“จางหมิงรุ่ย ฉันคิดว่า…นายเป็นคนที่ไม่เลวเลย”
“หืม?”
“นายไม่ได้พาลโกรธเขา ทั้งยังเป็นเพื่อนที่ดีกับเซิ่งไหวหนานได้ นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ ถึงแม้ภายนอกดูแล้วเซิ่งไหวหนานจะไม่ผิด แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น บางทีนับจากนั้นก็คงจะห่างเหินไปจากเขาแล้ว ในเมื่อไม่ว่ายังไงผิดหรือไม่ผิดก็ไม่ใช่ประเด็นหลัก เรื่องศักดิ์ศรีเป็นเรื่องสำคัญที่สุดจึงยอมไม่ได้ แต่นายยังเป็นเพื่อนกับเขาต่อไป ซ้ำยังไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น ดังนั้นฉันเลยบอกว่านายเป็นคนรู้เหตุรู้ผล เป็นคนใจกว้างจริงๆ” ลั่วจื่อเอ่ยกับเขาอย่างจริงใจ
“จริงเหรอ ฉันดีขนาดนั้นที่ไหนกัน” จางหมิงรุ่ยลูบท้ายทอยเขินๆ
“แค่เรื่องนี้” เธอชี้ไปที่บลิซซาร์ดในมือ “นายก็เป็นคนดีมากแล้ว” ก่อนยิ้มหวานออกมา
“ความจริงไม่ได้ดีขนาดที่เธอพูดจริงๆ” จางหมิงรุ่ยยิ้มขื่นเล็กน้อย “ฉันนัดเธอต่อหน้าเขา แต่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ปรึกษากับเขามาก่อน บางทีคงเพราะฉันกลัวล่ะมั้ง”
ลั่วจื่ออึ้งไป งั้นตกลงแล้วนายนัดฉันทำไมกันแน่ เพื่อโชว์พาวใส่เขา? แต่เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาทั้งนั้น
“มีผู้หญิงมาจีบเขาเยอะมาก แต่เขาก็ไม่ได้ตอบรับใครทั้งนั้น พวกเพื่อนในหอพักของพวกเราต่างรู้สึกว่าเขาน่าจะยังลืมแฟนเก่าไม่ได้ ถึงแม้ภายนอกจะดูไม่ออก เวลาเรียนก็เรียน เล่นเกมก็เล่น ไม่ว่าชมรมหรือสภานักเรียนก็ทำได้ดี แต่ว่านะ ฉันมักรู้สึกว่า…” จางหมิงรุ่ยลังเลอยู่นาน สีหน้าแสดงความกังวลว่าลั่วจื่อจะต่อว่าที่เขาวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น
“เขาจะต้องดีขึ้นแน่ แค่ต้องการเวลาที่มากพอ คนนอกอย่างพวกเราไม่ต้องไปกลุ้มใจแทนจะดีกว่า” เธอเอ่ยขัดเขาทันที
เมื่อจางหมิงรุ่ยได้ยินน้ำเสียงที่เหมือนว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตัวเองของลั่วจื่อ เขาก็ประหลาดใจ
“อืม หวังว่าจะเป็นแบบนั้น” เขาปาดเหงื่อบนหน้าผากพลางตอบ
จางหมิงรุ่ยพาลั่วจื่อไปส่งถึงหอพัก ก่อนแยกกันก็เขาโพล่งออกมาประโยคหนึ่งอย่างกะทันหัน
“ขอโทษนะ คำพูดหลายๆ อย่างในวันนี้ที่ฉันพูดไปฟังแล้วไร้สมองอยู่บ้างจริงๆ”
ลั่วจื่อแค่ยิ้ม เธอไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ
“ความจริง…เธออย่าถือสานะ แต่ฉันคิดว่าพวกเธอเหมาะกันดี” จางหมิงรุ่ยมองลั่วจื่ออย่างหยั่งเชิง
ลั่วจื่อกะพริบตาปริบๆ ก่อนหัวเราะออกมา “นายกำลังชมฉันอยู่หรือไง”
จางหมิงรุ่ยมองดูแผ่นหลังบอบบางของลั่วจื่อลับหายไปจากหัวมุม ทำไมเขาถึงต้องขอเลี้ยงไอศกรีมลั่วจื่อ เขาคิดจะทำอะไรกันแน่
ทันใดนั้นก็มีข้อความหนึ่งส่งเข้ามา
‘ขออวยพรล่วงหน้าให้โชคดีมีชัย’
จางหมิงรุ่ยรู้สึกคาดไม่ถึงเล็กน้อย เซิ่งไหวหนานมีความสัมพันธ์ที่ดีกับทุกคน เวลาพูดถึงสาวๆ ตอนอยู่ในหอพัก เขาก็จะเป็นคนที่โพล่งคำพูดสรุปประเด็นทุกอย่างอย่างยอดเยี่ยมออกมา ทำให้ทุกคนรู้สึกนับถือกับความเข้าใจทะลุปรุโปร่งของเขา ทว่าตอนที่พวกเขารวมตัวกันช่วยเจ้าหก จีบสาว เซิ่งไหวหนานกลับทำแค่ยืนพิงหน้าต่างกินมันฝรั่งแผ่นอย่างเกียจคร้าน ไม่เคยเข้าร่วมด้วยเลยสักครั้ง โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์รักสามเส้าที่น่ากระอักกระอ่วนครั้งนั้น เซิ่งไหวหนานก็ยิ่งสนใจเรื่องความรักของคนอื่นน้อยมาก
วันนี้นับว่าเขามีความกระตือรือร้นอย่างหาได้ยากจริงๆ
จางหมิงรุ่ยนึกถึงท่าทีเสแสร้งกับการแนะนำอย่างกระตือรือร้นที่เซิ่งไหวหนานมีต่อลั่วจื่อ ทั้งยังมีเสียงพูดหยอกล้อเขาไม่หยุด หรืออาจเป็นเพราะบทเรียนจากครั้งก่อน ครั้งนี้เซิ่งไหวหนานเลยร้อนใจผลักลั่วจื่อมาให้ตนเอง จากนั้นก็ถือว่าชดใช้กันแล้ว หรือว่ายังมีสาเหตุอื่นอยู่อีก
ในชั้นเรียนตอนนั้นหลังจากที่เราทั้งคู่ต่างนิ่งเงียบไป จู่ๆ จางหมิงรุ่ยก็หวังให้เซิ่งไหวหนานยังพูดต่อไปจะดีกว่า
เหมือนกับว่าพอเขาหยุดพูด ความเงียบเหล่านั้นก็จะกลืนกินสายสัมพันธ์นี้ไปจนหมด
มิตรภาพสามารถเฉาตายได้หรือเปล่านะ
(ติดตามต่อได้ในฉบับเต็มเดือน กรกฎาคม 64)