“ในเมื่อต่อให้เปลี่ยนไปจนเก่งกว่านี้ก็ไม่อาจเข้าใกล้เขา ไม่สู้ทำลายหนทางเข้าใกล้ทั้งหมดไปซะเลยดีกว่าหรือ บางทีฉันอาจจะตัดใจได้ ฉันคงคิดแบบนี้ล่ะมั้ง” เจิ้งเหวินรุ่ยเรอออกมา ก่อนจะหัวเราะคิกคัก เธอยกเบียร์ที่เหลือขึ้นดื่มรวดเดียวแล้วถึงได้เอ่ยต่อ
ลั่วจื่อได้ยินแล้วอมยิ้ม ความคิดแบบนี้กลับฟังดูพิเศษไม่เบา
“แต่ฉันก็ยังตัดใจไม่ได้ ทั้งที่ทำถึงขนาดนี้แล้ว ฉันก็ยังตัดใจไม่ได้”
จะง่ายดายขนาดนั้นได้ยังไง ลั่วจื่อไม่ได้พูดออกไป แค่ก้มหน้าลงอมยิ้มต่อ
“เธออยากรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงชอบเขา”
ลั่วจื่อเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ
“เพราะว่าเขาสมบูรณ์แบบ เพราะว่าระหว่างเขากับฉัน เราห่างกันแค่ทางเดินกั้น ทุกวันเขาจะนั่งอ่านหนังสือ ทำแบบฝึกหัดอย่างตั้งใจ ถึงจะแอบเล่นเกมคอนโซลเวลาเรียน พอถูกอาจารย์เรียกชื่อก็ยังตอบคำถามทั้งหมดได้ และเพราะว่าเขาเดินเร็ว บนตัวเลยจะมีกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มหอมสะอาดลอยออกมา ต่อให้เล่นบาสจนเหงื่อท่วมหน้าก็ยังไม่มีกลิ่นเหม็นอะไร ฉันเคยรวบรวมความกล้ายื่นกระดาษทิชชูไปให้เขา ได้ยินเสียงไพเราะของเขาพูดว่า ‘ขอบคุณ’ แล้วยังมีดวงตาที่หยักโค้งเวลายิ้ม…
ฉันไม่มีอุดมการณ์อะไร ความหวังของทุกคนในครอบครัวอยู่ที่น้องชายของฉัน ฉันสอบเข้ามหา’ลัยที่ดีขนาดนี้ติด พ่อกับแม่ก็เห็นเป็นแค่เรื่องเซอร์ไพรส์ที่ไม่คาดฝันเท่านั้น ทุกคนในครอบครัวของฉันธรรมดามาก เวลากินข้าวแม้แต่เรื่องไข่ไก่ขึ้นราคายังทะเลาะกันได้ กระทั่งฉันเองเวลาเห็นพวกเขายังรู้สึกขายขี้หน้า อยากจะหนีไปให้ไกล แต่ว่าเขา เขาเป็นคนที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่ฉันเคยเจอ แตกต่างไปจากทุกคนที่ฉันเคยเจอมาทั้งหมด
ใช่…ฉันรู้ว่าฉันไม่สวย ไม่คู่ควรกับเขา แต่เดิมทีพระเจ้าก็ไม่ยุติธรรมอยู่แล้ว จะให้ตัวฉันเองก็ยังต้องตัดใจเหมือนกันหรือไง ทำไมฉันจะต้องไปชอบคนที่สู้เขาไม่ได้พวกนั้น แค่เพราะว่าคนที่ด้อยกว่าถึงจะเหมาะกับฉันงั้นเหรอ ทำไมฉันจะต้องปลงตกด้วย ทำไมจะต้องยอมแพ้แล้วไปเอาสิ่งที่ดีน้อยกว่าแทน!”
ยิ่งพูดเจิ้งเหวินรุ่ยก็ยิ่งอารมณ์พลุ่งพล่าน น้ำตาหลั่งลงมาราวกับฝนตก เธอจ้องเขม็งไปที่เนื้อย่างบนจานตรงหน้าอย่างแค้นเคือง ร่างกายที่แข็งเกร็งสั่นระริกอยู่น้อยๆ แรกเริ่มลั่วจื่อพยายามกลั้นขำที่อีกฝ่ายอยู่ๆ ก็ร่ายบทกลอนระบายความรู้สึกออกมาดื้อๆ รู้สึกเหมือนเธอกำลังแสดงละครอยู่ แต่เมื่อฟังมาถึงตรงนี้เธอกลับรู้สึกสะท้อนใจขึ้นมาเหมือนกันโดยไม่รู้ตัว
ใช่แล้ว ทำไมต้องยอมแพ้ด้วย การกลั่นแกล้งของพระเจ้าก็คือการแสดงให้เธอเห็นแบบแฝงเจตนาร้ายว่าอะไรคือสิ่งสวยงาม จากนั้นมองดูเธอถูกใจอยากได้จนไม่เห็นอย่างอื่นอยู่ในสายตา แล้วค่อยเก็บมันกลับไปพร้อมบอกเธอว่า ‘เลิกฝันได้แล้ว’ ความจริงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอสักนิด
เพราะแบบนี้พวกเราถึงได้ไม่ยอมแพ้
พระเจ้าแสดงความอยุติธรรมแบบเปิดเผย แต่คนธรรมดาก็รักษาสิทธิ์ที่จะดื้อรั้นเอาไว้
ลั่วจื่อคิดไปคิดมาก็หยักยกมุมปากเป็นรอยยิ้มขมขื่นออกมาโดยไม่รู้ตัว
นับประสาอะไรกับที่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่า ‘เขา’ ที่เจิ้งเหวินรุ่ยพูดถึงก็คือเซิ่งไหวหนาน ถึงแม้ตั้งแต่ต้นจนจบจะไม่มีใครพูดชื่อเขาขึ้นมาเลยก็ตาม