด้วย!
ซูเพียนจื่อตั้งใจแน่วแน่ยิ่งกว่าเดิมว่าจะต้องช่วยชีวิตพวกเขาให้จงได้ สาวน้อยช้อนตากวาดมองสัตว์อสูรที่รายล้อมอยู่ไม่ไกลไปทีละตัวอย่างช้าๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่เย็นยะเยือก “ต่อหน้าเด็กน้อยทั้งสอง ข้าไม่อยากให้เหตุการณ์โชกเลือดเกินไป จนมีเลือดของพวกเจ้ามาเปรอะเปื้อนมือข้า”
ซูเพียนจื่อเบนสายตาไปหยุดบนร่างของหมาป่ายักษ์สีครามที่เอะอะโวยวายก่อนหน้านี้ แล้วค่อยพูดต่อเรียบๆ “แต่จะว่าไป หนังบนตัวเจ้าก็มีขนสวยใช้ได้อยู่เหมือนกัน”
หมาป่ายักษ์สีครามตัวนั้นตื่นกลัวจนผลุบไปหลบหลังสัตว์อสูรร่างพยัคฆ์แล้วพูดเสียงสั่น “จะ…เจ้าคิดจะทำอะไร”
ซูเพียนจื่อกวาดมองสัตว์อสูรที่อยู่ใกล้ตัวรอบหนึ่งจึงค่อยถามกลับ “เจ้ายังมีพี่น้องอีกหรือไม่ เจ้าตัวเดียวไม่พอทำเบาะหนังให้ครบชุดหรอก…”
หมาป่ายักษ์สีครามถูกแววตาอันเยียบเย็นชวนสะพรึงของนางเขย่าขวัญจนหันหลังวิ่งเตลิดไปทันที ก่อนจะเบี่ยงตัววับหายไปด้านหลังเรือนที่อยู่ตรงมุมถนน สัตว์อสูรที่เหลือเห็นพวกพ้องซึ่งแต่ไรมาใจกล้ากว่าใครถึงกับเผ่นหนีนำหน้าไปก่อน แต่ละตัวจึงหนีกระเจิดกระเจิงตาม พริบตาเดียวก็วิ่งหายไปจนเกลี้ยง
เด็กชายพยุงน้องสาวยืนขึ้นอย่างยากลำบาก แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เคียดแค้น “พี่สาวเทพธิดา เหตุใดท่านไม่ฆ่าพวกมันทิ้งให้หมดเสียเลยเล่า พวกมันกินคนที่อยู่นอกตัวอำเภอไปตั้งเยอะนะขอรับ”
ก็เพราะพี่สาวไม่มีความสามารถนั้นน่ะสิ…
ซูเพียนจื่อเกือบจะพูดตรงๆ ออกไปตามที่คิดแล้ว ทว่าฝูอวิ๋นพลันส่งคำเตือนที่ไร้เสียงมาได้ทันท่วงที…สัตว์อสูรเหล่านั้นยังหนีไปไม่ไกล!
ซูเพียนจื่อจึงรีบกดข่มคำพูดที่หลุดมาถึงมุมปากแล้วเอาไว้ จากนั้นเอ่ยตอบหน้าขรึม “มนุษย์ฆ่าสัตว์อสูรก็เพื่อความอยู่รอด สัตว์อสูรกินมนุษย์ไม่ใช่เพื่อความอยู่รอดเหมือนกันหรอกหรือ การฆ่าสังหารที่พร่ำเพรื่อจะกลายเป็นจิตมารบนเส้นทางของการฝึกวิชา…ช่างเถอะ พวกเจ้ายังเด็กไม่เข้าใจหรอก ในเมื่อพวกมันไม่มาตอแยข้า ก็เว้นทางรอดให้พวกมันสักสายแล้วกัน”
วาจาเสแสร้งที่พูดเฉไฉให้คลุมเครือเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ซูเพียนจื่อเคยอ่านจากในหนังสือเบ็ดเตล็ดจำนวนหนึ่ง ไม่นึกว่าตนเองจะหยิบมาปรับใช้เฉพาะหน้าได้คล่องปากเป็นอย่างยิ่ง ทั้งขู่ทั้งปลอบจนเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาสองคนตะลึงงันไปทีเดียว
พอเหล่าสัตว์อสูรที่หลบซ่อนอยู่ไกลๆ ได้ยินดังนั้น แต่ละตัวต่างก็ดีอกดีใจที่วันนี้เจอกับผู้ฝึกวิชาที่ยึดถือหลักปรัชญาเช่นนี้เข้า ผู้มีพลังวัตรขั้นสูงนี่ช่างแตกต่างจริงๆ คำพูดคำจาล้วนไม่เหมือนกับผู้ฝึกวิชาคนอื่นๆ ที่เอะอะก็จะฆ่าแกงพวกมัน
ในเมื่อผู้อื่นเจตนาดีเว้นทางรอดให้พวกมันสายหนึ่งแล้ว ขืนพวกมันยังก่อเรื่องต่อจนยั่วโทสะนางขึ้นมา พวกมันได้จบชีวิตกันทุกตัวแน่!
สัตว์อสูรร่างพยัคฆ์ดอดไปถึงนอกตัวอำเภอ แล้วคำรามเรียกระดมสัตว์อสูรที่เหลือให้ถอนกำลังกลับขึ้นเขาอย่างรวดเร็ว
จวบจนฝูอวิ๋นลอบบอกซูเพียนจื่อว่าสัตว์อสูรทั้งหมดล่าถอยไปแล้ว นางจึงค่อยๆ พรูลมหายใจที่กลั้นอยู่ในช่องอกออกมา ในใจแทบไม่กล้าเชื่อเลยว่าตนจะขู่ขวัญสัตว์อสูรที่โหดเหี้ยมฝูงใหญ่นั้นให้หนีเตลิดไปได้จริงๆ