“จิงหลัน ไม่ได้พบกันเสียนาน” หลงชิงเหยาเป็นฝ่ายกล่าวทักทายคนผู้เดียวที่มีมิตรภาพต่อกันจากในบรรดาคนที่มา
“ชิงเหยา เซ่าจวิน อู๋หยา” ไป่หลี่จิงหลันยิ้มให้พวกเขา จากนั้นก็มองไปยังไป่หลี่จิงหง แล้วพยักหน้าให้ทีหนึ่ง
แม้จะไม่รู้จัก แต่ดูจากลักษณะภายนอกของไป่หลี่จิงหง รวมถึงการที่เดินเคียงมากับหลิงเซ่าจวินและหลงชิงเหยา ไป่หลี่จิงหลันก็เดาได้แล้วว่าเขาเป็นผู้ใด
เพียงแต่ทั้งสองไม่เคยได้พบหน้ากัน จึงไม่เหมาะที่จะแสดงท่าทีสนิทสนมเกินไป มิหนำซ้ำตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่ามิใช่โอกาสที่ดีในการทำความรู้จักกัน
แต่กระนั้นก็เห็นชัดว่ามีคนไม่รู้จักกาลเทศะ จงใจถามขึ้นว่า “ท่านนี้คือ?”
“ประมุขหอน้อยแห่งหอลงทัณฑ์ของภาคีผู้ฝึกตนเรา ไป่หลี่จิงหง” หลิงเซ่าจวินกล่าวแนะนำอย่างผ่าเผย
เน้นว่าเป็น ‘ประมุขหอน้อยแห่งหอลงทัณฑ์ของภาคีผู้ฝึกตนเรา’ เป็นพิเศษ มิใช่คนของสกุลไป่หลี่ ฉะนั้นจงระวังวาจาท่าทีสักหน่อย
ทว่าการเน้นเพียงระดับนี้เห็นได้ชัดว่าขู่คนไม่รู้กาลเทศะไม่ได้
“คือคนที่จับตัวอาหญิงเยียนไว้แล้วเรียกค่าไถ่จากพวกข้า?!”
“คุณชายจิงเหอคิดว่าพวกข้าเรียกราคาต่ำเกินไปกระนั้นหรือ” หลิงเซ่าจวินแสร้งทำเป็นถอนหายใจ “อันที่จริงข้าเองก็รู้สึกเช่นนั้น…”
“ข้าได้พูดว่าท่านเรียกราคาต่ำเสียที่ใด!”
“อา…มิใช่หรอกหรือ” หลิงเซ่าจวินทำท่าทางงันไปเล็กน้อย “ข้ายังอุตส่าห์นึกว่าจะอย่างไรก็อยู่ร่วมดินแดนตอนกลางเหมือนกัน คงไม่ดีหากจะทำให้พวกท่านสิ้นเปลือง ด้วยเหตุนี้จึงแสดงน้ำใจรับแค่ราคามิตรภาพ…”
“ลำพังแค่ไป่หลี่เยียนกับไป่หลี่จ้งก็เรียกตั้งหมื่นก้อนหินวิเศษคุณภาพสูง ยังจะบอกว่าเป็น ‘ราคามิตรภาพ’ เหตุใดท่านไม่มาปล้นกันเสียเลยเล่า!” ไป่หลี่จิงเหอหวิดจะเต้นเร่าๆ ให้เขาดูแล้ว
“คุณชายจิงเหอพูดเยี่ยงนี้ได้อย่างไรกัน ข้ามิใช่โจรเสียหน่อย จะปล้นผู้อื่นได้อย่างไร”
“เช่นนั้นท่านยังจะเรียกค่าไถ่จากพวกข้าอีก?”
“นั่นเป็นค่าทำขวัญและค่ารักษาอาการบาดเจ็บ” หลิงเซ่าจวินพูดด้วยท่าทางเป็นการเป็นงาน “ฮูหยินกับผู้ดูแลของตระกูลท่านมาแหกปากโวยวายใส่คนของภาคีผู้ฝึกตนไม่พอ ยังวางยาพิษทำร้ายคนอีกด้วย ข้าไม่ได้ขอคำอธิบายจากประมุขตระกูลท่าน เพียงแต่ขอให้ตระกูลท่านจ่ายหินวิเศษมาให้พวกข้าซื้อยาแก้พิษสักนิดสักหน่อย นี่ถือว่าเกินไปหรือไร”
“เรื่องนี้…”
“หากเหตุการณ์แบบเดียวกันเกิดขึ้นที่ตระกูลของท่าน ตระกูลท่านจะเลิกแล้วกันไปเพียงเท่านี้หรือไร”
“เรื่องนี้…”
“มิหนำซ้ำคนของตระกูลท่านวางยาพิษ แล้วยังเผลอไปทำให้คนของตระกูลเฟิ่งและตระกูลหลงถูกพิษไปด้วย หากมิใช่ข้าช่วยแก้พิษอีกทั้งช่วยเกลี้ยกล่อม เกรงว่าตระกูลท่านคงไม่ได้เผชิญหน้ากับแค่ภาคีผู้ฝึกตน แต่เป็นภาคีผู้ฝึกตนรวมถึงตระกูลเฟิ่งและตระกูลหลงร่วมกันถามหาความรับผิดชอบแล้ว”
“เรื่องนี้…” ยามนี้มาดร้อนรุ่มพลุ่งพล่านของไป่หลี่จิงเหอหายไปสิ้นแล้ว
อันที่จริงมีการเกลี้ยกล่อมเสียที่ใด ความจริงคือการฉวยโอกาสค้ากำไรต่างหาก