ฉู่อวิ๋นเฟยเข้าข้างลูกชายที่เกิดจากต้วนหลิงหลงชัดแจ้งถึงเพียงนี้ คิดว่านางจะไม่ยุ่งอะไรเลยใช่หรือไม่ ลูกชายของนาง นางมีสิทธิ์ไม่ยุ่งไม่ถาม แต่จะไม่อนุญาตให้ต้วนหลิงหลงแม่ลูกสามคนนั้นมารังแกได้ตามใจชอบ!
“อี้โหรว พูดน้อยๆ หน่อยเถอะ” ฉู่อวิ๋นเฟยทำตาขวางใส่นางแวบหนึ่ง
“ท่านพี่ ท่านเป็นประมุขตระกูล ทำอะไรต้องยุติธรรม หากจะลงโทษให้ฉีเอ๋อร์คุกเข่า หลิงเอ๋อร์ที่ทำผิดก็ต้องคุกเข่าด้วยเช่นกัน แล้วเขาเป็นพี่ชาย กลับรังแกน้องชายเช่นนี้จะต้องลงโทษหนักขึ้น ให้เขาจำหลักการรักใคร่และปกป้องน้องชายน้องสาวให้ขึ้นใจ” โม่อี้โหรวเอ่ย
“พอได้แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร ทำโทษอะไรกัน” ฉู่อวิ๋นเฟยจ้องโม่อี้โหรวอีกครา
“ถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ท่านจะเรียกข้า เรียกทุกคนในเรือนมารวมกันอยู่ที่นี่ พออั๋งเอ๋อร์กลับมาก็ต้องมาพบท่าน พอพบหน้าก็สั่งให้ฉีเอ๋อร์คุกเข่าหรือไม่” ยิ่งเขาจ้องนาง นางยิ่งไม่ยอมเลิกรา เขาอยากจะปกป้องต้วนหลิงหลงแม่ลูก นางจะต้องทำให้ต้วนหลิงหลงเจ็บใจให้ได้
“อี้โหรว”
“ท่านพี่ หากไม่ยอมชี้แจงเหตุผลกับข้า ข้าก็จะพาลูกๆ กลับสำนักเถาฮวากู่” โม่อี้โหรวไม่ยอมปล่อยโอกาสที่จะทำให้ต้วนหลิงหลงทุกข์ใจหลุดลอยไปแม้แต่น้อย เขาอาจจะไม่สนใจลูกอีกสองคน แต่อั๋งเอ๋อร์เป็นลูกชายคนโตที่เขาพอใจหนักหนา นางไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่ยอมประนีประนอม
“อี้โหรว อย่าทำเรื่องยุ่ง เด็กๆ ทะเลาะกันเล็กน้อย สมควรที่เจ้าจะมาทำเป็นกระต่ายตื่นตูมหรือ” ฉู่อวิ๋นเฟยยิ่งขมวดคิ้วมุ่น
“ถ้าท่าทีของข้าเรียกว่ากระต่ายตื่นตูม เช่นนั้นที่ท่านพี่เรียกทุกคนมาที่นี่ พอเห็นฉีเอ๋อร์ก็สั่งให้คุกเข่ายอมรับผิดจะเรียกว่าอะไร ยุติธรรมหรือ” กล่าวจบโม่อี้โหรวก็ร้องฮึขึ้นเสียงหนึ่ง
ฉู่อวิ๋นเฟยอ้ำอึ้งไปโดยพลัน
“ท่านพี่แค่รักลูก แล้วก็โมโหที่ในคฤหาสน์สกุลฉู่เกิดเรื่องน้องชายข่มขู่พี่ชาย จึงไม่ทันระวังคำพูดและกิริยาไปชั่วขณะ” ต้วนหลิงหลงเอ่ยด้วยเสียงอ่อนหวาน
“รักลูกของเจ้า ด่าลูกของข้ามากกว่ากระมัง” นางไม่พูดยังดีหน่อย พอนางเปิดปากโม่อี้โหรวยิ่งโมโห เอ่ยตอบอย่างดุเดือด “ลูกของเจ้ารู้สึกผิดก็ส่วนรู้สึกผิด ลูกของข้าสมควรแล้วที่จะถูกด่า ถูกลงโทษ?” แล้วจ้องฉู่อวิ๋นเฟยอีกครั้ง “ท่านพี่ นี่ท่านจะลำเอียง ดูแคลนลูกที่ข้าโม่อี้โหรวคลอดมาใช่หรือไม่”
“หลิงเอ๋อร์ เจ้าขออภัยน้องชายเสีย” ต้วนหลิงหลงเห็นฉู่อวิ๋นเฟยลำบากใจ จึงตัดสินใจถอยก้าวหนึ่ง
“เอ่อ…” ฉู่เซวียนหลิงงุนงงโดยพลัน
“ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่ควรด่าว่าน้องชาย แม่เคยสอนเจ้าให้เคารพพี่ใหญ่ รักใคร่และปกป้องน้องชายน้องสาว เจ้าลืมแล้วหรือ” ต้วนหลิงหลงตำหนิเสียงอ่อน
ฉู่เซวียนหลิงทำหน้าไม่ยินยอม แต่ก็ไม่กล้าขัดคำมารดา ดังนั้นจึงทิ้งประโยคหนึ่งไปทางฉู่เซวียนฉีอย่างขุ่นเคือง “ขออภัย ข้าไม่ควรพูดว่าเจ้าไม่เอาไหน…” แล้วพึมพำอีกประโยค “แม้ข้าจะพูดไม่ผิด”
“ฉีเอ๋อร์ เจ้าจะต้องขออภัยพี่ชาย ต่อไปห้ามเจ้ากล่าวเช่นนี้ต่อพี่ชายอีก” ฉู่อวิ๋นเฟยแสร้งทำไม่ได้ยินเสียงพึมพำนั้นพลางเอ่ยขึ้นทันที
ฉู่เซวียนฉีแลมองพี่ใหญ่ ฉู่เซวียนอั๋งบอกเป็นนัยว่าห้ามพูด ก่อนจะเดินขึ้นหน้าไปอีกหนึ่งก้าว
“ท่านพ่อ ไยน้องฉีต้องขออภัย”
“เขาข่มขู่หลิงเอ๋อร์ หรือว่าไม่ควรขออภัย”
“เพราะประโยคนั้นที่ว่าจะให้ข้าควบคุมน้องหลิงฝึกยุทธ์อย่างเข้มงวดน่ะหรือ” ฉู่เซวียนอั๋งจ้องมองด้วยแววตาที่ไม่ยอมถอยสักนิด
“หืม?” ฉู่อวิ๋นเฟยขมวดคิ้วจ้องลูกชายคนโต
แค่โม่อี้โหรวก่อกวนก็แย่พอแล้ว ไยแม้แต่อั๋งเอ๋อร์ที่รู้ความมาตลอดก็งี่เง่าตามไปด้วย นางคงไม่ได้สอนอะไรอั๋งเอ๋อร์มากระมัง