2)
กฎของการจีบดาราข้อที่ 2 : อย่าสนใจความเป็นดารามากจนออกนอกหน้านอกตา แต่ก็ไม่ใช่จะแกล้งทำเป็นไม่สนใจเลย มองดาราให้เป็นอาชีพธรรมดาอาชีพหนึ่งเท่านั้นพอ
“สวัสดีครับ”
เมทิตย์ตอบกลับมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันคลี่ยิ้มให้เขาน้อยๆ ท่องในใจเอาไว้ว่าเขาเป็นใครสักคนที่ฉันไม่เคยรู้จัก ไม่ใช่ดารา ไม่ใช่เมทิตย์ เป็นแค่เพื่อนข้างห้องธรรมดาๆ คนหนึ่ง ฉันก็แค่ทักให้ปกติที่สุด อย่าแสดงอะไรออกมาว่าสนใจเขามากจนเกินไป
“ครั้งก่อนขอบคุณมากนะคะที่ช่วยกดลิฟต์ให้” ฉันยิ้มสบายๆ “วันนั้นของฉันเยอะแยะไปหมด ตอนลงจากรถยังคิดอยู่เลยว่าจะเอาตัวรอดมาถึงห้องไหม เกือบจะไปเรียก รปภ. มาช่วยแล้วล่ะค่ะ”
เขายังเป็นเหมือนเดิม เมทิตย์ยังเป็นเหมือนเดิม รอยยิ้มสว่างสดใสนั้นยังคงกระจ่างชัดทาบทับกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ไปไหน ไม่ว่าจะลืมอะไร ฉันก็คงไม่อาจลืมเขาได้ แม้กระทั่งเศษเสี้ยวความทรงจำเดียวที่พอจะมีร่วมกัน
“ไม่หรอกครับ เรื่องแค่นี้เอง”
ท่าทางว่าแผนของชวินจะได้ผล หาทางเจอกันโดยบังเอิญให้ได้ และต้องทำให้เขาหยุดเพื่อคุยกันให้นานที่สุดแบบแนบเนียน อย่าแสดงอาการว่าสนใจความเป็นดาราของเขาเด็ดขาด นั่นก็น่าจะได้ผล ฉันคุยกับเขาไปล็อกประตูห้องไป แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนจะเดินหนีไปไหน กลับยืนคุยกับฉันต่อ
“ฉันชื่อพอใจนะคะ อยู่ห้องนี้ มีอะไรให้ช่วยเหลือก็บอกได้”
ฉันเริ่มแนะนำตัวขึ้นก่อน หลังจากวกไปวนมาสองสามประโยคแล้วเขาก็ยังไม่ยอมเอ่ยชื่อตัวเองสักที ชวินบอกว่ายังไงวันนี้ก็ต้องแลกชื่อกับเขาให้ได้ เพื่อให้แผนการขั้นต่อไปราบรื่นมากยิ่งขึ้น
“ผมเมทิตย์ครับ”
เขาตอบเรียบๆ ฉีกยิ้ม ฉันมองรอยยิ้มตรงหน้าอย่างสนใจ ฉันรู้จักเมทิตย์มาสิบปี ฉันแยกออกได้เสมอว่ายิ้มไหนจริงใจ ยิ้มไหนเป็นการยิ้มแบบดารา แต่รอยยิ้มตรงหน้าไม่ใช่ทั้งสองแบบ ดูเหมือนจะกึ่งๆ ไม่เป็นตัวของตัวเองมากนัก แต่ก็ไม่ได้ตั้งกำแพงสูงเสียมากมาย
“อ้อ ฉันรู้จักค่ะ เคยดูละครที่คุณเล่นอยู่เรื่องนึง” ฉันแกล้งยิ้มแบบแหยๆ ให้สมกับบทสนทนาที่วางแผนจะใช้มาเป็นอย่างดี “ฉันไม่ค่อยได้ดูทีวีเท่าไหร่หรอกค่ะ ติดเล่นมือถือกับอ่านหนังสือมากกว่า”
ฉันเอ่ยชื่อละครที่เขาเล่นและดังที่สุดออกไปเรื่องเดียวเพื่อให้สมจริง การอ้างว่าไม่รู้จักดาราดังที่สุดของช่องอย่างเขาออกจะดูเกินจริงไปหน่อย แถมฉันเพิ่งไปแฟนมีตติ้งมา ถ้าเขาจำได้ก็จะได้มีข้ออ้างด้วย แต่จากท่าทาง วันนั้นเขามองฉันเป็นแค่แฟนคลับ และคงไม่ได้บันทึกความทรงจำอะไรไว้แม้แต่นิดเดียว
“โอ้ เหรอครับ” เขาตอบยิ้มๆ “ไม่แปลกหรอกครับ ผมก็ไม่ได้ดังอะไรมากมาย ละครที่เล่นส่วนใหญ่ก็เน้นคนดูวัยกลางคนมากกว่า”
“ไม่หรอกค่ะ คุณต้องดังมากเลยล่ะค่ะ ไม่งั้นฉันคงไม่รู้จักแน่ๆ ฉันรู้จักดารานับคนได้เลยนะคะ เพื่อนชอบว่าว่าบ้านฉันไม่มีโทรทัศน์”
เขายิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบอะไร
“งั้นฉันไปก่อนนะคะ เดี๋ยวจะสาย โชคดีค่ะ”
ฉันพูดพลางก้มศีรษะให้เขาน้อยๆ เป็นเชิงขอตัว เมทิตย์ทำท่างงอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามแผน ต้องเป็นคนจบบทสนทนาเอง และอย่าทำอะไรที่จะแสดงตัวว่าเป็นแฟนคลับของเขาเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นการขอถ่ายรูป แสดงความตื่นเต้นจนออกหน้าออกตา หรือชวนคุยเรื่องผลงานของเขาไม่หยุด ทำตัวให้ธรรมดาที่สุด ชวินกรอกหูฉันจนเบื่อ ไม่มีดาราที่ไหนอยากได้แฟนคลับเป็นแฟน
ฉันนั่งรถไฟฟ้าออกจากคอนโดฯ
โชคร้ายของฉันที่เมทิตย์ตื่นเช้ามาก เราเจอกันที่หน้าห้องเวลาประมาณหกโมงเช้า วันนี้เขาไม่น่าจะไปกองถ่าย เพราะปกติกองถ่ายจะนัดเช้ากว่านี้มาก หรือไม่ก็มีแต่คิวสายหรือบ่าย แต่ก็ไม่น่าจะใช่ ปกติเมทิตย์เล่นเป็นพระเอกแทบทุกเรื่อง ส่วนใหญ่จะโดนคิวแรกยันคิวสุดท้าย เช้ายันดึก ออกจากคอนโดฯ แบบนี้น่าจะไปถ่ายงานโฆษณาหรือไม่ก็เตรียมตัวไปงานอีเวนต์มากกว่า