“ไม่เป็นไร” ฉู่เซวียนอั๋งอุ้มนางนั่งลง ทารกน้อยอยู่ในอ้อมกอด ยังคงไม่สบายตัวอย่างมาก แต่กลับไม่ร้องไห้งอแง ปัดโน่นปัดนี่ ในทางตรงกันข้ามมือหนึ่งจับสาบเสื้อของเขา หน้าแดงย่นไปหมด แลดูน่าเวทนายิ่งนัก ทว่าทำให้เขาปวดใจอย่างคาดไม่ถึง
เพราะ…นางคือน้องสาวหรือ
“พี่ใหญ่” เด็กชายตัวเล็กเดินเข้ามาใกล้ มองดูน้องสาว ลูบแก้มนุ่มๆ ของนางด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ความรู้สึกเย็นเยียบที่ข้างแก้มทำให้นางตกใจ…นางกำลังถูกกินเต้าหู้ รู้สึกจนใจจริงๆ แต่…นี่คือพี่ชายนางอีกคน? นางอยากลืมตาขึ้น พอลืมตาก็เพียงรู้สึกว่ามีแสงจากโคมไฟ มีเงาคนสั่นไหวไปมา แต่เห็นไม่ชัด
“อย่ากังวลไปเลย” เขาปลอบโยนน้องชาย จากนั้นเงยหน้าขึ้น “น้าซื่อ รบกวนช่วยเตรียมน้ำนมให้ก่อนสักเล็กน้อย แล้วพาน้องฉีไปกินข้าวเย็น ให้เขาเข้านอนเร็วหน่อย”
วุ่นวายตั้งแต่พลบค่ำจนถึงยามนี้ ทุกคนยังไม่ได้กินข้าวเย็น เวลาเช่นนี้แทบไม่มีใครห่วงเรื่องความหิว
“พี่ใหญ่ ข้าอยากอยู่กับน้อง”
“น้องฉี…”
“ข้าเป็นพี่ชาย จะต้องปกป้องน้อง”
พอได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของฉู่เซวียนอั๋งที่ราบเรียบก็คลายลงเล็กน้อยในที่สุด
“ได้ พวกเราอยู่เป็นเพื่อนน้องด้วยกัน แต่เจ้าต้องไปกินข้าวก่อน”
“พี่ก็ต้องกิน” แม้ฉู่เซวียนฉีมีอายุเพียงสี่ขวบ แต่ดื้อรั้นยิ่งนัก
“เจ้ากินก่อน อีกสักครู่พี่ค่อยกิน” เขาจะรอดูหมอโอสถช่วยลดไข้ให้น้องสาวก่อน
“ได้” ฉู่เซวียนฉีเดินไปยืนข้างอีซื่อเอง แม้น้ำเสียงจะเป็นเด็กไร้เดียงสาแต่เด็ดขาดนัก “น้าซื่อ ข้าจะกินข้าว พี่ใหญ่และน้องสาวก็จะกินด้วย”
“ได้เจ้าค่ะ” อีซื่อพยักหน้า นางเดินออกจากห้องทันที มุ่งไปยังห้องครัวเล็กทางด้านหลัง คืนนี้ไม่รู้ว่าจะต้องอดหลับอดนอนนานเท่าไร นางอุ่นอาหารมากขึ้นสักหน่อย หากมีเวลา ทุกคนก็ผลัดกันกินข้าวแล้วค่อยผลัดกันพักผ่อน
เพียงแต่ฮูหยิน…เฮ้อ…ไม่คิดเสียดีกว่า
เกิดเป็นสาวใช้ ก็แค่รับใช้นายให้ดีเป็นพอ
ผลสุดท้ายคืนนี้ไม่มีใครได้พักผ่อนเต็มที่ ส่วนหมอโอสถท่านนั้นก็พักอยู่ในคฤหาสน์สกุลฉู่เป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม ไม่อาจทิ้งไปได้ เพราะคุณหนูน้อยสกุลฉู่ที่เพิ่งเกิดเป็นไข้กลับไปกลับมาอยู่ตลอด ดื่มน้ำนมไปสามคำก็อาเจียนออกมาสักคำสองคำ ร่างกายอ่อนแอจนน่าเป็นห่วงยิ่ง
พอฉู่ฮูหยินที่กำลังอยู่ไฟรู้เข้าก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟกว่าเดิม นางอยากได้ลูกที่มีพรสวรรค์สูงส่งด้านวรยุทธ์ ไม่ใช่เด็กป่วยกระเสาะกระแสะ ทันใดนั้นนางก็อยากให้อีหรูอุ้มเด็กคนนี้ไปไกลๆ หน่อย จะได้ไม่ร้องไห้งอแงรบกวนนาง
ฉู่อวิ๋นเฟยผู้เป็นพ่อพอทราบข่าวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขายังคงอยู่ดูแลสตรีอันเป็นที่รักในเรือนหลิงหลง ไม่เฉียดเข้าเรือนหลิวอี้สักก้าวตลอดทั้งเดือน เพียงกำชับอีจิ้งประโยคหนึ่ง ถ้าจะต้องเชิญหมอโอสถก็เชิญมา ไม่มีเรื่องใหญ่โตอะไรก็ไม่ต้องรายงานเขา ส่วนเรื่องชื่อ…หากเด็กอายุถึงหนึ่งขวบก็ค่อยตั้งแล้วกัน