พริบตาเดียวเท่านั้นภาพที่อยู่ตรงหน้าก็แปรเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ ศาลาหินผากับจันทร์แจ่มบนผืนฟ้ายามราตรีล้วนหายวับไปแล้ว เบื้องหน้าของนางกลายเป็นคลังที่ใหญ่โตโอฬารจนมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด มีชั้นวางที่หลอมขึ้นจากสำริดนับไม่ถ้วนตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นแถวแล้วแถวเล่า ชั้นวางแต่ละตัวล้วนมีความสูงราวๆ เก้าถึงสิบฉื่อ บนนั้นวางเต็มไปด้วยของวิเศษหลากหลายชนิด ซึ่งมีจำนวนมหาศาลเกินจะคิดภาพได้โดยสิ้นเชิง
แม้แต่ซูป๋ออวิ๋นก็เพิ่งจะได้เข้ามาในคลังสมบัติบนยอดเขานี่เป็นครั้งแรก ความรู้สึกตื่นตะลึงนั้นไม่อาจใช้ถ้อยคำมาบรรยายได้เลย
สกุลซูช่างสมเป็นตระกูลโบราณที่รุ่งเรืองจากยุคบรรพกาลมาตราบจนปัจจุบัน เพียงดูจากของที่เก็บรักษาอยู่ในคลังสมบัติแห่งนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะคิดภาพในหัวได้แล้ว
ซูเพียนจื่อนึกถึงหอสมุดแห่งชาติที่เมื่อก่อนตนเคยไปเยี่ยมชม ขนาดของที่นั่นเมื่อเทียบกับที่นี่แล้วไม่คู่ควรให้เอ่ยถึงเลยด้วยซ้ำ มิน่าเล่าสกุลซูจึงได้ใจกว้างให้ศิษย์ระดับกลางกับระดับสูงทั้งหมดเข้ามาเลือกของวิเศษได้คนละหนึ่งชิ้น สำหรับสกุลซูซึ่งมีกำลังทรัพย์แข็งแกร่งแล้ว เพียงกำนัลของวิเศษไปราวพันชิ้นก็แค่ขนเส้นเดียวของวัวเก้าตัวกระมัง
ชั่วครู่ที่นางใจลอย ศิษย์อีกเจ็ดคนก็ทยอยเข้ามากันแล้ว ทุกคนล้วนมีอาการตกตะลึงจนปากอ้าตาค้างเช่นกัน
ซูป๋ออวิ๋นเดินไปถึงหน้าชั้นวางซึ่งอยู่ใกล้กับทุกคนมากที่สุด เขาพบว่าบนผนังสำริดที่อยู่ด้านข้างของชั้นวางมีอักษรตัวเล็กสลักอยู่ถี่ยิบ น่าจะเป็นคำแนะนำว่าบนชั้นวางนี้มีสิ่งของอะไรอยู่บ้าง
หลังจากเดินไปเรื่อยๆ ก็พบว่าด้านข้างของชั้นวางทุกตัวที่ผ่านล้วนมีคำชี้แจงในลักษณะเดียวกัน
ศิษย์อีกเจ็ดคนเห็นดังนั้นก็พลันได้สติ รีบแย่งกันวิ่งตะบึงไปยังชั้นวางที่อยู่ส่วนลึกของคลังสมบัติอย่างกลัวจะรั้งท้าย
พริบตาเดียวจึงเหลือแค่ซูเพียนจื่อกับซูป๋ออวิ๋นที่ยังอยู่ละแวกทางเข้าคลังสมบัติ
“ในคลังแห่งนี้มีทุกสิ่งอย่าง บ้างเป็นของล้ำค่าหายากทั่วๆ ไป บ้างเป็นวัสดุที่ใช้หลอมสร้างอาวุธและของวิเศษ นอกจากนี้ก็ยังมีเกราะคุ้มกาย โอสถลูกกลอน บุปผาสมุนไพรทิพย์ โลหิตสัตว์อสูร ไข่สัตว์วิเศษ แผนผังค่ายกล ตำราเคล็ดวิชาหายาก เป็นต้น”
ซูป๋ออวิ๋นย่างเท้าเดินหน้าไปได้ระยะหนึ่งจึงค่อยพบว่าซูเพียนจื่อไม่ได้อยู่ข้างกาย พอหันกลับไปมองก็เห็นนางอยู่ที่หน้าชั้นวางสำริดตัวแรกที่เมื่อครู่เขาดูผ่านมาแล้ว ในมือนางถือกำไลแขนทองเหลืองอร่ามตาอยู่วงหนึ่ง สีหน้าดูใจลอย ไม่ได้รู้ตัวสักนิดว่าเขากำลังพูดกับนางอยู่
ซูป๋ออวิ๋นเลิกคิ้วอย่างแปลกใจอยู่บ้าง ท่าทางของซูเพียนจื่อผิดปกติยิ่ง นับตั้งแต่ออกจากลานกว้างหน้าโถงประชุมมา นางก็มีท่าทางใจคอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเช่นนี้มาตลอด
“เจ้าสบายดีอยู่หรือไม่” ซูป๋ออวิ๋นเดินมาถึงตรงหน้าซูเพียนจื่อแล้วเอ่ยถาม