ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดสามีของกุลสตรีอันดับหนึ่ง เล่ม 3 บทที่ 81-82
เทียบกันแล้วสถานการณ์ของเฉิงอวี๋จิ่นอันตรายกว่ามาก เพราะเด็กน้อยเมื่อครู่ เฉิงอวี๋จิ่นถึงกับเสียกำลังเกือบครึ่งที่มีเพื่อผลักขึ้นไปบนผิวน้ำแข็ง เดิมทีก็ปลอดภัยไปแล้วครึ่งหนึ่ง ครอบครัวของอีกฝ่ายจึงช่วยเหลือได้อย่างราบรื่น ทว่านางกลับสูญกำลังกายไปรุนแรงมาก ตอนเพิ่งลงน้ำ น้ำเย็นกระทบจนมือเท้าเจ็บแปลบ แต่จากนั้นนางพบว่ามือเท้าค่อยๆ แข็ง เริ่มหมดความรู้สึก
พวกตู้รั่วพยายามจะยื่นไม้ไผ่ยาวออกไป ถึงขั้นเสี่ยงอันตรายลงไปยืนบนน้ำแข็ง แต่เฉิงอวี๋จิ่นเสียกำลังกายไปอย่างรุนแรง ระยะห่างแค่สั้นๆ ไม่ว่าจะทำอย่างไรนางก็ว่ายไปไม่ถึง หลินชิงหย่วนเห็นท่าไม่ดีจึงพูดว่า “เมื่อครู่นางเสียกำลังมากเกินไป ตอนนี้ไม่มีกำลังแล้ว ช่วยถือเสื้อคลุมให้ข้า ข้าจะลงน้ำไปช่วยนาง”
หลินชิงหย่วนถอดเสื้อคลุมออก รู้สึกหนาวจนตัวสั่นในทันที เด็กรับใช้สกุลหลินคัดค้านอย่างแรงกล้า หลินชิงหย่วนเองก็ลังเลใจไปชั่วขณะเพราะความหนาวเย็นเช่นกัน ในชั่วขณะที่ชะงักไปเพียงชั่วครู่นั้นเอง ทางฝั่งแม่น้ำอีกด้านก็มีเสียงกระทบน้ำดังลอยมาในทันใด เหมือนมีคนตะโกนอะไรบางอย่าง จากนั้นก็มีเสียงกระโดดน้ำตู้มๆ อีกหลายครั้ง
หลินชิงหย่วนหันหน้าไปอย่างตกใจ มองผ่านแสงไฟที่รางเลือน เห็นคนคุ้นตาที่ฝั่งตรงข้าม
นั่นคือองครักษ์ของเฉิงหยวนจิ่ง ดูเหมือนจะชื่อหลิวอี้ ระยะนี้หลินชิงหย่วนเข้าออกจวนสกุลเฉิงบ่อยครั้ง จึงสนิทกับหลิวอี้มาก เพียงแต่เวลานี้หลิวอี้ ทั้งร้อนใจและตื่นตระหนก ลนลานกระสับกระส่ายเหมือนมดที่วิ่งไปมาบนหม้อร้อนไม่มีผิด
ตู้รั่วกับเหลียนเชี่ยวสองสาวใช้ตะโกนร้องอย่างไม่ห่วงหน้าตา แทบจะกระโดดอยู่แล้ว “เป็นนายท่านเก้า! คุณหนูรอดแล้ว!”
พวกนางสองคนตะโกนพูด แล้วรีบวิ่งไปยังอีกฝั่งของแม่น้ำ คนทางนี้ก็ยืดคอยาว พูดวิจารณ์ความเปลี่ยนแปลงของอุบัติเหตุเมื่อครู่ เด็กรับใช้สกุลหลินรีบคว้าแขนของหลินชิงหย่วนไว้แน่น เขาเห็นหลินชิงหย่วนจ้องกลางแม่น้ำนิ่งไม่ขยับ กลัวว่าคุณชายยังคิดจะกระโดดลงไปอีก รีบพูดว่า “คุณชาย ฤดูหนาวลงน้ำอันตรายเกินไป ท่านไม่ได้ว่ายน้ำได้ชำนาญนัก จะเสี่ยงอันตรายไม่ได้นะขอรับ!”
หลินชิงหย่วนบนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเศร้าจางๆ จางเสียยิ่งกว่าแสงไฟด้านหลังเสียอีก “ไม่ต้องแล้ว”
“คุณชาย?”
“นี่ก็คือความแตกต่างกระมัง ข้าจนปัญญาแล้วจริงๆ จึงจะลงน้ำ แต่เขากระโดดลงไปช่วยคุณหนูใหญ่เฉิงทันทีในชั่วขณะที่เห็นนาง”
“…คุณชาย ท่านพูดอะไรขอรับ”
หลินชิงหย่วนส่ายหน้า รับเสื้อคลุมตัวนอกมาจากมือของเด็กรับใช้ ไม่พูดอะไรอีก
เฉิงอวี๋จิ่นค่อยๆ รู้สึกว่าโลกห่างจากนางไกลออกไปทุกที แสงไฟและเสียงโวยวายที่ฝั่งตรงข้ามเหมือนจะกลายเป็นภาพเลือนรางที่ห่างไปไกล นางไม่รู้ว่าร่างกายตนเองเย็นเฉียบเกินไปจนเกิดภาพลวงหรือไม่ นางจึงมองเห็นเฉิงหยวนจิ่ง
เฉิงอวี๋จิ่นเองยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องเหลวไหล เกิดภาพฝันว่าเทพเซียนมาช่วยนางยังดีกว่า เหตุใดจึงคิดถึงเฉิงหยวนจิ่งเล่า ทว่าช่วงเวลาต่อมาแขนของนางก็ถูกคนผู้หนึ่งจับไว้ จากนั้นตัวนางก็ถูกแรงที่แข็งแกร่งยึดไว้มั่นราวกับในที่สุดก็หลุดจากความว่างเปล่าขึ้นมาเหยียบบนพื้นแข็งได้แล้ว
มือของอีกฝ่ายเย็นมากแล้ว แต่เมื่อเทียบกับเฉิงอวี๋จิ่น มือนั้นยังคงเป็นเหมือนขุมความร้อน ส่งไอร้อนไหลเข้าสู่ร่างกายนางไม่หยุด
เฉิงอวี๋จิ่นจ้องอยู่นาน ไม่มั่นใจว่านี่เป็นภาพลวงตาท่ามกลางความหนาวเหน็บของตนหรือว่าเป็นความจริง “ท่านอาเก้า?”
“ไม่ต้องพูดอะไร รักษากำลังกายไว้”
หลังจากเฉิงหยวนจิ่งกระโดดลงน้ำ องครักษ์อีกหลายคนก็กระโดดลงน้ำตามมาทันที เวลานี้น้ำแข็งที่แตกถูกแหวกเปิดทาง สุดปลายทางเป็นก้อนน้ำแข็งที่แข็งแรงมากพอก้อนหนึ่ง บนผิวน้ำแข็งมีคนคอยรับอยู่ หลิวอี้เห็นเฉิงหยวนจิ่งแล้วก็โล่งอกอย่างเห็นได้ชัด ทำท่าเหมือนหัวของตนเองงอกกลับมาใหม่อีกครั้ง ทว่าเฉิงหยวนจิ่งกลับไม่ได้ขึ้นมาก่อน แต่วางตัวเฉิงอวี๋จิ่นไว้บนที่ปลอดภัยก่อน ตนเองจึงค่อยตามขึ้นมาจากผิวน้ำ
เฉิงอวี๋จิ่นรับรู้ว่าน้ำเย็นไหลลดจากรอบตัว ขณะเดียวกันลมหนาวก็พัดใส่ตัวนาง ให้ความรู้สึกเย็นเยือกอย่างเห็นได้ชัด เฉิงอวี๋จิ่นจึงได้รู้ว่าเป็นเฉิงหยวนจิ่งจริงๆ นางพ้นอันตรายแล้ว
ตู้รั่วกับเหลียนเชี่ยวคุกเข่าอยู่บนชั้นน้ำแข็ง พอเห็นเฉิงอวี๋จิ่นก็รีบดึงตัวนางไว้ ทั้งร้องไห้ทั้งหวาดกลัว แม้แต่จะพูดก็พูดไม่ออก ตู้รั่วรีบหาเสื้อคลุมกันลม ในเวลานี้เสื้อคลุมสีดำตัวหนึ่งก็เหมือนตกลงมาจากฟ้า ทั้งหนาหนักและอบอุ่น ห่อตัวของเฉิงอวี๋จิ่นไว้แน่นหนา
ตู้รั่วตกใจ ชะงักการกระทำไป ในเวลานี้เฉิงหยวนจิ่งจึงพูดว่า “ยังไม่รีบไปหาเตาอุ่น* ให้นางอีก นางถูกความเย็นแล้วยังโดนลมโกรกเช่นนี้ หากให้ทนจนกลับถึงจวนคงล้มป่วยแน่”
ตู้รั่วรีบเงยหน้ามองแวบหนึ่ง ไม่กล้าพูดอะไร ทำตามที่เฉิงหยวนจิ่งพูด เฉิงอวี๋จิ่นในตอนนี้สมองยังคิดได้ไม่ชัดเจน แต่เสื้อผ้าที่มีความร้อนบนตัวสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้นางได้มาก ในมือนางไม่รู้ว่ามีใครยัดเตาอุ่นใส่มือ ภายใต้การเพิ่มความร้อนทั้งนอกใน ในที่สุดเฉิงอวี๋จิ่นก็รู้ว่าตนเองมีชีวิตกลับมาแล้ว
เฉิงอวี๋จิ่นพอขึ้นมาจากผิวน้ำก็ถูกเสื้อคลุมห่อตัวไว้ รูปร่างของเฉิงหยวนจิ่งใหญ่กว่านางมาก เสื้อคลุมห่อตัวของนางได้อย่างแน่นหนา ชายเสื้อไม่โผล่ออกมาแม้แต่น้อย
พื้นที่นี้ตอนที่เฉิงหยวนจิ่งมาถึงก็ถูกล้อมไว้แล้ว คนที่มาดูเหตุการณ์ถูกไล่ไปไกล พวกเขาเห็นเพียงคุณชายที่กระโดดลงน้ำคนแรกพาคนคนหนึ่งขึ้นมา จากนั้นสายตาก็ถูกบดบังมองไม่เห็นอะไรเลย
เสื้อผ้าฤดูหนาวเดิมทีก็สวมหนาชั้นอยู่แล้ว เฉิงอวี๋จิ่นถูกห่อตัวไว้ เสื้อผ้าบนตัวถูกน้ำ แม้จะแนบตัว แต่ก็ไม่เห็นเรือนร่างจนน่าเกลียด กอปรกับมีเฉิงหยวนจิ่งเก็บกวาดสถานที่ แม้แต่สภาพทุลักทุเลที่นางขึ้นมาจากน้ำยังไม่มีผู้ใดเห็น
หลังจากความกังวลถูกคลี่คลาย สิ่งเดียวที่เฉิงอวี๋จิ่นเป็นห่วงหมดลงแล้ว นางก็รู้สึกประคองสติไม่ไหวในทันใด เดิมทีนางคิดว่ารถม้าของจวนอี๋ชุนโหวจอดอยู่ค่อนข้างไกล หากนางกลับไปควรจะอธิบายกับท่านหญิงชิ่งฝูอย่างไร นางยังคิดไม่จบ ร่างกายก็เหมือนไร้น้ำหนัก นางรวมถึงเสื้อคลุมตัวโคร่งถูกเฉิงหยวนจิ่งช้อนอุ้มขึ้นมาทั้งหมด
เฉิงอวี๋จิ่นคิดตามไม่ค่อยทัน จึงเรียกเฉิงหยวนจิ่งด้วยจิตใต้สำนึก “ท่านอาเก้า?”
เฉิงอวี๋จิ่นตกน้ำ ยังถูกน้ำเย็นแช่แข็งอยู่นานมาก ตอนนี้เสียงเบาราวแมลง อยู่ท่ามกลางบรรยากาศวุ่นวายก็ฟังดูอ่อนแอราวลมเพียงวูบหนึ่ง แต่เฉิงหยวนจิ่งกลับได้ยินเสียงอันเคร่งเครียดของเขาพูดออกมาอย่างชัดเจนและสงบนิ่ง “อดทนสักครู่ หลิวอี้ไปตามหมอแล้ว น้ำร้อนกับน้ำขิงเตรียมพร้อมแล้วเช่นกัน”
เฉิงอวี๋จิ่นไม่พูดอะไรอยู่นาน ร่างกายสงบนิ่งไม่ไหวติงเช่นกัน ผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงถามด้วยเสียงแหบแห้ง “พวกเราจะไปที่ใด”
“ประตูเจิ้งหยางกับประตูฉงเหวินคนแน่น กลับจวนอี๋ชุนโหวช้าเกินไป ข้าจะพาเจ้าไปเรือนพักส่วนตัว อีกแห่งหนึ่ง” เฉิงหยวนจิ่งคิดว่าเฉิงอวี๋จิ่นกลัว จึงขยับเสื้อคลุมบนร่างนางให้แน่นขึ้น แล้วพูดว่า “ไม่ต้องกลัว เรือนพักแห่งนี้ไม่มีคนนอก ไม่กระทบกับชื่อเสียงของเจ้าหรอก”
ไม่มีคนนอก เฉิงอวี๋จิ่นเข้าใจแล้ว นี่เป็นเรือนพักส่วนตัวภายใต้ชื่อของเฉิงหยวนจิ่ง และเห็นได้ชัดมากว่าเรือนพักส่วนตัวที่เขาเตรียมไว้ไม่ได้มีเพียงที่นี่แห่งเดียว นี่เป็นเพียงเรือนที่อยู่ใกล้ที่สุดเท่านั้น
เฉิงอวี๋จิ่นสติรางเลือน หัวก็รู้สึกปวดหนึบ เพราะร่างกายอ่อนแอ แม้แต่เรื่องของเวลาก็ยังรู้สึกสับสน นางไม่รู้ว่าตอนที่ตนเองหลับตาแค่หลับตาเพียงชั่วครู่ หรือว่าเวลาผ่านไปนานแล้ว
แสงไฟสองข้างทางส่องตัดกัน เสียงคนโวยวายห่างออกไป แสงไฟเลือนรางตกกระทบในดวงตาของเฉิงอวี๋จิ่น ให้ความรู้สึกสับสนระหว่างความจริงกับความฝันตัดสลับกัน มีเพียงลมหายใจของคนข้างกายที่จริงแท้และมั่นคง
เฉิงอวี๋จิ่นนิ่งไปนานมาก ก่อนจะถามว่า “เพราะเหตุใด”
ร่างของเขาเหมือนจะชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นมือที่โอบแผ่นหลังของนางและบนหน้าตักก็เกร็งแน่นขึ้น “อวี๋จิ่น เจ้าเป็นคนฉลาดมาตลอด เจ้าว่าเพราะเหตุใดเล่า”
เฉิงอวี๋จิ่นสะลึมสะลือ ในที่สุดก็ทนต่อไปไม่ไหว พิงตัวเขาหลับตาลง เสียงของนางไร้เรี่ยวแรง เบาจนแทบไม่ได้ยิน “ข้าไม่เคยทำเพื่อคนอื่น ดังนั้นข้าจึงไม่เคยเชื่อว่าผู้อื่นจะทำเพื่อข้า”
* เตาอุ่น (ทังผอจื่อ) เป็นอุปกรณ์ให้ความอบอุ่นที่เริ่มปรากฏใช้ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่ง ทำจากสำริด ดีบุก กระเบื้อง ฯลฯ มักมีรูปทรงเหมือนฟักทอง ด้านบนมีปากเล็กสำหรับเติมน้ำร้อนแล้วปิดด้วยฝาเกลียวป้องกันน้ำเล็ดลอดออกมา สวมลงในถุงผ้าที่มีขนาดพอๆ กันก่อนจะนำไปใส่ไว้ใต้ผ้าห่ม
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 11 พ.ย. 65 เวลา 12.00 น.