“ในเมื่อมาถึงเมืองหลวงแล้ว เหตุใดถึงไม่เข้าไปในเมืองเล่า ในเมื่อมาอย่างเปิดเผยชอบธรรม เหตุใดจึงต้องรบกวนชาวบ้าน นับแต่สมัยโบราณมีเพียงทหารไร้ศีลธรรมจึงจะลงมือทำร้ายชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ท่านแม่ทัพลักพาตัวบุตรสาวชาวบ้านมาโดยไร้เหตุผลเช่นนี้ นับว่าชอบธรรมหรือ”
“ฮ่าๆๆ! ฝีปากคมกล้าดีเยี่ยม ข้านับถือยิ่งนัก! แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าจะปฏิบัติเช่นไรกับเจ้าบ้าง”
“จิตใจของซือหม่าเจา แม้คนผ่านทางยังล่วงรู้ หากท่านแม่ทัพเข้าใจหลักในการทำการใหญ่ เหตุใดจึงต้องพึ่งพาขุนนางกบฏผู้กลับกลอก อกตัญญูกับแผ่นดินเช่นนี้ด้วย”
ปัง! แม่ทัพเคราดกผู้นั้นลุกขึ้นยืนตบโต๊ะพร้อมกล่าวอย่างโมโห “ท่านอัครเสนาบดีเป็นแม่ทัพผู้สู้ศึกอย่างชอบธรรม เพื่อขจัดขุนนางชั่วข้างกายฮ่องเต้และกำจัดขุนนางกังฉินจึงได้เคลื่อนทัพมา เหตุใดจึงเป็นกบฏไปได้เล่า”
“แม้แต่เด็กน้อยในชนบทยังรู้ว่าคนชั้นต่ำที่ขายนายเพื่อความรุ่งโรจน์ ทรยศแผ่นดินผู้หนึ่ง จะมาจงรักภักดีต่อราชวงศ์ของเราได้อย่างไร ดูแล้วท่านแม่ทัพไม่น่าเป็นคนเช่นนั้น เหตุใดจึงต้องช่วยเหลือคนชั่วทำความชั่ว สละชีพเพื่อคนชั้นต่ำผู้นั้นด้วย”
“เจ้า!” เคราของแม่ทัพเคราดกเริ่มกระเพื่อมสะบัดไหว “เจ้าพูดว่าข้าช่วยเหลือคนชั่วทำความชั่ว? เจ้า…”
ในตอนนั้นเองทหารคนสนิทข้างกายเขาผู้หนึ่งก็รีบร้อนกล่าวขึ้นมา “ท่านแม่ทัพอย่าได้โกรธเกรี้ยวไป เหตุใดจึงต้องถือสากับสตรีตัวเล็กๆ ผู้หนึ่งด้วย มอบนางให้ข้าน้อยเถิดขอรับ ให้ข้าน้อยจัดการนางเอง!”
“เหอะ!” แม่ทัพเคราดกหัวเราะเสียงเย็น “ช่างเถอะ ข้าเป็นถึงแม่ทัพที่ผ่านมานับร้อยศึก ยังต้องเกรงกลัวสตรีอ่อนแอเช่นเจ้าอีกหรือ ลากตัวออกไป นำไปขังเอาไว้ก่อน!”
“ท่านแม่ทัพ ท่านยกนางให้ข้าน้อยได้หรือไม่ ข้าน้อยยังไม่มีภรรยาขอรับ” ทหารคนสนิทผู้นั้นกล่าวโน้มน้าว ถามออกมาอย่างระมัดระวัง
“หืม?” สายตาดุจมีดน้ำแข็งของแม่ทัพเคราดกสาดมองไปยังเถาเม่ยเอ๋อร์
ลมหายใจของเถาเม่ยเอ๋อร์ติดขัดขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่นางจะแค่นหัวเราะเสียงเย็นออกมากะทันหัน “การกระทำของท่านแม่ทัพยังมิสู้โจรที่สังหารคนรวยเพื่อคนจน แทนที่จะให้ข้าต้องได้รับความอัปยศ ยังมิสู้ตวัดดาบเดียวมาเสียเลย!”
“คุณหนูเองก็คงรู้ว่าบนโลกใบนี้เรื่องที่ทรมานที่สุดคือการอยู่มิสู้ตายกระมัง”
“ข้าเกิดมาในตระกูลแพทย์ พบเห็นความตายและการลาจากมามาก จะไม่รู้ได้อย่างไร”
“ฮ่าๆๆ!” แม่ทัพเคราดกผู้นั้นเปลี่ยนจากมีโทสะมาหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “ข้ายังหลงคิดว่าคุณหนูไม่มีวันเกรงกลัวอะไรเสียอีก”
เถาเม่ยเอ๋อร์ฝืนกดข่มความหนาวเยือกที่มาจากอวัยวะภายในของตนเอง ลอบครุ่นคิดว่าวันนี้จะหลบหนีคราวเคราะห์ครั้งนี้ไปได้อย่างไร ก็พลันได้ยินเสียงหวีดหวิวของสายลม ลูกธนูสีดำดอกหนึ่งแล่นเข้ามาจากช่องว่างของประตูกระโจม พุ่งเข้าใส่ลำคอของแม่ทัพเคราดกผู้นั้นโดยตรง