เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ทั้งสำนักศึกษาสตรีชงโจวเดือดพล่านแล้ว
ห้องโถงด้านหน้าของสำนักศึกษาสตรีซึ่งสงวนไว้สำหรับป้ายชื่อของนักปราชญ์ราชบัณฑิตมาโดยตลอดห้องนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเชิญแขกเข้ามาในห้องโถงด้านหน้าได้ แต่วันนี้ผู้บัญชาการสำนักศึกษาถึงกับใช้ห้องโถงนี้เพื่อรับรองบุรุษหนุ่มเยาว์วัยคนหนึ่ง!
ห้องเรียนหลายห้องที่เรือนด้านหลังว่างเปล่า ทุกคนต่างวิ่งมาที่ระเบียงทางเดินยาวที่นอกห้องโถงด้านหน้า มาห้อมล้อมเบียดเสียดอยู่ด้วยกัน วิพากษ์วิจารณ์เสียงเบา ต่างชะเง้อคอเบิ่งตามอง ไถ่ถามกันไปมาว่าบุรุษหนุ่มผู้นั้นมีความเป็นมาเช่นไรกันแน่
“เมื่อครู่พวกเจ้าเห็นแล้วหรือไม่ ที่นี่เคยเห็นคนหล่อเหลาเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใด…” สตรีผู้หนึ่งพูดเบาๆ ด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“เจ้าก็รู้จักแต่มองใบหน้าของบุรุษ เอ่ยคำพูดเหล่านี้ก็ไม่รู้จักอายเสียบ้าง เจ้าไม่เห็นหรือที่เอวเขาห้อยอะไรอยู่ ถุงปลาเงินเชียวนะ!” อีกคนรีบพูดขึ้น
มีคนกระซิบถาม “ดูท่าทางเขาก็เพิ่งอายุยี่สิบนิดๆ จะได้รับความโปรดปรานเพียงนั้นได้อย่างไร ถึงกับมีถุงปลาเงินได้”
“หูตาคับแคบเสียจริง” มีคนแค่นเสียงอย่างหยามหยัน “ข้าเคยได้ยินคนบอก ในบรรดาขุนนางในเมืองหลวง ขอเพียงเข้ามาดำรงตำแหน่งขุนนางฝ่ายอาลักษณ์ล้วนเข้ามาเป็นขุนนางเพราะบารมีของชนรุ่นก่อน บุคคลเช่นนี้ยังจะไม่ได้รับความโปรดปรานได้หรือ ข้าว่าคนที่อยู่ข้างในผู้นี้ ชนชั้นของบิดาในครอบครัวจะต้องเป็นขุนนางชั้นสูงในราชสำนัก หาไม่ด้วยอายุของเขาจะมีเกียรติยิ่งใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร”
แล้วก็มีคนทนไม่ไหวพูดขึ้นมา “อย่าส่งเสียงเอะอะอีกเลย ใครจะรู้วันนี้คนผู้นี้มาที่นี่ทำอะไร”
“ระยะนี้ราชสำนักทยอยออกราชโองการลงมา ใครจะไปคาดเดาได้ ทว่าในเมื่อเขาอยู่ที่หอประวัติศาสตร์ คิดว่าคงเพื่อการสอบจิ้นซื่อเคอจวี่ระดับมณฑลของสตรีในครั้งนี้”
ทุกคนได้ยินแล้วอดนิ่งเงียบไปชั่วขณะไม่ได้ จากนั้นก็มีคนหัวเราะสนุกขึ้นมา กล่าวว่า “จะสนใจเรื่องเหล่านั้นไปไย คนที่อยู่ข้างในผู้นี้ทั้งหนุ่มทั้งหล่อเหลา ไหนจะยังได้รับความโปรดปรานและไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้อย่างมาก พวกเจ้าก็ไม่คิดจะฉวยโอกาสนี้…แค่ก” หญิงสาวยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นยกมือขวาขึ้นมาทำท่าทางอยู่ตรงหน้าอก
ไม่รอให้นางได้ทันพูดต่อก็มีคนพุ่งพรวดเข้ามา “มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ดูอะไรหรือ”
คนหนึ่งย่นหัวคิ้วหันไปมองผู้มา แล้วรีบพูดเสียงเบา “พี่เหยียน ท่านมาแล้วหรือ”
เหยียนฟู่จือขยับไปที่ด้านหน้าสุด ชะเง้อคอมองพลางเอ่ยถาม “กำลังมองอะไรกันแน่ ข้าแค่นอนเพลินไปหน่อย เหตุใดจึงพลาดละครสนุกไปแล้ว”
“ยังไม่พลาดๆ” คนที่อยู่ด้านข้างรีบเปิดทางให้ “มีบุรุษหนุ่มมาผู้หนึ่ง ท่าทางหล่อเหลายิ่ง เสื้อผ้าอาภรณ์ทั้งที่ดูธรรมดา แต่ที่เอวกลับห้อยถุงปลาเงิน กระทั่งผู้บัญชาการสำนักศึกษายังเปิดห้องโถงหน้าต้อนรับเขาโดยเฉพาะ!”
เหยียนฟู่จือพอได้ยินก็ตื่นเต้นคึกคักแล้ว “ถุงปลาเงิน?” พูดพลางยื่นลำตัวออกไปนอกราวกั้นระเบียง “ขอข้าดูหน่อย!”
“ได้ยินคนบอกมา ดูเหมือนจะเป็นขุนนางฝ่ายอาลักษณ์…” มีคนตอบเสียงเบา
นางกลับไม่ได้ฟังคนที่พูด พยายามยื่นคอไปมองภาพในห้องโถงด้านหน้า กลับเห็นเพียงชายเสื้อสีดำมุมหนึ่ง รองเท้าหุ้มแข้งของขุนนางคู่หนึ่ง นางอดบ่นพึมพำไม่ได้ “ไยไม่หมุนตัวมา ให้ข้าดูหน่อยซิว่าที่แท้แล้วหล่อเหลาเพียงใด…”
เหยียนฟู่จือยังบ่นว่าไม่ทันจบ คนที่อยู่ข้างในก็คล้ายได้ยินนางพูดอะไรเสียอย่างนั้น นางเห็นเขาลุกขึ้นรินน้ำชา ค้อมเอวแสดงความนอบน้อมต่อผู้บัญชาการสำนักศึกษาที่นั่งอยู่ด้านข้าง
เหยียนฟู่จือมองอยู่ไกลๆ เห็นคนผู้นั้นเงยหน้าขึ้นยิ้มน้อยๆ หมุนตัวกลับไปนั่ง…จากนั้นนางก็นิ่งงันไป
ดวงตางามคู่นั้น…
เขาๆๆ…เป็นเขา!
นางหันขวับกลับมา ดึงหญิงสาวคนที่พูดก่อนหน้านี้ “เจ้าบอกว่าเขาเป็นขุนนางฝ่ายอาลักษณ์?”
หญิงสาวพยักหน้าอย่างขลาดกลัว ไม่รู้เหยียนฟู่จือจะคาดคั้นไปทำอะไร
ขุนนางฝ่ายอาลักษณ์…ทั้งมีถุงปลาเงินพระราชทาน…
นางยกมือขึ้นกุมศีรษะ พยายามย้อนนึก
เมื่อวานตอนอยู่ในหอสุรา บุรุษชุดดำผู้นั้นเรียกเขาว่าอะไรนะ
เหยียนจือ…ดูเหมือนจะเป็นเหยียนจือ
นางมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ฉับพลันนั้นก็อุทานออกมาเบาๆ ด้วยความหงุดหงิด “เหตุใดข้าจึงเพิ่งคิดได้!”
เพิ่งเข้าเป็นขุนนางก็ได้รับความโปรดปรานให้รับตำแหน่งในหอประวัติศาสตร์ อายุยังน้อยก็ได้รับพระราชทานถุงปลาเงิน ในราชสำนักนอกจากเขาแล้วยังจะเป็นใครไปได้
เหยียนจือ…เหยียนจือ…นี่ไม่ใช่ชื่อรองของเสิ่นจือซู…บุตรชายคนโตของเสิ่นอู๋เฉินราชบัณฑิตสำนักศึกษาหลวงจี๋เสียนเตี้ยน พระอาจารย์ขององค์รัชทายาท ราชเลขาธิการของราชสำนักผู้นั้นหรอกหรือ!
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ บุรุษหนุ่มชุดดำที่ทำให้เสิ่นจือซูก้มศีรษะรับคำสั่งได้เมื่อวานผู้นั้น…
เหยียนฟู่จือตัวสั่นสะท้าน หมุนตัวไปถามคนรอบข้าง “เมิ่งถิงฮุยเล่า พวกเจ้ามีใครเห็นเมิ่งถิงฮุยบ้าง”
คนทั้งกลุ่มต่างสั่นศีรษะ แสดงท่าทีว่าไม่รู้
เหยียนฟู่จือขยี้เท้า หมุนตัวจะเดินจากไป กลับได้ยินคนผู้หนึ่งพูดขึ้นมาจากทางด้านหลัง “ข้านึกขึ้นมาได้แล้ว ตอนเช้าตรู่ฟ้าเพิ่งสว่างก็เห็นนางจะออกไปแล้ว ถามนางจะไปที่ใด นางเพียงบอกว่าวันนี้สำนักศึกษาสตรีไม่สงบเงียบ จึงไปเดินเล่นที่นอกเมืองแล้วค่อยกลับ”