เฉิงอวี๋จิ่นมีรอยยิ้มงดงามไร้ที่ติ ถามว่า ‘น้องหญิงรอง เจ้าเป็นอะไร’
เฉิงอวี๋โม่พูดอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยในทันใด ‘พี่หญิง พี่เป็นเช่นนี้มีความสุขหรือไม่’
อะไรนะ ตอนนั้นเฉิงอวี๋จิ่นงุนงงไปหมด นี่มันเรื่องอะไรกันหรือ
เฉิงอวี๋โม่สุดท้ายทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่งว่า ‘อะไรที่ไม่ใช่ของพี่…สุดท้ายก็ไม่ใช่ของพี่’ แล้วก็วิ่งออกไป
เมื่อวานเฉิงอวี๋จิ่นยังไม่รู้ความจริง นางยังจมอยู่ในความยินดีของการเตรียมตัวแต่งงาน แค่เพียงคิดว่าน้องสาวฉุกคิดอะไรขึ้นมาจนพูดจาส่งเดช ส่ายหน้า ก่อนหัวเราะแล้วไม่สนใจ คิดไม่ถึงว่าหลังจากเฉิงอวี๋โม่จากไป คืนนั้นเฉิงอวี๋จิ่นก็ฝันร้าย ฝันถึงคืนวันหิมะตก ฝันถึงหนังสือเล่มนั้น
ตอนนี้คิดไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่คนเมื่อชาติก่อนเป็นตายอย่างไรก็ไม่ยอมพูดความจริงก่อนนางแต่งงานจะเปลี่ยนนิสัยอย่างฉับพลัน สาเหตุมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือเฉิงอวี๋โม่รู้เรื่องราวในหนังสือแล้วเช่นกัน ถึงขั้นที่ว่านางก็คือเฉิงอวี๋โม่ในชาติก่อน
ดูท่าเมื่อวานที่เฉิงอวี๋โม่วิ่งออกไป คงได้บอกความจริงแก่ฮั่วฉางยวนแล้วกระมัง นี่อย่างไรเล่า วันนี้ฮั่วฉางยวนจึงมาถอนหมั้น
ป้าเจิ้งเห็นคุณหนูใหญ่ที่งดงามราวภาพวาดมีรอยยิ้ม จากนั้นลุกขึ้น กระโปรงแพรจีบปักดิ้นทองทิ้งตัวลงราวสายน้ำ ประหนึ่งดวงดาวบนท้องฟ้าตกลงบนชายกระโปรงของคุณหนูใหญ่ เป็นประกายระยิบ งดงามอย่างมาก
เท้าที่สวมรองเท้าผ้าเดินมาทางป้าเจิ้งอย่างช้าๆ แต่กระโปรงจีบตัวกว้างของคุณหนูใหญ่ไม่พลิ้วไหวแม้แต่น้อย นางก้าวย่างเบาหวิว ชายกระโปรงไม่ขยับ เดินอย่างมีมารยาทจนแทบจะบีบให้คุณหนูในเมืองหลวงนับไม่ถ้วนขาดใจตาย แต่สำหรับตัวเฉิงอวี๋จิ่นแล้ว การก้าวย่างเบาเช่นนี้กลับเดินได้คล่องราวสายน้ำกระเพื่อมไหว
ขณะที่ป้าเจิ้งตะลึงอยู่ เฉิงอวี๋จิ่นก็เดินผ่านตัวนางไปแล้ว ตู้รั่วรีบสวมเสื้อกันลมสีแดงสดให้แก่เฉิงอวี๋จิ่น ถามเสียงเบาว่า “คุณหนูใหญ่ ท่านจะไปที่ใดหรือเจ้าคะ”
“ไปพบคู่หมั้นของข้า”
“คุณหนูใหญ่!”
“พวกเจ้ากลัวอะไร” เฉิงอวี๋จิ่นหัวเราะ “ข้าเฉิงอวี๋จิ่นเป็นหลานสาวคนโตของจวนอี๋ชุนโหว บุตรสาวคนโตของภรรยาเอกอย่างท่านหญิงชิ่งฝู หลานสาวของหนิงอ๋อง เป็นที่ชื่นชมของทุกคนมาสิบสี่ปี เป็นคุณหนูผู้มีคุณสมบัติดีเลิศในเมืองหลวง ข้าจะแต่งกับใครไม่ได้บ้าง เหตุใดต้องทนรับการดูหมิ่นเช่นนี้จากเขาด้วย”
พวกตู้รั่วเมื่อครู่คิดว่าเฉิงอวี๋จิ่นจะไปโวยวายที่โถงชั้นหน้า ถึงแม้พูดเช่นนี้จะน่าเศร้ามาก แต่การที่สตรีนางหนึ่งถูกถอนหมั้น ทั้งยังไปร้องไห้โวยวายต่อหน้าอดีตบ้านว่าที่สามีมันน่าขายหน้าเกินไป เหลียนเชี่ยวรีบพูดว่า “คุณหนู ท่านคิดตกได้ดีที่สุดแล้ว คุณหนูงดงามและยังมีชาติกำเนิดสูงส่ง แต่งไปบ้านใดถือว่าพวกเขาได้กำไร จิ้งหย่งโหวต้องถูกผู้ใดสะกดจิตมาแน่นอน จึงได้หุนหันไปชั่วขณะ ทำเรื่องผิดพลาด ตอนนี้ข่าวยังไม่ลือออกไป ยังทันเวลา ท่านรีบไปขอร้องฮูหยินผู้เฒ่าให้นางเก็บเรื่องนี้ไว้ก่อน แม้จะเป็นฝ่ายชายเสนอถอนหมั้นเอง แต่ยกเลิกการหมั้นหมายอย่างไร้สาเหตุก็ไม่ดีกับชื่อเสียงของจวนจิ้งหย่งโหวเช่นกัน ถ้าฮูหยินผู้เฒ่าออกหน้า ต้องกอบกู้การแต่งงานครั้งนี้กลับมาได้แน่นอน”
“ใช่แล้ว ยอมพังวัดสิบแห่งดีกว่าทำลายงานแต่งหนึ่งงาน* คุณหนูใหญ่รีบไปที่ห้องนายหญิง ให้นายหญิงนำท่านไปที่หอโซ่วอัน นายหญิงเป็นถึงท่านหญิง ได้นางเป็นคนเอ่ยปาก ต่อให้เป็นจวนจิ้งหย่งโหวคงไม่กล้ารังแกท่านหรอกเจ้าค่ะ”
เฉิงอวี๋จิ่นยิ้ม “ใครบอกพวกเจ้าว่าข้าจะไปกอบกู้การแต่งงาน”
บรรดาสาวใช้พากันตกใจ “หา?”
“ข้าจะไปถอนหมั้นด้วยตนเอง”
เชิงอรรถ
* โหว บรรดาศักดิ์ห้าขั้นรองจากชั้นอ๋องของขุนนางจีนสมัยโบราณประกอบไปด้วย กง โหว ป๋อ จื่อ หนาน แต่ละสมัยจะมีคำเรียกและลำดับแยกย่อยแตกต่างกัน โดยโหวมีศักดิ์รองจาก ‘กง’ ซึ่งเป็นลำดับขั้นสูงสุด
* ซื่อจื่อ หมายถึงตำแหน่งทายาทผู้สืบทอดบรรดาศักดิ์ มักเป็นบุตรชายคนโตที่เกิดจากภรรยาเอก
* อวี๋จิ่น หมายถึงหยกงาม ใช้อุปมาถึงสตรีที่เพียบพร้อมทั้งความงาม คุณธรรม สติปัญญา และความสามารถ
** เจียงหนาน คือคำเรียกที่ราบลุ่มแม่น้ำทางด้านใต้ของแม่น้ำฉางเจียง (แยงซีเกียง) ปัจจุบันคือทางใต้ของมณฑลเจียงซู อันฮุย และด้านเหนือของมณฑล
เจ้อเจียง
* ซื่อ ธรรมเนียมการเรียกขานสตรีที่แต่งงานแล้วของจีนจะใช้คำว่า ‘ซื่อ’ (แปลว่านามสกุล) ต่อท้ายนามสกุลเดิมของสตรี บางครั้งอาจเพิ่มนามสกุลของสามีไว้หน้าสุดเพื่อระบุให้ชัดขึ้นก็มี
* ซีเป่ย หมายถึงทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
** ฉางเซิ่ง หมายถึงมีชัยชนะอยู่เสมอ
* ยามอิ๋น คือช่วงเวลา 03.00 น. ถึง 05.00 น.
* หลี่ (ลี้) หมายถึงหน่วยมาตราวัดของจีน เทียบได้กับระยะทางประมาณ 500 เมตร
* ดอกไม้สดประดับผ้าแพร มาจากสำนวน ‘เพลิงโชติช่วงเผาน้ำมัน ดอกไม้สดประดับผ้าแพร’ อุปมาถึงเรื่องราวที่ดีมาตั้งแต่ต้นและดียิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ
* หมาป่าตาขาว หรือหมาป่าตาบอด อุปมาว่าเป็นคนที่ไม่มีความเป็นมนุษย์ ลืมบุญคุณคน
** แสงจันทร์ขาว อุปมาถึงคนที่หลงรักแต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้
* ยอมพังวัดสิบแห่งดีกว่าทำลายงานแต่งหนึ่งงาน หมายถึงการทำลายงานแต่งถือเป็นเรื่องร้ายแรงชนิดที่บาปกรรมจากการพังวัดสิบแห่งยังไม่อาจเทียบเท่า
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 29 ก.ย. 65 เวลา 12.00 น.