“ทำไมท่านต้องตีข้าด้วย” เถาจ้งซานลูบหน้าผากด้วยสีหน้าเสียใจ
“ทำไมข้าต้องตีเจ้า?!” เถาไป่เหนียนพ่นลมก่อนกล่าวอย่างเดือดดาล “จนถึงตอนนี้ วันๆ เจ้าเอาแต่เล่นสนุก ไม่ทำงานทำการ กระทั่งสรรพคุณของยาสมุนไพรก็ยังจดจำได้ไม่หมด เจ้า…จะให้ข้ายกกิจการของสกุลเถาให้เจ้าอย่างวางใจได้อย่างไร”
เถาจ้งซานก้มศีรษะอย่างละอายใจ ทว่าปากยังคงพึมพำกล่าว “ก็ยังมีเม่ยเอ๋อร์อยู่มิใช่หรือ”
“เจ้า…เจ้าลูกทรพีคนนี้! เจ้าไม่เห็นหรือว่าเรื่องของเม่ยเอ๋อร์ร้ายแรงเพียงใดแล้ว ดีไม่ดีพวกเราทั้งครอบครัวยังจะต้องชดใช้ชีวิตไปด้วย!” เถาไป่เหนียนหวังให้บุตรชายได้ความขึ้นกว่านี้ จนตนเองแทบจะตีอกชกหัวขึ้นมา
ในที่สุดเถาจ้งซานก็ไร้วาจา เดินถอยไปข้างหลังหลายก้าว ก่อนจะหยิบสากขึ้นมาแล้วเริ่มบดยาใหม่อีกครั้ง
เถาไป่เหนียนถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจอย่างเจ็บปวด “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ได้แต่แจ้งทางการแล้ว!”
“ไม่ ท่านพ่อ พวกเราจะแจ้งทางการไม่ได้เจ้าค่ะ” เถาเม่ยเอ๋อร์กล่าวอย่างจริงจัง
“เพราะอะไร” เถาไป่เหนียนไม่เข้าใจ เหตุใดในช่วงเวลาที่ยากลำบาก บุตรสาวจึงยังใจเย็นเช่นนี้อยู่ได้
“ตอนนี้ฝ่าบาททรงฝักใฝ่แต่พระธรรม เสด็จไปบำเพ็ญทุกรกิริยาที่วัดถงไท่อยู่หลายครั้ง ราษฎรพากันคับแค้นใจ ส่วนรัชทายาทกลับเอาแต่สนใจโคลงกวีไปอย่างไร้ค่า ไม่ก็ใช้ชีวิตอยู่ในตำหนักใน ทุกวันนี้ขุนนางและชนชั้นสูงของต้าเหลียงกินดีอยู่ดี รู้จักแต่เสพสุข ทว่ามีสักกี่คนที่ทำเพื่อราษฎรจริงๆ ท่านพ่อลืมแล้วหรือเจ้าคะ ค่ายาที่ทางการติดพวกเราไว้หนก่อนจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่นำมาคืน หากท่านพ่อไปหาพวกเขา มิใช่เป็นการมอบโอกาสให้พวกเขาคิดบัญชีหรอกหรือ มีขุนนางที่ชอบรับสินบนมากเพียงนี้ ต่อให้ไม่มีปัญหากับโจร ไม่ช้าก็เร็วพวกเราก็คงมีรายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย กิจการต้องปิดตัวลงอยู่ดี”
“เรื่องนี้…” เถาไป่เหนียนสูดลมหายใจเข้าอย่างหนาวเหน็บ อดรู้สึกชื่นชมกับการมองการณ์ไกลของบุตรสาวไม่ได้ “แต่พวกเราจะรอให้พวกโจรมาสังหารเช่นนี้หรือ”
“ฟังจากที่หลินจื่อเฟิงกล่าวมา เขาเพิ่งเสียมารดาไป ย่อมไม่กล้าทำเรื่องชั่วช้าโดยไม่สนใจสายตาผู้อื่น หากแต่งภรรยาในทันทีเกรงว่าจะถูกผู้คนก่นด่าว่าเป็นบุตรอกตัญญูแน่นอน ช่วงนี้ลูกยังไม่จำเป็นต้องไปกังวลอะไร เพียงแต่การที่เขาจงใจมาหาเรื่องสกุลสวีเช่นนี้จะต้องมีสาเหตุอย่างแน่นอน”
“หืม?” เถาไป่เหนียนพลันกระตือรือร้นขึ้นมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็มีโอกาสแก้ไขบุญคุณความแค้นนี้หรือ”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะท่านพ่อ เทียบยานั้นของท่านลุงสวี ลูกดูแล้วไม่มีทางมีปัญหาอย่างแน่นอน ตัวยาสมุนไพรย่อมจะมาจากสกุลเถาของพวกเรา ลูกคิดว่าถ้าเกิดเทียบยาไม่มีปัญหา หรือว่า…จะเป็นสมุนไพรของเราที่เกิดปัญหาขึ้นมา?”
“ไม่ เป็นไปไม่ได้” เถาไป่เหนียนส่ายศีรษะพร้อมโบกมือ กล่าวอย่างไม่เชื่อถือ “สมุนไพรทุกชนิดจากร้านไป่เฉ่าของพวกเรา ข้าล้วนเป็นผู้ตรวจสอบด้วยตนเอง ไม่มีทางเกิดข้อผิดพลาดขึ้นอย่างแน่นอน”
“ท่านพ่อ ลูกแค่กลัวว่าจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น” เถาเม่ยเอ๋อร์ขมวดคิ้ว เหลือบมองขวดน้ำเต้ายาสลักภาพปรมาจารย์ชื่อซงจื่อที่ด้านหลังบิดาคราหนึ่ง “เดิมการเป็นหมอรักษาผู้คนนับเป็นการสร้างบุญ แต่หากพลาดพลั้งหรือหย่อนยานไปก็อาจไม่ใช่การสร้างบุญอีก”
เมื่อเถาไป่เหนียนมองเห็นความกังวลใจพาดผ่านในดวงตาของบุตรสาวตน หัวใจก็พลันกระตุก เขาลอบมองลูกศิษย์ภายในร้านที่กำลังยุ่งวุ่นวายเงียบๆ ก่อนถอนหายใจแล้วหันตัวเดินจากไป