ทดลองอ่าน
ทดลองอ่าน ยอดสามีของกุลสตรีอันดับหนึ่ง บทที่ 3-บทที่ 4
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงถามว่า “เจ้าจะถอนหมั้นกับหลานสาวคนโตของข้าจริงหรือ”
ฮั่วฉางยวนหยุดไปครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างหนักแน่น “ขอรับ”
ท่าทีหนักแน่นเช่นนี้ทำให้เฉิงหยวนเสียนฟังแล้วมีไฟโทสะพวยพุ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงใช้สายตาสะกดเฉิงหยวนเสียนเอาไว้ แล้วถามว่า “เพราะเหตุใด”
ฮั่วฉางยวนคิดถึงคืนฤดูหนาวที่เย็นเยือกเข้ากระดูกนั้นขึ้นมา เขาฟื้นขึ้นมาอย่างยากลำบากในวันที่หนาวเหน็บ พอลืมตาขึ้นก็เห็นหญิงสาวหน้าตางดงามผู้หนึ่งยิ้มให้เขา
เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นอย่างชัดเจน เขาคิดว่าที่แท้คืนนั้นเป็นนางที่ใช้ผิวเนื้อให้ความอบอุ่นแก่เขา สัมผัสที่หอมกรุ่นนุ่มเนียนนั้นราวกับตอนนี้ยังติดอยู่ที่ปลายนิ้ว
ฮั่วฉางยวนคิดว่าชาตินี้หากสามารถแต่งนางเป็นภรรยาได้จะต้องเป็นความสุขชั่วชีวิตของเขาแน่นอน
แต่ฮั่วฉางยวนคิดไม่ถึงว่านางกลับหลอกลวงเขา หญิงที่งดงามเพียงนั้นกลับมีจิตใจเลวร้ายเช่นนี้
ฮั่วฉางยวนดึงความคิดกลับมาตอนนี้อีกครั้ง เขามองดูฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงที่แววตาแฝงความคาดหวัง ท่านหญิงชิ่งฝูที่ทำเหมือนเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนเอง รวมถึงเฉิงหยวนเสียนที่แทบจะเข้ามาทุบตีเขาอยู่แล้วก็พูดไปทีละคำอย่างไม่ลังเล “ไม่มีเหตุผล คุณหนูใหญ่จวนของท่านอาจจะดีจริง แต่ไม่เหมาะสมกับข้า”
เฉิงหยวนเสียนครั้งนี้อยากจะถกแขนเสื้อจริงๆ ท่านหญิงชิ่งฝูรีบรั้งตัวเขาไว้ ฮั่วเซวียซื่อลุกขึ้นเช่นกัน ตะโกนว่า “พวกท่านจะทำอะไร!”
ท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงกระจ่างใสเสียงหนึ่งดังลอยมาจากประตูโถงหลัก “คำพูดของจิ้งหย่งโหวนี้ ขออภัยที่ข้าไม่อาจเห็นด้วยได้”
ทุกคนหันกลับไปอย่างตกใจ ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงเห็นผู้มาทีหลังก็ยืนขึ้นกระแทกไม้เท้าอย่างแรง “ยายหนูใหญ่! เจ้ามาทำไม!”
ฮั่วฉางยวนคิดว่าที่เฉิงอวี๋จิ่นพูดว่า ‘ไม่เห็นด้วย’ คือไม่เห็นด้วยที่พวกเขาจะถอนหมั้นกัน เขารู้สึกระอาใจอย่างมาก พูดว่า “ข้าตัดสินใจแล้ว การแต่งงานจะฝืนใจกันไม่ได้ ข้ากับคุณหนูใหญ่จบกันด้วยดีตอนนี้ คุณหนูใหญ่อย่าโวยวายจนทำให้สองฝ่ายขายหน้าเลย”
เฉิงอวี๋จิ่นบนใบหน้ามีรอยยิ้มสง่างาม งดงามไร้ที่ติ เดินสง่าย่างฝีเท้าเบาเข้าประตูมา หลังจากเข้ามาแล้วนางก็ไม่ได้สนใจฮั่วฉางยวน เพียงคารวะผู้อาวุโสในที่นั้นก่อน “อวี๋จิ่นคารวะท่านย่า คารวะท่านพ่อท่านแม่”
ฮั่วฉางยวนไม่เคยถูกเมินเช่นนี้มาก่อน สีหน้าของเขาเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม ใจคิดว่าการถอนหมั้นกับสตรีนางนี้เป็นการหยุดความเสียหายได้ทันเวลามาก เป็นเรื่องถูกต้องที่สุดแล้ว ฮั่วฉางยวนที่สีหน้าไม่ดีถามว่า “คุณหนูใหญ่ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร”
“ข้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอผู้หนึ่ง จะกล้ามีความเห็นอะไรต่อจิ้งหย่งโหวได้” เฉิงอวี๋จิ่นมองไปทางเขาด้วยรอยยิ้ม แผ่นหลังยืดตรง ดวงตากระจ่างแจ้งสุกใสราวดวงจันทร์เหนือหุบเหว สูงส่งงดงาม ไม่มีอะไรเทียบได้
ทว่าเมื่อสิ้นเสียงพูดไม่รอให้คนอื่นพูดต่อ เฉิงอวี๋จิ่นก็กล่าวต่อไปว่า “แต่ทุกเรื่องต้องพูดด้วยเหตุผล ตอนแรกจิ้งหย่งโหวหมดสติ ข้าช่วยท่านจากถ้ำกลางเขามาที่หมู่บ้านกลางเขาของท่านแม่ นี่เป็นเรื่องหนึ่ง หลังจากได้รับการช่วยเหลือ เป็นท่านที่ตามติดจะมาสู่ขอ อยากจะดองสองสกุลกับจวนอี๋ชุนโหวเอง ข้าเฉิงอวี๋จิ่นไม่เคยบังคับท่าน สกุลเฉิงของข้าก็ไม่เคยขอร้องท่าน นี่เป็นเรื่องที่สอง เพิ่งหมั้นหมายได้สองเดือน รู้กันทั่วเมือง แต่ท่านกลับจะยกเลิกด้วยตนเอง มาถอนหมั้นด้วยตนเองถึงบ้านอย่างเปิดเผย อีกทั้งยังพูดจาไม่ดีกับญาติผู้ใหญ่ในบ้านข้า นี่เป็นเรื่องที่สาม หนึ่งคือไร้คุณธรรม สองคือไร้สัจจะ สามคือไร้ยางอาย ท่านไม่มีคุณธรรม ไม่รู้จักกตัญญูเช่นนี้ ข้าแม้ยินดีไม่แต่งงานชั่วชีวิตก็อายที่จะแต่งเป็นภรรยาของท่าน วันนี้ต่อหน้าญาติผู้ใหญ่ทุกท่าน ข้าขอพูดกับจิ้งหย่งโหวให้กระจ่าง ข้าเฉิงอวี๋จิ่นไม่พอใจนิสัยของจิ้งหย่งโหว ดังนั้นจึงขอถอนหมั้นกับจิ้งหย่งโหว”
คนในโถงหลักยืนตะลึง ต่างคิดไม่ทันว่าเฉิงอวี๋จิ่นกำลังทำอะไรอยู่ นับจากโบราณมามีเพียงสามีหย่าภรรยา ฝ่ายชายถอนหมั้น มีฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายออกหน้าเองเสียที่ไหน ฮั่วเซวียซื่อตกตะลึงโดยสิ้นเชิง เป็นฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงที่ดึงสติคืนมาเร็วที่สุด ในใจแอบชมว่าไม่ได้เลี้ยงอย่างเสียเปล่า เป็นเด็กที่มีสมองคนหนึ่ง ฮั่วฉางยวนตั้งใจจะถอนหมั้น เรื่องนี้ดูแล้วไม่มีวิธีกอบกู้คืนมาได้ เช่นนั้นก็ออกมาพูดด้วยตนเองเสียเลย อย่างไรเสียในด้านคุณธรรมก็ได้เปรียบกว่า ขอเพียงจัดการได้ดี วันหน้าเฉิงอวี๋จิ่นอาจไม่ถึงขั้นแต่งกับตระกูลที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้อีก
ฮูหยินผู้เฒ่าเฉิงตัดสินใจแน่วแน่ จึงเปลี่ยนท่าทีในทันที “ช่างเถอะ ในเมื่อบ้านพวกเจ้าหลงทางไม่ยอมตื่น ยืนยันจะทำเรื่องที่ไร้คุณธรรมเช่นนี้ เช่นนั้นสกุลเฉิงของข้าก็ไม่กลัวพวกเจ้า ท่านโหวฮั่วทำเรื่องไร้คุณธรรมมากไปจะทำลายตนเอง เจ้าตัดสินใจเองก็แล้วกัน”
ท่านหญิงชิ่งฝูกับเฉิงหยวนเสียนยังคิดตามไม่ทัน การด่าท่อยาวเหยียดของเฉิงอวี๋จิ่นนั้นสาแก่ใจมาก คนทั่วไปทะเลาะกันก็เป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรือ แต่ว่า…จะถอนหมั้นจริงหรือ
ฮั่วฉางยวนถูกคำพูดสั่งสอนท่อนยาวของเฉิงอวี๋จิ่นทำให้ตื่นตะลึง รอจนเขาคิดตามทัน ในใจก็โมโหมาก สตรีร้ายกาจเช่นนี้ กล้าหาเรื่องกลับอีกด้วย แต่ฮั่วฉางยวนกลับคิดได้ว่าข้าเป็นบุรุษ จะถือสาสตรีอ่อนแอไม่ได้ อย่างไรเสียนางก็เป็นพี่สาวของโม่เอ๋อร์ เห็นแก่หน้าของโม่เอ๋อร์ ให้นางชนะในด้านการพูดก็ได้
ฮั่วเซวียซื่อตะลึงงันไปครู่หนึ่ง รอจนคิดตามทันก็หันไปมองเฉิงอวี๋จิ่นด้วยสายตาเคืองโกรธในทันที ฮั่วฉางยวนขวางมารดาเอาไว้ กล่าวว่า “ท่านแม่ ไม่ว่าใครจะเป็นคนพูดก่อน ขอเพียงถอนหมั้นได้ก็พอ คุณหนูใหญ่เฉิง ข้าเห็นแก่ที่เจ้าเป็นสตรี ไม่พูดทะเลาะกับเจ้าในเรื่องนี้ หวังว่าเจ้าจะรักษาคำพูด ถอนหมั้นโดยเร็ว”
“จิ้งหย่งโหวดูถูกสตรีเช่นนี้เชียวหรือ” เฉิงอวี๋จิ่นหัวเราะ หยิบหนังสือหมั้นหมายออกมา ตั้งใจฉีกเป็นเส้นๆ อย่างช้าๆ ต่อหน้าฮั่วฉางยวน “ผู้ที่ไม่รักษาคำพูดคือท่านโหวฮั่ว หวังว่าท่านจะจำไว้ ไม่ใช่เพราะท่านไม่ทะเลาะกับข้า แต่เพราะท่านไม่มีเหตุผลในการทะเลาะ”
เฉิงอวี๋จิ่นฉีกหนังสือหมั้นหมายเสร็จก็คลายมือออก เศษทั้งหมดตกลงพื้น เฉิงอวี๋จิ่นมองฮั่วฉางยวนเป็นครั้งสุดท้ายแล้วทำเหมือนไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น คารวะลาผู้อาวุโสไปทีละคน จากนั้นจึงหมุนตัวเดินจากไป
เฉิงอวี๋จิ่นต่อให้มาด่าคนก็ต้องทำให้ตนเองไม่มีที่ติอะไร เป็นคนที่มีคุณธรรมสูง
ฮั่วฉางยวนมองดูแผ่นหลังนั้น ในตอนนี้ภาพแผ่นหลังของนางยังคงสง่างดงาม ก้าวย่างไม่ยาวไม่สั้น ระยะเท่ากันราวกับคำนวณไว้ ฮั่วฉางยวนสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น สะบัดแขนเสื้อเดินออกไปด้วยความโกรธในทันที
พวกเฉิงหยวนเสียนถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ต่างหันหน้ามองกัน ดึงสติกลับมาไม่ได้อยู่นาน