ตอนนั้นอู๋เซี่ยวเซี่ยวก่อตั้งบริษัทเอเจนซี่ภายใต้การสนับสนุนด้านทุนทรัพย์จากพ่อ เซินหย่วนกับเจิงฝานเป็นนักแสดงที่เธอเซ็นสัญญาด้วยเป็นครั้งแรก
แต่ตอนนั้นอู๋เซี่ยวเซี่ยวกับเจิงฝานแอบคบกันอยู่ จึงมีความลำเอียงในเรื่องงานอย่างเลี่ยงได้ยาก เธอปฏิบัติต่อเซินหย่วนอย่างเย็นชา ประกอบกับเซินหย่วนมีนิสัยแปลกๆ เข้ากับคนอื่นยาก จึงทำให้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนเมื่อเปรียบเทียบกับนิสัยว่าง่ายเป็นมิตรของเจิงฝาน
หลังจากปะทะกันในเรื่องงานสองสามครั้ง ทำให้อู๋เซี่ยวเซี่ยวยิ่งไม่ชอบเซินหย่วนเข้าไปใหญ่ เด็กใหม่อย่างเขาในตอนนั้นย่อมไม่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษอะไรจากบริษัท
ต่อมาเซินหย่วนหมดสัญญาหนึ่งปีแล้วเปลี่ยนไปอยู่กับบริษัทเอเจนซี่อื่น เนื่องจากการแสดงของเขาเข้าขั้นและเข้าตาผู้กำกับชื่อดัง เล่นภาพยนตร์ม้ามืดทุนต่ำทำรายได้ถล่มทลายทั่วโลกเรื่องหนึ่ง นับจากนั้นก็ดังเปรี้ยงปร้างประสบความสำเร็จในชั่วข้ามคืน ได้รับการสนับสนุนและการยกย่องอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ไม่ใช่นักแสดงที่คนธรรมดาอย่างเธอจะแตะต้องได้มานานแล้ว
แต่ตอนนี้เซินหย่วนตั้งใจจะกลับมายังบริษัทเอเจนซี่ที่กำลังง่อนแง่นของเธอ
ซูเปอร์สตาร์คนนี้ตั้งใจจะเป็นเทพผู้ช่วยให้ปุถุชนข้ามพ้นห้วงทุกข์อย่างนั้นเหรอ หรือจะมาเยาะเย้ยพี่สาวดวงซวยอย่างฉันคนนี้ที่กำลังจะหย่ากันแน่
อู๋เซี่ยวเซี่ยวคิดใคร่ครวญอย่างละเอียด รู้สึกว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า ถึงอย่างไรในช่วงเวลาหลายปีมานี้ สองสามครั้งที่เธอพบกับเซินหย่วนล้วนไม่น่าพึงพอใจนัก
ความใจแคบและความปากร้ายของเซินหย่วนได้เปลี่ยนความเข้าใจต่อขอบเขตความชั่วร้ายของผู้ชายให้เธอใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า…แน่นอนว่าความเข้าใจที่เธอมีต่อสิ่งมีชีวิตอย่างผู้ชายนี้ เดิมทีก็เรียกได้ว่าตื้นเขิน
สามีที่เธอแต่งงานด้วยอย่างลับๆ มาห้าปีทำให้เธอตระหนักรู้ถึงระดับความโง่เขลาของตนเองในการแยกแยะผู้ชายเฮงซวยในด้านชีวิตรัก
ดังนั้นกิ่งมะกอกที่ดูเหมือนมีไมตรีที่เซินหย่วนยื่นมาให้ อู๋เซี่ยวเซี่ยวจึงไม่อาจรับไว้ เธอจะได้ไม่ต้องไปกระตือรือร้นพูดคุยกับเขา แล้วสุดท้ายกลับได้มาซึ่งการเยาะเย้ยจากเซินหย่วน เป็นสุนัขจนตรอกที่ถูกผู้คนหัวเราะเยาะ เป็นคางคกที่ริอ่านกินเนื้อซูเปอร์สตาร์
งานของทั้งวันสิ้นสุดลงท่ามกลางท้องฟ้าที่มืดครึ้มหม่นมัว
เธอเอาบทละครใส่กระเป๋าเอกสาร ตั้งใจว่าจะเอากลับบ้านไปอ่านต่ออีกสักหน่อยเพื่อพิจารณาคัดเลือกนักแสดง จากนั้นเธอก็มาเอารถที่โรงจอดรถชั้นใต้ดินของบริษัท จะกลับไปเยี่ยมแม่ที่บ้านสกุลอู๋
แต่ที่โรงจอดรถชั้นใต้ดินซึ่งอยู่ห่างออกไปไกล เธอเห็นผู้ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งยืนพิงข้างรถเธอ
แม้ฝ่ายนั้นจะสวมหมวกแก๊ปและใส่แว่นกันแดด แต่อู๋เซี่ยวเซี่ยวยังจำจมูกโด่งๆ และกลีบปากที่ดูเย็นชานิดๆ นั้นได้ ผู้ชายที่ยืนพิงข้างรถเธอคนนี้คือเซินหย่วน ซูเปอร์สตาร์ผู้ยืนอยู่บนหอคอยสูงเทียมเมฆ
อู๋เซี่ยวเซี่ยวชะงักฝีเท้าด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเซินหย่วนถึงมาปรากฏตัวที่นี่
เซินหย่วนเห็นอู๋เซี่ยวเซี่ยวที่แต่งตัวด้วยกระโปรงทรงดินสอสีเทาเดินมา เขามองสำรวจขายาวของหญิงสาวที่ถูกรองเท้าส้นสูงหกนิ้วขับเน้นให้ดูตรงแหน็วอย่างเชื่องช้าและเสียมารยาท ก่อนจะมองดวงตาที่ปกปิดความเหนื่อยล้าเอาไว้ไม่ค่อยมิดของหญิงสาวแล้วเอ่ยช้าๆ
“ขึ้นรถแล้วค่อยคุยกัน”
ความสุขุมเยือกเย็นของการเปลี่ยนจากแขกมาเป็นเจ้าบ้านแบบนี้เหมาะกับบุคลิกหยิ่งยโสของเซินหย่วนมาก และเป็นการเตือนอู๋เซี่ยวเซี่ยวอีกครั้งว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้านี้กลายเป็นเทพไปแล้ว ไม่ใช่เด็กหนุ่มแปลกๆ ที่จ้องเธอโดยไม่พูดไม่จาอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเธอ ปล่อยให้เธอพูดเยาะเย้ยตามใจชอบในตอนนั้นอีกแล้ว
อู๋เซี่ยวเซี่ยวเองก็ค่อนข้างแปลกใจอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเซินหย่วนคิดอะไรอยู่ เธอจึงเปิดประตูขึ้นรถพลางพูดกับเซินหย่วน
“ตอนนี้ฉันมีแต่เรื่อง ไม่รู้ว่าแถวบริษัทมีปาปารัซซี่ของสื่อตามอยู่หรือเปล่า ถ้าคุณไม่กลัวติดร่างแหไปด้วยก็ขึ้นรถสิ”
อู๋เซี่ยวเซี่ยวพูดเรื่องจริง แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ทำให้ซุป’ตาร์เซินหย่วนคนนี้ถอยหนี เขาแค่ยกมุมปากอย่างเย้ยหยัน ก่อนเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับแล้วขึ้นมานั่งข้างอู๋เซี่ยวเซี่ยว
พอได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของผู้ชายโชยเข้ามาในรถ คิ้วของอู๋เซี่ยวเซี่ยวก็ขมวดเล็กน้อย
นี่เป็นน้ำหอมกลิ่นที่ผู้ชายใช้ กลิ่นสะอาดและสดชื่น ทำให้จิตใจผ่อนคลาย
แม้จะเป็นน้ำหอมผู้ชาย แต่นี่ก็เป็นน้ำหอมที่อู๋เซี่ยวเซี่ยวชอบใช้ที่สุด เธอชอบฉีดน้ำหอมกลิ่นนี้ทุกวัน
นึกไม่ถึงว่าวันนี้เซินหย่วนจะฉีดน้ำหอมกลิ่นนี้เหมือนกัน เพียงแต่กลิ่นไม่เหมือนกัน มันผสมกลิ่นกายที่แตกต่าง จึงออกมาเป็นบรรยากาศที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
กลิ่นหอมแบบเดียวกันอบอวลมาจากร่างของซูเปอร์สตาร์ที่โด่งดังด้วยความทะนงตนมาโดยตลอดให้กลิ่นที่แฝงการรุกรานจู่โจมอย่างบอกไม่ถูก
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 17 มิ.ย. 68